บทที่ 993 มิตรภาพแม่ลูก
เข้ามาในพระตำหนักฮองไทเฮา ความรุ่งเรืองในตอนนั้นหายไปนานแล้ว
มีเพียงใบไม้ที่หล่นเต็มพื้น ขันทีนางกำนัลที่คุ้นเคยคอยรับใช้อยู่ข้างกาย ความรุ่งเรืองในสมัยก่อนเหลือไว้เพียงพื้นดินที่เต็มไปด้วยฝุ่น
ห้องพระด้านหลังพระตำหนักไม่มีคนไปดูแลมานานแล้ว แต่ฮองไทเฮากลับนั่งอยู่บนฟูกนี้ สวมชุดคลุมยาวสีขาวเทา ชายเสื้อคลุมยาวลากมาถึงธรณีประตู บนหัวไม่มีปิ่นทองหยก ผ้าไหมสีเทาน้ำเงินพาดอยู่บนไหล่ อายุมากแล้ว แต่ก็ยังคงดื้อด้าน
กู้อ้าวเวยทำความเคารพอยู่ด้านข้างประตู สายฝนโปรยปรายเป็นสายอยู่บนชายคาด้านหลัง น้ำกระเด็นสาดจนสายกระโปรงเปียก
“เวยเอ๋อ” ฮองไทเฮาหันข้างให้นาง แล้วก็เรียกขึ้นด้วยเสียงเบา
“ฮองไทเฮา” กู้อ้าวเวยตอบกลับยังเย็นชา
ฮองไทเฮาค่อยหันมามอง ดวงตาคู่นั้นที่เปื้อนไปด้วยโลกที่สกปรกจ้องมองดูเงาร่างของกู้อ้าวเวย มองด้วยที่คิ้วที่เลิกขึ้นเล็กน้อย ตั้งแฝงไปด้วยหางตาที่เยือกเย็น ดวงตากลมโตสวยคู่นั้น ก็แฝงไปด้วยความเยือกเย็น
“หากรู้ว่าเจ้าจะสามารถมายืนอยู่ในจุดนี้ ข้าจะไม่เก็บเจ้าไว้ตั้งแต่แรก” คำพูดของฮองไทเฮาแฝงไปด้วยความโกรธแค้น
กู้อ้าวเวยกลับอมยิ้มที่มุมปาก พูดขึ้นด้วยความขมขื่นว่า “เมื่อสายมรณะปรากฏขึ้นในตอนนั้น ข้าก็ควรที่จะคิดได้ว่า นับตั้งแต่แรกเจ้าก็คาดหวังอยากให้ข้ายอมรับความผิดทั้งหมด แล้วก็ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด ตั้งแต่ตอนนั้นหลังจากที่แกล้งตาย เจ้าถึงได้รู้ความในใจที่แท้จริง ตอนนี้กลับยังคิดไม่ถึงว่าลูกที่แท้จริงของตนเองไม่อยู่แล้ว”
คำพูดนี้ นางกับซ่านจินจื๋อคิดขึ้นมาในก่อนหน้านี้
นางไม่รู้ว่าตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ท่าทีในตอนนี้ ทำให้เห็นสีที่เปลี่ยนแปลงไปของฮองไทเฮา หลังจากสักพักนางก็ยืดหลังตรงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่ลูกสาวของข้าเจอล้วนสาระเลว และลูกชายทั้งสองคนก็พ่ายแพ้เพราะผู้หญิง”
คำพูดแฝงไปด้วยความโกรธแค้น
ยังไงก็ยังมีคนชอบที่จะเอาเรื่องทั้งหมดมารวมกันเป็นหนึ่ง
“โลกนี้มีใบไม้ใบไหนที่หล่นลงมาเหมือนกันทุกอย่าง ความทรยศของเจ้า ยังไงก็ไม่เหมือนกับคนบนโลก” กู้อ้าวเวยค่อยๆก้าวไปข้างหน้า มองดูฮองไทเฮาที่ดูแก่ลงหลาย สิบปี แล้วก็พูดต่อว่า “ฮองไทเฮาไม่สบายตรงไหนหรือ ให้เวยเอ๋อดูก่อนไหม”
“เจ้าจะใจดีขนาดนั้นหรือ?” ฮองไทเฮามองดูอย่างเย็นชา
“หากฮองไทเฮาไม่มีเรื่องที่ต้องละอายใจ วันนี้ก็จะไม่สงสัยในตัวเวยเอ๋อ” กู้อ้าวเวย สะบัดชายกระโปรงแล้วก็คุกเข่าตรงประตูด้านข้างห้องพระ มองดูพระพุทธรูปรูปนั้น แล้วในใจก็หวั่นไหว จึงคุกเข่าบนพื้น ยกมือประสานแล้วพูดว่า “ข้าไม่จริงใจ ไม่เชี่ยวชาญ ตลอดชีวิตเคยกระทำสิ่งที่ผิดมานับไม่ถ้วน”
“มีเพียงอย่างเดียว ข้าเป็นหมอไม่เคยกระทำสิ่งที่ผิดต่อจรรยาบรรณ วันนี้ขอสาบานต่อหน้าพระพุทธรูป จนวันตายก็จะไม่กระทำผิดคำพูด”
กราบแล้วสามครั้ง กู้อ้าวเวยค่อยๆลุกขึ้นภายใต้สายตาของฮองไทเฮากับกุ้ยมามา ดวงตาเย็นชางดงามคู่นั้นถูกความโกรธครอบงำ น้ำเสียงก็เฉียบคมขึ้น “ฮองไทเฮา กล้าที่จะสาบานตรงหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหม?”
