บทที่ 1001 เข้ากันพอดี
“ที่เจ้ายังไม่ได้เป็นตัวกระตุ้นยา แต่ก็ยังไม่รู้เหตุผลที่หยุนหว่านกินยาลงไป พอรู้ตัวยาเดี๋ยวก็จะฉลาดขึ้นมาเอง” หยูนซีใช้สายตานุ่มนวลมองไปที่นาง ไม่เหมือนกับสายตาที่มีแต่ความโหดร้ายอาฆาต เสียงก็นิ่มขึ้น “ตั้งแต่เจ้าเกิดก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่สงบสุข ถึงแม้หยุนชิงหยางไม่อยากให้เจ้าเรียนการรักษา เพราะอยากให้เจ้าอยู่อย่างสงบ แต่ตอนนี้ ความลับของอายุวัฒนะก็มาถูกเจ้าแก้ปมได้เสียแล้ว”
“นี่เป็นชะตาชีวิตของเจ้า”
พอสิ้นเสียงพูดของหยูนซี ประตูก็ถูกเปิดออกช้าๆ
วันนี้ฮ่องเต้มาแบบง่ายๆ คลุมเสื้อเดินเข้ามา ด้านหลังก็เป็นนางกำนัลที่มาดูแลเมื่อครู่
เกรงว่านางกำนัลจะได้ยินทั้งสองคนคุยกันแล้ว จากนั้นก็ไปเชิญฮ่องเต้มาที่นี่
หยูนซีก็มองซ่านต้วนโฉง จากนั้นก็รีบเข้าไปต้อนรับ แต่โซ่ตรวนทำให้นางเดินลำบาก แล้วสีหน้าความบ้าของนางก็มาเผยบนใบหน้าอีกครั้ง ซ่านต้วนโฉงก็นิ่ง ว่า “เจ้ารู้เรื่องแล้วใช่ไหม?”
“คนเมืองเทียนเหยียน ช่างคิดช่างวางแผนจริงๆ” กู้อ้าวเวยยิ้มๆ แล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะดังเดิม
เมื่อก่อนเป็นไทเฮาถูกคนหลอกใช้ทั้งชีวิต ตอนนี้ยังจะเชื่อคำพูดคนแปลกหน้า ต่อมาก็เป็นแผนร้ายของฮ่องเต้องค์ก่อนและซ่านต้วนโฉง ตอนที่นางเกิดนั้น ฮ่องเต้ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ และสมคบคิดกับเฉิงเสี้ยง คิดว่าฮ่องเต้องค์ก่อนที่กำลังจะสิ้นลม ก็มีใจอยากจะเอาตัวเองมาเป็นตัวกระตุ้นยาเหมือนกัน
ส่วนตอนนั้นซ่านจินจื๋อก็คือเลือดเนื้อที่สามารถเอามาเป็นยาได้
น่าขำสิ้นดี!
“ถ้ากินคนแล้วสามารถต่ออายุให้ยืนยาวได้ แล้วจะมีหมออย่างพวกเราทำไมกัน?” กู้อ้าวเวยคิดว่า เรื่องนี้มันเริ่มไร้สาระ ในดวงตาก็ปริ่มด้วยน้ำตา นิ้วมือก็จับไปยังไม้ที่ใช้ทับกระดาษ แล้วก็พูดออกมาว่า “ตอนนั้นข้ากับแม่สูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับยู่จุนหยูนซีไป หรือว่าจะ………”
“ยู่จุนรู้สึกผิดต่อพวกเจ้า” ซ่านต้วนโฉงเอ่ยปากพูด
นี่หรือความเป็นเพื่อน!
ถึงว่าหยุนหว่านถึงจำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับองค์ชายสองไม่ได้เลย และไม่รู้เรื่องของยู่จุนเลย แต่นางมาตายไปแล้ว1รอบถึงจำได้ ตอนนี้ในราชวงศ์เกิดความวุ่นวายมาก และมาแก้แค้นลงที่ตัวพวกนางเอง
ซ่านต้วนโฉงขมวดคิ้ว “เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ขอเพียงเจ้าช่วยยู่จุน วันข้างหน้าข้าจะไม่ให้เจ้าลำบากอะไรเลย”
กู้อ้าวเวยนิ่งไปไม่พูด เหมือนจะรู้แล้วว่าทำไมครั้งนี้ถึงปล่อยให้ตระกูลหยุนออกไป
ก็แค่การรู้สึกผิดคนเดี่ยวของยู่จุน
กำหมัดแน่น จนเลือดไหล แต่กู้อ้าวเวยก็ไม่เผยสีหน้าออกมา ได้แต่มองซ่านต้วนโฉง “ตอนนั้นพวกเจ้าให้แม่ข้ากินยาอะไร?”
