บทที่ 986 เผาจนหมดสิ้น
นั่งรออยู่ในห้องพระอักษรคนเดียว ซ่านเซิ่งหานรออยู่ที่นี่นานมากแล้ว
เขาไม่เคยปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายมานานมากแล้ว ขุนนางในราชสำนักต่างก็จำได้แต่ท่านอ๋องจิ้งที่ฮ่องเต้โปรดปรานอย่างที่สุด แม้แต่อ๋องจงผิงที่สนิทสนมกับท่านอ๋องจิ้ง มีเพียงไม่กี่คนที่ยังจำได้ว่าเขาที่เป็นองค์ชายสามคนนี้ก็มีฝีมือศิลปะการต่อสู้ และก็ไม่หยิ่งยโส กังวลเพียงว่าเมื่อไหร่เขาจะสู้ไม่ถอย
จนถึงตอนนี้ คนที่ยังจำเขาได้ยิ่งมีน้อยมาก
หวางกงกงเอาน้ำชากับขนมมาให้อย่างนอบน้อม วางไว้ด้านข้างมือซ่านเซิ่งหาน “ฮ่องเต้กำลังเปลี่ยนผ้าอยู่ พระองค์ทานอะไรรองท้องก่อนเถอะ”
“ขอบใจหวางกงกง” ซ่านเซิ่งหานฝืนยิ้มพร้อมพูดขอบคุณ ยกชาขึ้นมาดื่มสองคำ แล้วก็ถามว่า “วันนี้เสด็จพ่อเรียกข้าเข้าวังมาอย่างลับๆ ด้วยเรื่องอะไรหรือ?”
“มีหูตาคนมากมาย บ่าวไม่ควรพูดมาก” หวางกงกงยิ้มพูดแล้วก็ออกไป
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูแล้วโทรหากลับไปมองประตูด้านข้างห้องพระอักษร วาสนาขององค์ชายสามหมดสิ้นแล้ว เขารอท่านอ๋องจิ้งกลับมาแล้วค่อยหาโอกาสไปตีสนิทดีกว่า
ซ่านต้วนโฉงมาอย่างเชื่องช้า เมื่อก้าวเดินเข้ามาภายในห้องพระอักษรก็มองเห็นซ่านเซิ่งหาน ยกมือบ่งบอกเขาว่าไม่ต้องทำความเคารพ แล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา ก็เพราะเรื่องหมู่ตึก”
“ลูกรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่โจรสลัดพวกนั้นไปไม่ถูกจังหวะ ไม่เช่นนั้นทองคำพวกนั้นก็จะไม่ตกอยู่ในมือของเสด็จอา” ซ่านเซิ่งหานลุกขึ้นโค้งคำนับ แล้วก็ไม่ยอมเงยหัวขึ้น
ซ่านต้วนโฉงสะบัดแขนเสื้อแล้วนั่งลง สายตามองดูลูกชายที่สง่าที่สุดคนนี้ของเขา นิ้วมือลูบแหวนหยกเล่นไปมา พร้อมถามขึ้นว่า “เจ้าไม่กลัวข้าเห็นเจ้าเป็นหมากที่ถูกทิ้งหรือ”
“เป็นศัตรูกับเสด็จพ่อต่างหากที่ไม่สมควร” ซ่านเซิ่งหานพูดขึ้น ภายในคำที่พูดฟังไม่รู้ถึงความทรยศที่มีในใจ
ดวงตาหรี่ลง ซ่านต้วนโฉงเคยมองดูลูกชายคนนี้ใหม่ แล้วก็อมยิ้มที่มุมปาก พร้อมพูดว่า “ตอนนี้อ๋องจิ้งมีผลงานเกินตัว ข้ากลัวว่าเขาจะมีใจคิดกบฏ น้องหกของเจ้าก็ไม่ได้เรื่อง หลงเชื่อคำร่ำลือ ตอนนี้ข้าจึงต้องเอาอำนาจการสั่งการทหารไว้ในมือเจ้า”
อำนาจการสั่งการทหาร
ในใจซ่านเซิ่งหานตกตะลึง แต่สีหน้ากลับไม่แสดงท่าทีตกใจใดๆ ลุกขึ้นมาส่ายหัว “ลูกช่วยคิดวางแผนการได้ แต่อำนาจการสั่งการทหารนี้รับไว้ไม่ได้”
“ข้าชอบองค์ชายที่มีความซื่อสัตย์” แหวนหยกบนนิ้วโป้งของซ่านต้วนโฉงถูกวางอยู่บนโต๊ะ
กับเรื่องนี้ซ่านเซิ่งหานทำได้เพียงเงียบอย่างละอายใจ รอจนเมื่อซ่านต้วนโฉงร่างราชโองการเสร็จแล้วยื่นให้หวางกงกงแล้ว เขาถึงค่อยมองดูประตูห้องพระอักษรที่ถูกปิดสนิท แล้วถามซ่านต้วนโฉงว่า “เสด็จพ่อ ไฟจากฟ้าสวรรค์จะตกลงมาเมื่อไหร่?”
