บทที่ 1026 ไม่อาจถอยแล้วถอยอีก
“ร่างกายของท่านเป็นอย่างไร ท่านเองน่าจะรู้ดี”
หลังจากคำพูดหนึ่งประโยคที่แสบราบเรียบของจางเหยียงซาน กู้อ้าวเวยที่เมื่อครู่ยังโดดเหยงเป็นบ้าไม่หยุดยามนี้ก็พลันสงบลงบ้างแล้ว หันหน้าไปมองเขา “ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว แต่ข้าไม่เคยรู้ว่าเจ้าจะโพล่งประโยคที่ไม่สุภาพเยี่ยงนี้ออกมา นี่อยากเห็นข้า…”
“ยามนี้เหง้าถุงน้ำดีหงส์ทำร้ายท่านไม่ได้จริงๆ แต่ท่านย่อมรู้ว่ากลิ่นเลือดนั้นมีพลังดึงดูดจุ้ยเวี่ยนในตัวกายเป็นอย่างยิ่ง หากเมื่อครู่ไม่ได้ข้าฉุดเอาไว้ ท่านคงจะเป็นเจ้าผีร้ายกินคนตนนั้นจริงๆ แล้วใช้หรือไม่”
จางเหยียงซานเลิกคิ้ว เห็นว่าฉูห้าวที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนจะเข้าใจบ้างแล้ว จึงทิ้งหนึ่งประโยคโดยตรง “จุดที่กลิ่นเลือดฉุน ท่านต้องอยู่ห่างๆ เข้าไว้ หลังจากจุ้ยเวี่ยนดื่มเลือดแล้วจะงอกกิ่งก้านออกมา หากท่านดื่มเลือดเข้าไป ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
กล่าวประโยคนี้จบจางเหยียงซานก็วางยาบำรุงกำลังสองสามขวดไว้ข้างๆ แล้วเดินออกไปทันที
กู้อ้าวเวยกัดกลีบปาก รู้สึกไม่ใคร่เต็มใจเท่าใดนัก
เมื่อครู่ภายในห้องบรรทม กลิ่นคาวเลือดดูเหมือนกลิ่น หอมหวานของขนมอบ เกือบจะเย้ายวนหัวใจของนางไปสิ้น
แต่มีแค่นางที่รู้มาจากปากของยู่จือและอ้ายจือ ก่อนที่นางจะดื่มจุ้ยเวี่ยนลงไปก็ได้ดมเลือดจนกลิ่นหวานจางลงไปแล้ว ฉะนั้นตอนนั้นจึงรู้ทันทีว่าของสิ่งนี้คือจุ้ยเวี่ยน ยามนี้กลิ่นคาวเลือดอันฉุนกึกดูเหมือนจะยิ่งจุดประกายความหลงใหลภายในกายของนาง รังแต่จะทำให้นางโหยหาเท่านั้น
วันนี้หากไม่ได้จางเหยียงซานฉุดนางเอาไว้ นางอาจจะทำเรื่องบางอย่างโดยไม่รู้ตัวขึ้นมาจริงๆ ก็ได้
เมื่อนึกถึงว่าตัวจะต้องโลภเลือดคนรัก นางรู้สึกเพียงเสียวสันหลังวูบ
มือถูกกำแน่นอย่างแผ่วเบา ฉูห้าวมองนางอย่างว่างเปล่า “ท่านพี่รู้สึกดีบ้างหรือไม่”
“ทุกอย่างยังปกติ อย่าฟังเขาพูดพล่าม” กู้อ้าวเวยกุมมือของฉูห้าวกลับ คราวนี้จึงตกใจที่สองมือของตัวเองถูกเช็ดจนสะอาด แต่กลับมีเหงื่อเหนียวเหนอะหนะอยู่ในนั้น เมื่อไรก็ไม่รู้
กู้อ้าวเวยรีบชักมือกลับมา นวดมุมขมับเบาๆ “ข้าจะนอนอีกหน่อย”