ซ่านต้วนโฉงขมวดคิ้ว กลับยังจำตัวยาได้ แต่เขามองกู้อ้าวเวยไม่ออก “เจ้าอยากจะเล่นอะไรกันแน่?”
“ถ้าไม่รู้ว่าตอนนั้นข้ากินอะไรไป แล้วข้าจะรู้ว่าตนเองตายแล้วฟื้นได้อย่างไร แล้วจะทำให้ยู่จุนฟื้นมาได้หรือ?” กู้อ้าวเวยมองอย่างโมโห แล้วมองซ่านต้วนโฉงที่กำลังขมวดคิ้ว นางโกรธจนหัวเราะ “ยาสมุนไพรที่พวกเจ้าเอามาให้ข้ากินในวันนั้น เป็นอุปสรรคของการฟื้นของยู่จุนในวันนี้”
ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
ซ่านต้วนโฉงนิ่งไปชั่วขณะ แล้วก็รีบบอกตัวยาออกมาแล้วเดินจากไป
หยูนซีก็ยังคงหัวเราะลั่นอยู่ด้านข้าง ส่วนกู้อ้าวเวย หลังจากได้รู้ตัวยาพวกนั้น แล้วก็คิดไม่ถึง มีพิษมากมายเช่นนี้ ทำไมท่านแม่ถึงยังคลอดนางออกมาได้อีก และตนเองก็ไม่ได้รับผลกระทบจากพิษเลย?
ซ่านต้วนโฉงอยู่ด้านนอก ก็กำลังโมโห สีหน้านิ่งมาก
พอมาถึงห้องหนังสือ หวางกงกงเอามือปาดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วก็ถามว่า “ฝ่าบาท ตอนนี้รู้ข่าวของไทเฮาแล้ว จะให้………”
พอเห็นหวางกงกงพูดอะไรไม่ออก ซ่านต้วนโฉงก็โมโหเอามือปัดถ้วยชาออกไปแตกกระจาย แล้วตวาดว่า “พูดออกมา!”
“บางทีอาจจะอยู่ที่ตำหนักอ๋องจิ้ง” หวางกงกงรีบพาคนอื่นๆ นั่งคุกเข่าลง
ซ่านต้วนโฉงก็ตาเป็นประกายมองไปมา แล้วก็ตามมาด้วยเสียงตอบรับเบาๆ แต่ก็ไม่ได้สั่งการอะไร
ส่วนกู้อ้าวเวยที่อยู่ในวังหลังก็เพิ่งรู้เรื่อง อาวุธเด็ดข้างกายของซ่านจินจื๋อก็คือ ไทเฮาองค์ปัจจุบัน
……
ถูกขังอยู่ที่ตำหนักอ๋องจิ้ง ซ่านจินจื๋อก็ไม่ได้ลดปริมาณของกินของใช้สำหรับไทเฮา
อาหารการกินก็ดีหมด หมอที่เชิญมาดูแล ก็ทำอย่างดี ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ข้างกายของไทเฮาไม่มีคนอยู่ด้วย แม้แต่สาวใช้ในจวนก็ได้แต่เรียกนางแค่ว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า”
นางมองกระจกเห็นความแก่ของตนเอง แล้วก็หัวเราะลั่นออกมา
สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกก็กลัวจนตัวสั่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
มันไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้
พอเสียงหัวเราะเบาไป ไทเฮาก็มาพิงที่ข้างเตียง แล้วมองไปที่หน้าต่างอย่างสิ้นหวัง แล้วเงียบไป
เมืองเทียนเหยียนในท่ามกลางสายฝน ความเงียบคืบคลานเข้ามา ซ่านจินจื๋อนำทัพทหารจากที่อื่นมาปักหลักตั้งค่ายในป่าข้างๆ หมู่บ้านประมง กองทัพหลบอยู่ในเขตแอ่งกระทะ เพื่อซุ่มดูทหารอีกกองทัพอย่างเงียบๆ ทั้งสองฝั่งไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
ทางด้านบนชั้นบนของร้านอาหารป่ายเว่ย
ซ่านจินจื๋อในชุดสีกากีปักด้ายทอง แขนเสื้อปักด้วยลายนกต่างๆ เติมด้วยใบหน้านิ่งๆ ของเขาดังเดิม และกำลังนั่งมองซ่านเซิ่งหานฝั่งตรงข้าม เขาพูดว่า “วันนี้เรียกข้ามา แสดงว่าจะกำลังเตือนข้าเป็นครั้งที่สามแล้วใช่ไหม?”