แววตาฮองไทเฮาหดลง หันหน้ากลับไป กลับมองเห็นเพียงพระพุทธรูปที่สง่างามเคร่งขรึมเท่านั้น
ในหูเหมือนยังได้ยินเสียงสวดมนต์ปกติ แต่ข้างกายนางกลับไม่มีอะไรเลย มีเพียงเยือกเย็นผ่านแผ่นหลัง ปากสั่นเทาพูดอะไรไม่ออก
กุ้ยมามาเห็นว่าอาการไม่ค่อยดี จึงประคองฮองไทเฮาออกมาจากห้องพระ
กู้อ้าวเวยยังคงมองดูพระพุทธรูปอยู่อย่างสงบ แล้วก็มองดูฮองไทเฮา
ทั้งๆที่นางไม่กล้าเผชิญหน้ากับเทพเจ้าพระพุทธรูป นี่คือการเชื่อในพระพุทธเจ้า แต่นางไม่กล้าที่จะทำอะไรไปเรื่อยต่อหน้าพระพุทธเจ้า เพราะเป็นการไม่เคารพนับถือ
ฮองไทเฮาเอามือทาบอกแล้วหายใจอย่างแรง ยกมือชี้หน้ากู้อ้าวเวยแล้วพูดว่า “ผู้หญิงตระกูลหยุนอย่างพวกเจ้าล้วนเป็นนางปีศาจ เมื่อกี้เจ้าใช้วิชาอาคมอะไรใส่ข้า ทำให้ข้าพูดคำสาบานไม่ออก”
“มีคนพูดว่า ดีชั่วเป็นเหมือนเพียงเส้นด้ายเส้นเดียว สำหรับเวยเอ๋อมีเพียงดีชั่ว บนโลกนี้มีเทวดาผีสางที่ไหนกัน มีเพียงจิตใจท่านที่เป็นมารหรือเทวดา” กู้อ้าวเวยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
วันนั้นนางก็ได้พูดไว้แล้ว
เมืองเทียนเหยียนนี้เป็นเขตที่กำเนิดของอัจฉริยะบุรุษ สถานที่มีแม่น้ำไหลผ่านส่วนใหญ่เป็นคนใจดี ตอนนี้ลองคิดดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะภัยพิบัติจากสวรรค์ในตอนนั้นทำลายรากที่ดีของคนที่นี่ เทพเจ้าที่แท้จริงถูกว่าเป็นภัยธรรมชาติ แล้วก็ทำให้เชื่อถือรูปเคารพที่แข็งทื่อนี้
เป็นการวางลำดับความสำคัญสลับกัน
ฮองไทเฮานวดขมับอย่างปวดหัว ยังอยากจะพูดอะไรอีก กุ้ยมามาที่อยู่ด้านข้างกลับพูดขึ้นว่า “วันที่ที่ท่านเรียกคุณหนูกู้มาก็เพื่อ….”
ทันใดนั้นถึงค่อยคิดขึ้นมาได้ ฮองไทเฮาปวดหัวหนักยิ่งกว่าเดิม พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครเป็นคนพูดเรื่องเหลวไหลพวกนี้กับเจ้า”
กู้อ้าวเวยเงียบไม่พูดอะไร รู้สึกเหมือนมีมือหนึ่งพาดอยู่บนไหล่ มือทั้งสองข้างออกแรงกดอยู่ไม่น้อย เพื่อให้นางยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่ไม่ได้บีบบังคับให้นางต้องคุกเข่าให้กับฮองไทเฮา
“ส่งตัวนางไปที่ชินเทียนเจียน ขอเพียงมีนางอยู่ในมือข้า ไม่ว่ายังไงฮ่องเต้ก็จะต้องยอมอ่อนข้อให้กับข้า” ฮองไทเฮาจับแขนกุ้ยมามาไว้แน่น แล้วก็ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง
กู้อ้าวเวยรู้สึกเหมือนคนที่อยู่ด้านหลังกำลังฉุดดึงตนเองอยู่ แต่นางเพียงแค่หรี่ตาลงแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้ารู้มั้ยคำว่าฮ่องเต้สองคำนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“อะไร?” ฮองไทเฮาเอามือทาบอกแล้วหายใจเข้าออกอยู่อย่างรุนแรง
ยังพูดไม่ทันเสร็จ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมาในหู
ทหารองครักษ์ราชวังวิ่งเข้ามา ซ้อนทับกันอยู่อย่างไม่ชัดเจนระหว่างสีน้ำเงินเข้ม สีเหลืองสดใสดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