“อืม” ฉูห้าวพยักหน้า ก่อนออกไปก็ให้ผู้ช่วยที่เชื่อถือได้สองคนข้างกายตนอยู่ตรงนั้น แล้วเอ่ยปากพูดกับซางนิงโดยตรง “รบกวนดูแลท่านพี่ให้ดีด้วย หากมีปัญหาอะไร เอ่อตานของข้าคงมิอาจถอยแล้วถอยอีกเป็นอันขาด”
อายุยังน้อย กลิ่นอายรอบกายกลับเย็นยะเยือกเยี่ยงนี้
ซางนิงลอบชื่นชมรัชทายาทเอ่อตานคนนี้อยู่ในใจอย่างไร้ร่องรอย บนใบหน้าย่อมปั้นหน้านิ่งรับคำเป็นธรรมดา
ส่วนภายในห้อง กู้อ้าวเวยผลัดอาภรณ์โชกเลือดทั้งตัววางใส่ในถังไม่ด้วยตัวเอง เรียกหาคนมาเทน้ำร้อนสำหรับอาบน้ำ ไอร้อนพวยพุ่งรอยกาบ นางกำนัลสองคนที่อยู่หลังฉากกั้นสวมถุงมือช่วยนางจัดการเสื้อผ้าเปื้อนเหล่านั้น
ส่วนนางกลับนั่งอยู่ท่ามกลางไอหนาทึบ เรือนผมดำขลับประหนึ่งขนกาดำระขอบถังอาบน้ำ ปลายนิ้วลากจากเรียวแขนไล้ผ่านทุกอณู รอยแผลเป็นบนร่างกายนี้ถูกนางถูทีละจุด กลับไม่รู้ว่าสีเนื้อจางๆ เหล่านั้นแทบจะยากแยกออกด้วยตาเปล่า ส่วนรอยแผลเป็นบนขั้วหัวใจสายนั้นรักษาหายขาดอย่างสมบูรณ์แล้ว เหลือแต่เพียงสีชมพูอ่อนๆ วงหนึ่งเท่านั้น
ร่างกายสะบักสะบอมแบกรักความทรมานอะไรไม่ได้ตั้งนานแล้ว
นางทำเพียงเงยหน้าขึ้นพิงขอบถังน้ำ ดวงตาเป็นประกายจ้องมองคานห้อง เอ่ยถามว่า “เรื่องฝั่งฮองเฮาเหนียงเหนียงมีอะไรคืบหน้าหรือไม่”
“ยังไม่มีข้อสรุป ใต้เท้าหมอเทพยังต้องการเติมน้ำร้อนอีกหรือไม่เจ้าคะ” นางกำนัลวางน้ำร้อนถังหนึ่งไว้ด้านหลังฉากกั้นลมอย่างระมัดระวัง
กู้อ้าวเวยร้องอืมเบาๆ หนึ่งครา นางกำนัลคนนั้นจึงเดินเข้ามาในห้องอย่างระวัง
แต่ไหนแต่ไรกู้อ้าวเวยไม่ชอบเวลามีคนอยู่ด้วยตอนที่ตนอาบน้ำ ยามนี้นางกำนัลกลับเห็นว่าดวงตาดอกท้อคู่นั่นเสมือนจมสู่ดินแดนอ่อนโยน นุ่มนวลน่าสงสาร เอียงศีรษะตาปรือ แขนเรียวปานหยกขาวที่พาดไปด้านข้างนั้นเคาะเบาๆ อย่างขอไปที
“ใต้เท้าหมอเทพรูปโฉมงดงามยิ่งนัก” นางกำนัลรุ่นเยาว์ปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเอ่ยประจบ
“วังหลังมีนางสนมสามพัน เจ้าควรไปดูพวกนางมากๆ หน่อยจึงจะถูก ข้าผิวหนังหยาบหนาไม่น่ามองเลยสักนิด” กู้อ้าวเวยจำได้ว่าพระสนมเหล่านั้นวันๆ เอาแต่ประทินผิวหอมฟุ้ง แถมบางคนยิ่งอาบน้ำนมกันเลยทีเดียว นางย่อมเทียบไม่ได้เป็นธรรมดา
นางกำนัลหน้าแดงด้วยความกระดากอาย หลังจากเติมน้ำให้นางแล้วก็มาถูหลังให้นาง
กู้อ้าวเวยเหนื่อยเหลือเกิน จึงปล่อยให้นางกำนัลทำไป