ซ่านต้วนโฉงล่ะสายตาจากแหวนหยกนั่น แล้วมองดูเขาอย่างจริงจัง “รอเมื่อบนฟ้าถูกเผาจนสะอาดแล้ว ก็จะถึงคิวบนพื้นดิน”
ซ่านเซิ่งหานขมวดคิ้ว ส่วนซ่านต้วนโฉงกลับหยักยิ้มที่มุมปาก แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าจะจัดการเอกสารราชการแล้ว”
“ลูกขอถวายบังคมลา” ซ่านเซิ่งหานโค้งคำนับแล้วถอยออกไปจากห้องพระอักษร แล้วก็มองเห็นซ่านต้วนโฉงอมยิ้มที่มุมปาก แป๊บเดียวก็หายไปแล้ว เหลือไว้เพียงประตูที่ปิดสนิท
ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อภายในห้องพระอักษรไม่มีคนประตูจะถูกปิดสนิท
แม้แต่ขันทีนางกำนัลในวัง ก็รับใช้อยู่ข้างกายน้อยมาก
ซ่านเซิ่งหานแทบไม่สามารถลงมือกับกำหนดการของซ่านต้วนโฉง เหมือนทั่วทั้งวังถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ทำให้ยากที่จะสืบรู้ถึงความจริงที่อยู่เบื้องหลัง
……
รถม้าค่อยๆขับเคลื่อนเข้าไปในเมืองเทียนเหยียน กู้อ้าวเวยตบหลังซ่านจินจื๋อ “ให้พวกนางทั้งสองอยู่รักษาตัวอยู่ที่จวนของข้า ข้าจะดูแลเป็นอย่างดี”
“ข้าไม่อยู่ เจ้าคงไม่ต้องเป็นกังวลเวลานอนแล้ว” ซ่านจินจื๋อพูดกับหลิงเอ๋อร์อยู่หลายคำ พูดสั่งให้หลิงเอ๋อร์เฝ้าดูนางเข้านอนเช้าหน่อย ตอนกลางวันก็ให้ทานขนมเยอะหน่อย หลิงเอ๋อร์จำไว้ทุกอย่าง ก่อนจะไปก็ได้ล้วงเอาผลไม้กวนห่อนั้นออกมา ยื่นให้ซ่านจินจื๋อหนึ่งอัน พร้อมพูดว่า “เสด็จอา”
ซ่านจินจื๋อมองดูก็รู้ว่าถุงผลไม้กวนนี้เป็นของที่กู้อ้าวเวยทานอยู่ตลอด รับมาแล้วเอามือนวดหัวของนาง “อยู่ในจวนได้ตามสบายนะ”
พูดเสร็จ ซ่านจินจื๋อก็ขี่ม้าออกไปแล้ว
กู้อ้าวเวยจับมือหลิงเอ๋อร์เดินเข้าไปในจวน สั่งให้คนเอาสิ่งของที่เอากลับมาด้วยพวกนั้นไปเก็บไว้ในเรือนที่ไม่มีคนอยู่ มองดูแสงอรุณยามรุ่งเช้า คิดว่าเมื่อซ่านจินจื๋อกลับถึงจวนแล้วก็ต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปร่วมว่าราชการ
ตำแหน่งค่ายกลเปิดปิดก่อนหน้านี้น่าจะไม่มีพิษอีกแล้ว นางจึงจะพาคนไปดูว่ามีสิ่งของอะไรกันแน่ พาหลิงเอ๋อร์ไปหากุ่ยเม่ย แล้วพูดสั่งว่า “ต้องดูแลให้ดี ให้โม่ซานมาเล่าเรื่องในยุทธภพให้นางฟังก็ได้”
กุ่ยเม่ยหัวโตขึ้นมาทันที “ทางด้านองค์หญิงหมิ่นเอ๋อข้ายังเอาไม่อยู่ ตอนนี้เจ้ายังจะหาเรื่องมาให้ข้าอีก”
“หาสถานที่ที่หนึ่งให้ข้าอยู่ก็พอ” หลิงเอ๋อร์พูดขึ้นด้วยเสียงเอา เผชิญหน้ากับกุ่ยเม่ยอย่างไม่ค่อยสบายใจ
เดิมนางก็ตาบอดทั้งคู่อยู่แล้ว รู้เพียงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าชื่อกุ่ยเม่ย ในใจจึงคิดว่าเขาคงเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนดั่งผี
กู้อ้าวเวยเห็นร่างกายนางแข็งทื่อ จึงเดินเข้าไปพูดกระซิบข้างหูว่า “เขามีรูปร่างหน้าตาที่ขาวใสมาก อบอุ่นอ่อนโยนกว่าซ่านจินจื๋ออย่างมาก”
กุ่ยเม่ยได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน จ้องมองดูนาง แล้วก็เห็นนางวิ่งออกไปแล้ว
จึงต้องยื่นมือไปให้หลิงเอ๋อร์ได้เกาะ หลิงเอ๋อร์พูดขึ้นว่า “นางรู้ได้อย่างไรว่าในใจข้าคิดอะไรอยู่? นี่เป็นความสามารถพิเศษของผู้หญิงตระกูลหยุนหรือ?”