ฮองไทเฮารู้สึกเหมือนในหัวมีเสียงดังขึ้น ยังคิดอยากที่จะเรียกคนมาแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว มองเห็นเพียงศพขององครักษ์ชุดดำสี่ห้าสิบคนกองอยู่บนรถเข็นและถูกเข็นเข้ามา กลิ่นคาวเลือดสูงเต็มอากาศ สำหรับกู้อ้าวเวย กลับเป็นรสชาติหวานที่น่าขยะแขยง
ฮองไทเฮาเข่าอ่อน แทบสลบคามือกุ้ยมามา
“ฮ่องเต้ เจ้า…” นิ้วมือฮองไทเฮาที่ชี้ซ่านต้วนโฉงสั่นเทา
“กองทหารรักษาพระองค์สามพันคน ดีที่เสด็จแม่ซ่อนไว้ตามที่ต่างๆในพระราชวังมานานหลายปี” สายตาซ่านต้วนโฉงเยือกเย็น เม็ดฝนจากขอบร่มกระดาษทำให้เสื้อคลุมของเขาเปียกโชก
กู้อ้าวเวยได้ยินกองทหารรักษาพระองค์สามพันคนอย่างไม่อยากเชื่อ ในที่สุดก็รู้ว่าทำไมฮองไทเฮาถึงกล้าวางอำนาจในพระราชวังนี้
“ท่านเอากองทหารรักษาพระองค์สามพันนี้ ซ่อนไว้ข้างกายนางสนม ปกปิดไว้ในกิจการงานภายในจวน หรือสร้างไว้ในอารามนี้กับชินเทียนเจียน กลับไม่เคยแตะต้องแม้เพียงนิดมาตลอด คงมีไว้เพื่อต่อต้านข้ากับจินจื๋อสองคนหรือเปล่า” ซ่านต้วนโฉงอมยิ้มที่มุมปากอย่างเยือกเย็น ยืนด้วยมือเดียวแล้วพูดว่า “หลายวันก่อน ข่าวองค์ชายหกพาคนมาล้อมวังรู้มาถึงหูของเจ้า แต่เจ้าก็ยังคงไม่แต่ต้องกองทหารรักษาพระองค์สามพันนี้”
สีหน้าซ่านต้วนโฉงฉายแววเจ็บปวด น้ำเสียงก็สั่นเทา “เจ้ากับข้าเป็นแม่ลูกกัน คงไม่มีวาสนาร่วมกันในชาตินี้”
ทหารรักษาพระองค์ล้อมพระตำหนักของฮองไทเฮาไว้อย่างแน่นหนา
เสื้อคลุมมังกรสีเหลืองสดใสภายใต้ร่มกระดาษนั้นดูซีดเทาลงเป็นครั้งแรก ฮองไทเฮาน้ำตานอง แต่ภายในดวงตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “หากเป็นเช่นนี้ ความเป็นแม่ลูกระหว่างเจ้ากับข้าก็ไม่ต้องเป็นแล้ว….”
ฮองไทเฮากวาดตามองดูกู้อ้าวเวย แต่ใบหน้าของนางกลับถูกสาดไปด้วยเลือดสดๆ
ชุดกระโปรงยาวสีเขียวไม้ไผ่ เต็มไปด้วยดอกไม้สีเลือด
ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์ชุดดำของฮองไทเฮา หรือทหารรักษาพระองค์ของฮ่องเต้ ต่างก็ถูกแทงที่ขาอย่างรุนแรง
ส่วนกู้อ้าวเวยถือมีดที่ซ่านจินจื๋อมอบให้ยืนอยู่ใต้ชายคา เลือดไหลตกลงมาจากปลายแขนเสื้อ นางเพียงก้าวอยู่ในสายฝนเพียงเดียว สายตาจ้องมองดูซ่านต้วนโฉง “เจ้าใช้ชีวิตขององค์ชายหก มาเดิมพันมิตรภาพระหว่างแม่ลูก เจ้าแตกต่างจากฮองไทเฮายังไง?”
นางไม่มององครักษ์หลายคงที่ล้มอยู่ด้านหลังฮองไทเฮา และไม่มองว่าซ่านต้วนโฉงสังหารองครักษ์ลับพวกนั้นด้วยมือตัวเอง
ถูกเม็ดฝนบางตา กำมือไว้แน่นจนปวดข้อมือ พูดกับซ่านต้วนโฉงว่า “ตลอดชีวิตนี้ข้าจะไม่ยอมเป็นหมาก หากเจ้าอยากให้ข้าช่วยคน งั้นก็ลองมาเล่นกับข้าสักตั้ง”
“เดิมพันอะไร?” ซ่านต้วนโฉงโยนคนที่ถูกปาดคอในมือทิ้งไปเหมือนดั่งเศษหญ้า
“เดิมพันซ่านจินจื๋อ ต่อให้ต้องตายเขาก็จะไม่ทรยศต่อความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง” สายตากู้อ้าวเวยจ้องมองศพที่กองอยู่เต็มพื้น ด้านหลังมีเพียงเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องคำราม