ขณะที่กำลังแช่ตัวจนเริ่มง่วงนอน นางกำนัลที่คอยปรนนิบัติอยู่ด้านนอกก็รีบพรวดพราดเข้ามา “ดูเหมือนอ๋องจิ้งจะบุกเข้ามาเจ้าค่ะ ไม่ทราบใต้เท้าหมอเทพ…”
“ปึง!” บานประตูถูกเตะเปิด
นางกำนัลสองคนต่างตกใจสะดุ้งโหยง กุลีกุจอนึกอยากสวมอาภรณ์ให้กู้อ้าวเวยก่อนเป็นสิ่งแรก
กู้อ้าวเวยก็สะดุ้งตื่นจากภวังค์งัวเงีย ขดตัวลงไปในน้ำโดยสัญชาตญาณ “ข้ากำลังอาบน้ำอยู่!”
ซ่านจินจื่อที่อยู่หน้าประตูชะงักฝีเท้า คราวนี้มองเห็นหยดน้ำบนพื้นซ้ำยังมีเสื้อผ้าเปื้อนเลือดที่แช่อยู่ในน้ำยา
หลังฉากกั้นลมไอหนาทึบพวยพุ่ง และนางกำนัลที่อยู่หลังฉากกั้นลมนั้นหนาแดงซ่านเบือนหน้าไปติดฉากกั้นลม
ถัดจากฉากกั้นลมที่โปร่งแสงนี้ เขามองเห็นเงาร่างในนั้นอยู่รำไร
“ข้า…ข้าจะรอเจ้าออกมา” ซ่านจินจื๋อรู้สึกเพียงพิพักพิพ่วนยิ่งนัก รีบสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
กู้อ้าวเวยเองก็ไม่มีอารมณ์แช่น้ำแล้ว จึงเดินออกมาจากถังน้ำ โดยมีนางกำนัลสองคนผลัดอาภรณ์สะอาดสะอ้านให้นาง แต่นางกลับรู้สึกว่าเย็นเยียบไปทั้งกาย ซ้ำยังยืนกรานจะสวมเสื้อหนาๆ สำหรับหน้าหนาวเสียก่อนค่อยเดินมาถึงห้องโถง
ฉีหรัวและซ่านเชียนหยวนต่างนั่งรออยู่ที่นั่นแล้ว จางเหยียงซานกลับไม่มีแม้แต่เงาคนให้เห็น
ซ่านจินจื๋อกระแอมไอหนึ่งทีขับไล่กลุ่มคนออกไป เดินขึ้นมาเบื้องหน้าแล้วมองสำรวจกู้อ้าวเวยอย่างถี่ถ้วน “บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”
“ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน เพียงแต่ตอนที่ช่วยชีวิตฮองเฮาใช้ความคิดไปหน่อย ยามนี้จึงค่อนข้างเหนื่อย” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างจนปัญญาพลางยกมือขึ้นแนบลงบนพวงแก้มที่ตอบลงเล็กน้อยของซ่านจินจื๋อ แล้วกล่าวตำหนิ “หากไม่ใช่เพราะท่านพรวดพราดเข้ามา หลังอาบน้ำเสร็จข้าคงเอาแต่นอนหลับแล้ว”
“ไปนอนตอนนี้ก็ยังไม่สาย” ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นวางบนหลังมือของนาง ก่อนเคาะลงบนฝ่ามือของนางเบาๆ สองครา “ครั้งนี้เคราะห์ดีที่ซางนิงอยู่ด้วย”
