บทที่ 1002 ฮองเฮาในวันข้างหน้า
ซ่านเซิ่งหานนั่งหน้าโต๊ะคนเดียว กระดานหมากยังคงเหมือนเดิม
ฉางอีฉินที่ไม่ได้พบเขามานาน ก็มาซบข้างไหล่เขา ในสายตาก็ยิ้มเยาะเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นใช้เวลาหลายปีถึงจะมองเห็นได้บ้าง ตอนนี้ก็มาเห็นกระดาษในมือของซ่านเซิ่งหาน ทุกตัวอักษรทำให้นางต้องหลั่งน้ำตาลงมา เปียกชุ่มไปยังชุดของซ่านเซิ่งหาน
“ที่เจ้าต้องการ คือผู้หญิงแบบนี้หรือ?”
พอเห็นในกระดาษ เขียนว่ากู้อ้าวเวยยื่นข้อเสนอต่อฮ่องเต้
หวังว่าองค์ชายสามจะได้สืบราชบัลลังก์ ยังมีประโยชน์มากกว่าพวกผู้หญิงในวังที่อยู่มาหลายปี
ซ่านเซิ่งหานก็พลิกดูไปมา จนกระดาษในมือนั้นเริ่มยับ ส่วนฉางอีฉินก็ดื่มเหล้าจนหมด เยว่มานั่งข้างๆ เขา แต่กลับยื่นมาแค่ชาหนึ่งถ้วย ความไม่พอใจต่อกู้อ้าวเวยหลายปี ตอนนี้มันเหลือเพียงแค่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
มองซ่านเซิ่งหานอย่างเศร้า “องค์ชายสาม ไอ้คนนั้นถูกส่งไปยังไทเฮาแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดี” ซ่านเซิ่งหานดึงสติกลับมา วางกระดาษในมือลง แล้วมองไปยังกระท่อมสองชั้นด้านนอก มันเป็นอาคารที่เขาทำไว้เพื่อกู้อ้าวเวย แต่เสียดายที่นางอยู่ได้ไม่กี่วัน หลายปีผ่านมา กู้อ้าวเวยก็ยังจะช่วยให้เขาได้ครองราชย์ดังเดิม
ความสัมพันธุ์นี้มันบอกยาก แต่ไม่ใช่ความรักแน่
“ถ้าองค์ชายสามยินยอม เดี๋ยวจะไปจับตัวนางมาอยู่กับท่าน” เยว่อดไม่ได้ที่จะมองซ่านเซิ่งหาน
หลายปีมานี้ มีแต่เรื่องของกู้อ้าวเวยที่ทำให้เขายิ้มได้ แต่ตอนนี้ช่างเหงายิ่งนัก
“ถ้านางไม่ยอม ก็ต้องหนีไปตลอดชีวิต ส่วนข้านั้น เป็นหนี้นางไว้เยอะ ตอนนี้มันถึงเวลาที่ต้องวางมือแล้ว” ซ่านเซิ่งหานเผยยิ้มเย็นๆ แล้วก็สั่งการเฟิงฉีนและเฟิงเยว่ “ไปรื้ออาคารสองชั้นนั้นออกให้หมด แล้วสิ่งของด้านในทั้งหมด ก็เก็บเอาไปส่งคืนแก่ตำหนักอ๋องจิ้ง”
“ฝ่าบาท!” เฟิงเยว่ตกใจ
“รื้อไปเถอะ” ซ่านเซิ่งหานพูดซ้ำ พวกนางก็ไม่ถามต่อ
พอนึกถึงหญิงสาวข้างกายเขามากมาย แต่คนที่สามารถตอบสนองความต้องการในใจเขาได้ ก็เห็นจะมีแต่กู้อ้าวเวยคนเดียว
ตอนนั้นพบกันโดยบังเอิญ เขายังจำแสงสว่างในวันนั้นได้ ดวงตาในวันนั้นแพรวพราวดั่งดวงดาว ตอนนั้นถูกขังอยู่ที่ตำหนักอ๋องจิ้งออกมาไม่ได้ พระชายาจิ้งที่ไม่ลองใจ ไม่บ่นไม่โมโห พูดออกมาไม่กี่คำ ก็ทำให้ใจเขาเต้นรัว
ต่อมาได้ทำงานร่วมกัน นางก็เชื่อใจเขา สุดท้ายถูกเยว่กลั่นแกล้ง นางเองก็ไม่อ้อมค้อม แต่ก็เปิดอกคุยกันตามตรง ต่อมาก็เอาเรื่องส่วนร่วมมาร่วมมือกับนาง แต่ที่ได้อยู่ห้องเดียวกันหลายวันนั้น ทำให้เขามีความสุขมากกว่าคืนไหนๆ
ลุ่มหลงไปหลายปี
ต้นไม้แก่ของตำหนักอ๋องจิ้งพอจะมีชีวิตชีวาขึ้น ก็ถูกห่าฝนในปีนั้นซัดเสียจนเกือบตาย
ส่วนอาคารสองชั้นขององค์ชายสาม ถึงแม้จะใช้เป็นที่ทำงานของเขา แต่ก็ยังคงว่างเปล่า
เดิมทีเยว่อยากจะจัดการเอกสารที่ฮ่องเต้ส่งมาเสีย แล้วก็ไปเห็นตัวหนังสือบรรทัดหนึ่งเขา แล้วก็หันไปมองซ่านเซิ่งหาน “ฝ่าบาท นาง……..”