พอถูกถามเช่นนี้ ซ่านเซิ่งหานก็ยิ้ม “เตือนแค่2ครั้ง ท่านอาจะรู้เรื่องหรือ?”
“แต่ข้านั้นไม่ชอบอยู่ใต้อานัตใคร” ซ่านจินจื๋อหัวเราะเบาๆ
ซ่านเซิ่งหานก็รู้ข่าวที่ซ่านจินจื๋อซ่องสุมกองกำลัง ตอนนี้ก็วุ่นวายจนแก้ไม่ได้ ซ่านเซิ่งหานก็ไม่อ้อมค้อม ก็พูดไปตรงๆ ว่า “ถ้าไม่มาวุ่นวายกับเจ้า ข้าก็รับรองความปลอดภัยของกู้อ้าวเวย จะให้นางออกไปอย่างปลอดภัย”
ถึงขนาดกล้าพูดถึงกู้อ้าวเวยต่อหน้าเขา
ซ่านจินจื๋อกระตุกสายตา ความโกรธเริ่มมากขึ้น แล้วพูดว่า “เจ้ายังคิดชั่วกับเวยเอ๋ออีกหรือ”
“ถึงข้าจะไม่ได้ครอบครองนาง แต่ก็ไม่อาจทนดูเจ้าทำลายนาง” ซ่านเซิ่งหานใช้สายตาเยือกเย็นมองออกไป ในใจของเขาคิดว่า หลังจากที่กู้อ้าวเวยพบกับซ่านจินจื๋อ ชีวิตก็ไม่เคยเป็นสุขอีกเลย ตอนนี้บาดเจ็บตลอด จะให้นางตกไปอยู่ในวังวนแบบนี้ได้เช่นไร แล้วก็ดึงคอเสื้อซ่านจินจื๋อ “คำสาบานที่เจ้ากับข้ามีต่อนางมันถูกทำลายหมดแล้ว ตอนนี้จะให้ข้าเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร!”
ถูกดึงคอเสื้อจนต้องลุกขึ้น ซ่านจินจื๋อจ้องมองหลานชายที่ไม่ได้พบหลายปี แล้วพูดว่า “ถ้าตอนแรกเจ้าพบนางก่อน นางก็จะทุ่มเทให้เจ้าเช่นกัน นี่มันคือชะตา”
“น่าขำ!” ซ่านเซิ่งหานแทบจะปืนขึ้นโต๊ะ ศักดิ์ศรีขององค์ชายบังคับให้เขาต้องสะบัดคอเสื้อของซ่านจินจื๋อออก แล้วอารมณ์ที่ครอบคลุมตัวซ่านจินจื๋อก็ทำให้เขาแทบต้องหยุดหายใจ
ซ่านจินจื๋อยกมือจัดคอเสื้อ “หานเอ๋อ นางเป็นภรรยาของข้า”
“แต่เจ้าทำอะไรเพื่อนางบ้าง?” ซ่านเซิ่งหานสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป แต่ก่อนจากไปก็ได้ทิ้งคำว่า หมู่บ้านประมง ไว้
ซ่านจินจื๋อนั่งเงียบๆ บนชั้นบนของร้านอาหารป่ายเว่ย
ไม่รู้ว่าตอนนั้นซ่านจวนฮ่าวก็บุกเข้าวังด้วยคำพูดนี้ สุดท้ายก็จบชีวิต
จอกเหล้าในมือถูกบีบจนเป็นผง ส่วนซ่านหลิงเอ๋อร์ที่รอด้านนอกนานแล้ว ก็ค่อยๆ เข้ามา “ท่านอา ซ่านหลิงเอ๋อร์ยอมไปหมู่บ้านประมงกับท่าน จะเอาเรื่องเลวทรามพวกนั้นออกมาให้หมด”
สะบัดผงที่อยู่ในมือออก ซ่านจินจื๋อก็พาซ่านหลิงเอ๋อร์ออกไปจากเมืองเทียนเหยียน
เขาได้ตอบแทนเพื่อความเอาแต่ใจของกู้อ้าวเวยมามากแล้ว
แต่กลับไม่รู้ว่า ตอนที่เขาออกไปนั้น ก็ได้มีเงาคนเข้าไปยังตำหนักอ๋องจิ้ง