“คงเพราะหลังจากตอนที่นางตาบอดแล้วฟื้นขึ้นมา ก็คงคิดกับข้าแบบนั้น” กุ่ยเม่ยพานางเดินไปยังห้องของโม่ซาน
กู้อ้าวเวยสั่งให้หลี่ซินไปตามคนใช้ที่ทำงานคล่องแคล่วมาช่วย ห้องภายในกองกันที่พังลงถูกราดด้วยน้ำยาทุกวัน พิษที่อยู่ในนั้นได้หายไปหมดแต่แรกแล้ว เสียดายก็แต่หญ้าที่ไม่สามารถได้มีชีวิตบนพื้นดินด้านข้าง
เพื่อเป็นการป้องกัน กู้อ้าวเวยได้หาเอาถุงมือผ้ามาด้วย เอากระดาษน้ำมันใส่ไว้ด้านใน เพื่อพิษที่เหลืออยู่พวกนั้นจะได้ไม่มาทำร้ายคน พวกลูกน้องต่างก็เคลื่อนย้ายเอาเศษแผ่นกระเบื้องออก หลี่ซินใช้จอบขุดเข้าไปข้างใน สักพักแล้วก็พูดกับกู้อ้าวเวยที่เดินอยู่ด้านล่างระเบียงทางเดินยาวว่า “คุณหนู ในนี้มีสิ่งของอยู่จริงๆ”
“ดูซิว่าสามารถขุดออกมาได้ไหม” กู้อ้าวเวยยังคิดที่จะเดินไปข้างหน้า กลับถูกเฉิงซานดึงไว้อย่างแน่น “คุณหนูรออยู่ที่นี่ดีกว่า ท่านอ๋องว่าราชการเสร็จแล้วก็จะกลับมา”
กู้อ้าวเวยจึงต้องรออยู่กับที่
รอจนซ่านจินจื๋อว่าราชการเสร็จแล้วก็รีบกลับมา บอกกับนางว่า “ฮ่องเต้จะเอาอำนาจการสั่งการทหารในมือของข้าแบ่งให้กับซ่านเซิ่งหาน”
“เขาได้หลงเชื่อเรื่องภัยพิบัติจากฟ้าแล้ว ตอนนี้ได้อะไรตอบแทนบ้างก็ถือว่าสมควร” กู้อ้าวเวยตกใจกับเรื่องนี้เพียงเล็กน้อย พวกเขาสามารถอาศัยความโปรดปรานของฮ่องเต้ทำอะไรก็ได้ ฮ่องเต้เองก็สามารถเอาความโปรดปรานนี้กลับไป แล้วก็เอามาบีบบังคับกดดันพวกเขา
ซ่านเซิ่งหานเห็นนางจ้องมองห้องกองที่พังลงนั่น จึงขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “เจ้ากำลังร้อนใจอะไร?”
“แปลกใจ” กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมามองดูเขา พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “กู้เฉิงจะทิ้งอะไรไว้ในนี้?”
“คงจะเป็นสิ่งของที่ยากในการเอาไปด้วย แต่ว่าด้านล่างมีพิษเยอะขนาด เกรงว่าด้านในที่เหลือคงจะเป็นพวกกระดานชนวน….” ซ่านจินจื๋อพูดได้เพียงครึ่งเดียวแล้วก็หยุด จับปลายอยู่อย่างเหม่อลอย
“เจ้าคิดอะไรได้หรือ?” กู้อ้าวเวยเข้าไปสะบัดเขา
“ถ้ำในจวนของบรรพบุรุษตระกูลหยุน มีกระดานชนวนอยู่ไม่น้อย….”
“เปิดออกได้แล้ว