“ข้ากับอ๋องจิ้งเคยหาเช่ออี้จื่อ (ต้นหญ้า) มาได้ แต่นางก็ยังไม่ใช้ น่าจะเป็นความจริง” ซ่านเซิ่งหานยิ้มเบาๆ แล้วก็หยิบกระดาษโยนใส่กองไฟ ไฟก็ลุกสูงขึ้น
ถูกพิษแทรกซึม บาดเจ็บทั้งตัว นางรอดมาได้ก็ถือว่าอัศจรรย์มากแล้ว
ในเปลวไฟนั้น เหมือนจะเห็นคำว่า กำลังจะตาย
เยว่ก็โล่งอก แล้วมองซ่านเซิ่งหาน “ฝ่าบาท ท่านจะเข้าวังไปหานางไหม?”
“ใช่” ซ่านเซิ่งหานพยักหน้า ก่อนไปก็หันมามองฉางอีฉิน “ตอนนั้นเจ้าทำร้ายกู้อ้าวเวย ตอนนี้ก็ได้กินลูกเอ่อตันแดงมาหลายปี ก็ถือว่าหายกันแล้ว วันนี้ข้าจะไปดูเสียหน่อย ว่ามีวิธีแก้ลูกเอ่อตันแดงไหม?”
ฉางอีฉินที่กำลังเมาได้ที่ ก็ร้องไห้ไม่หยุด แต่ก็ต้องถูกกลบไปด้วยเสียงสายฝน
เยว่รีบตามมาด้านหลังของซ่านเซิ่งหาน เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าให้
พอมาถึงในวัง ฮ่องเต้เหมือนจะรู้ว่า วันนี้เขาจะเข้าวังมาทำอะไร ก็เลยให้คนนำเขาเข้าไปยังวังเย็น ประตูถูกเปิดออก เขาก็เห็นกู้อ้าวเวยนอนซบลงบนโต๊ะ พอได้ยินเสียงประตูเปิด ก็เงยหน้าขึ้นมา
ตามองตา
ซ่านเซิ่งหานมองรูปร่างของนางที่ผอมไป ในหัวกู้อ้าวเวยก็สับสน สุดท้าย ก็หัวเราะออกมา “เจ้ารู้แต่แรกแล้วหรือ?”
ไม่เช่นนั้นฮ่องเต้ก็คงไม่ให้เขามาที่นี่
“ตอนเด็กๆ ข้าก็รู้แล้ว” ซ่านเซิ่งหานเดินขึ้นหน้าไป สายตาก็กวาดมองไปยังมุมของหยูนซีด้วย แล้วก็นั่งลงด้านหน้ากู้อ้าวเวย แล้วมองสภาพตำหนักรอบๆ “ไม่เช่นนั้น วังหลวงใหญ่โตเช่นนี้ ผู้คนมากมาย ทำไมเรื่องเสื้อผ้าอาหารที่นี่ถึงไม่มีใครรู้เล่า?”
เอามือขยี้ตาที่พล่ามัว กู้อ้าวเวยจ้องมองคนตรงหน้า แล้วพูดว่า “แล้วเรื่องภัยพิบัติจากฟ้าที่พูดครั้งก่อน………..”