“อันที่จริงท่านยังต้องขอบคุณจางเหยียงซานด้วยนะ หากไม่ได้เขา ข้าคงไม่พ้นหมดสติอยู่ในนั้นเป็นแน่” กู้อ้าวเวยปล่อยให้ชายหนุ่มกึ่งลากกึ่งจูงนางไปนั่งลงบนตำแหน่งหลัก และคร้านจะสนใจสายตาก้างขวางคอล้อเลียนของสองคนที่เหลือ จึงเอนพิงหัวไหล่ของซ่านจินจื๋อแล้วหาววอดหนึ่งคราเสียดื้อๆ “ข้าค่อนข้างง่วงจริงๆ แต่ในเมื่อพวกท่านมากันแล้ว ข้ากลับคิดว่ามีเรื่องต้องพูดกับพวกท่านเสียหน่อย”
เมื่อเป็นเช่นนี้ นางจึงเล่าเรื่องระหว่างฮ่องเต้ให้ฟังทีละเรื่อง รวมถึงเรื่องที่อาจมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังด้วย
เมื่อสิ้นสุดน้ำเสียง คนแรกที่รู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อคือซ่านเชียนหยวน “จะเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าเข้าใจมาโดยตลอดว่าเรื่องพวกนั้นเสด็จพ่อเป็นคนทำทั้งหมด”
“วันนี้คนๆ นี้ต้องการชีวิตของข้ากับฮองเฮาตงฟางอย่างเห็นได้ชัด ยามนี้ฮ่องเต้ต้องการทักษะการแพทย์ของข้าและความภักดีของฮองเฮา ไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่ใช่เขาแน่” กู้อ้าวเวยเอ่ยปากทันที จู่ๆ นางก็นึกถึงสุราพิษแก้วนั้นของฮองเฮา ในบางแง่ยามที่นางเพิกเฉยความเป็นความตายยู่จุนต้องการบีบนางสู่ความตาย กลับถูกลิขิตให้ตระกูลตงฟางเรียกได้ว่าเป็นแม่แห่งแผ่นดิน ยิ่งคู่ควรกับฮ่องเต้
คนที่ภักดีเยี่ยงนี้ ฮ่องเต้คงมิอาจทอดทิ้งในสถานการณ์คลุมเครือไม่ชัดเจนเยี่ยงปัจจุบัน
ซ่านจินจื๋อสบสายตากับกู้อ้าวเวย ปลายนิ้วกลับทำเพียงเลื่อนผ่านเรือนผมเปียกชุ่มของนาง กล่าวเสียงทุ้ม “ถ้าหากมีคนอยู่เบื้องหลัง เจ้าคิดว่าเป็นใคร”
กลับเห็นกู้อ้าวเวยหรี่ตาลงเล็กน้อย เหลือบมองเขา “ซูพ่านเอ๋อโตมาพร้อมกับท่าน ยามนี้นางมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ท่านไม่เคยคิดจริงๆ หรือว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะดึงนางมามีส่วนร่วมด้วย?”
“ข้าไม่รู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของซูพ่านเอ๋อ ตอนนี้กลัวแต่ว่า…”
“ท่านก็ลองคิดดูว่าช่วงเวลาที่ล่วงเลยมามีข้อผิดพลาดอันใดหรือไม่ ข้าจะไปพักผ่อนก่อนแล้ว”
กู้อ้าวเวยนึกถึงข่าวลือของเขากับตงฟางซวนเอ๋อเมื่อวานนี้ ยิ่งโกรธจนแค่นเสียง สลัดชายเสื้อออกไปทันที
ซ่านจินจื๋อถอนหายใจหนักๆ อยู่ที่เดิม ภายในใจยุ่งเหยิงไปหมด
ก็ไม่รู้ว่านางได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดหรือไม่กันแน่