“ข้านึกว่าเจ้าจะเชื่อ” ซ่านเซิ่งหานบอกตามตรง พอเห็นกู้อ้าวเวยทำหน้าอึ้ง ก็พูดต่อว่า “ข้าขอแค่อำนาจ เจ้ายอมให้ข้าไหม?”
“ข้าเป็นแค่ผู้หญิง” กู้อ้าวเวยเวยหัวเราะเบาๆ
“ถ้าเจ้ายอมให้อิสระข้าในอนาคต ข้าก็จะตอบตกลง จะไม่ให้ท่านพ่อและท่านอาต้องมาฆ่าฟันกันเอง” ซ่านเซิ่งหานตั้งใจพูด แล้วก็เอากระดาษยับๆ ออกมาวางตรงหน้ากู้อ้าวเวย
ในนั้นเขียนสภาพการณ์ในปัจจุบัน
กู้อ้าวเวยตั้งใจดู แล้วก็ตกใจ
ในนั้นเขียนว่า เจ้าผู้ครองนครรัฐต่างๆ กำลังจ้องจะโจมตี อยากจะแบ่งแผ่นดินกัน ส่วนเรื่องที่คณะราชทูตของแคว้นเอ่อตานเย่นเจียงมาตกลง ทหารทั้งสองแคว้นก็ประชิดชายแดน หนึ่งในนั้นมีหัวหน้าเผ่ามากมายกลายเป็นหมากตัวหนึ่ง ชายแดนวุ่นวายมาก ส่วนองค์ชาย2คนที่รุ่นเดียวกับซ่านจินจื๋อ ตอนนี้ก็กำลังซ่องสุมกองกำลังอยู่
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขุนางใหญ่น้อยที่ยอมจำนนต่อองค์ชาย ถึงขั้นมีคนตั้งตนเป็นอ๋องเองด้วย
ยิ่งกว่านั้น แผ่นดินแคว้นชางหลานก็แตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว มีเมืองไม่น้อยถูกปกครองโดยเจ้าผู้ครองนครรัฐ ท่าทีไม่ดีเริ่มเกิดขึ้นแล้ว
“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น…..แต่ก่อนหน้านี้นั้น….”
“มันเป็นเพียงภาพลวงตาของในเมืองเทียนเหยียน ถ้าเอาทุกอย่างฟื้นฟูมาใหม่ ข้ายังต้องการอำนาจทหาร และเจ้า” ซ่านเซิ่งหานเอนตัวไปข้างหน้า โน้มตัวมองดวงตาอันแวววาวคู่นั้น “ขอเพียงเจ้ามาเป็นฮองเฮาให้ข้า2ปี พอทุกอย่างมันเรียบร้อยลงแล้ว ข้าจะปล่อยเจ้าไปเอง”
“เอาข้าเป็นตัวประกัน ซ่านจินจื๋อก็จะไม่ก่อกบฏ แคว้นเอ่อตานก็จะไม่ออกมารบ เจ้าคิดเช่นนี้หรือ? กู้อ้าวเวยหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วมองเขานิ่งๆ”
เบื้องหลังยังมีอำนาจอีกมาก ตอนนี้กู้อ้าวเวยก็ดูออก นางจะไม่เอาแต่ใจอีกต่อไปแล้ว
ต่อให้นางจะไปบ้าต่อหน้าฮ่องเต้ นางไม่อาจเพิกกเฉยต่ออำนาจของฮ่องเต้ในอนาคต
“ถ้าข้าไม่ตกลง จะเป็นเช่นไร?”
“ราชโองการลับของท่านพ่อก็จะประกาศไปทั่วสารทิศ ข้าก็จะแต่งกับแคว้นเอ่อตานฉีหรัวมาเป็นภรรยา อ๋องจิ้งซ่องสุมกำลังทหารจะก่อกบฏ ต่อไปก็จะไม่มีที่ยืน” ซ่านเซิ่งหานพูดถึงจุดนี้ อารมณ์ก็เบาลง เสียงก็ต่ำลง
กู้อ้าวเวยกำหมัดแน่น ไม่คิดว่าเขาจะทำกับสหายได้ถึงขนาดนี้