บทที่ 1031 รักอย่างลึกซึ้งจนถึงทุกวันนี้
ฝนยังตกอย่างหนัก ภายในตำหนักเริ่มเปียกชื้น
ยู่จุนอยู่ในโลงศพน้ำแข็งเป็นเวลานาน ร่างกายไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้ยิ่งเปียกชื้นกลับยิ่งทำให้ยาในร่างกายของนางยิ่งเข้มข้นขึ้น
นั่งอยู่ด้านข้างเตียงของนาง ตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าภายในวังเกิดเรื่องวุ่นวายแค่ไหน กำลังช่วยนวดแขนให้กับยู่จุน
นางกำนัลเอาอาหารมาส่งให้ พูดขึ้นอย่างสุภาพว่า “ท่านหมอเทพทานอาหารบ้างเถอะ ไม่เช่นนั้นฮ่องเต้จะทรงโกรธแล้ว”
“เจ้ามาช่วยนวดแขนให้นาง เบามือหน่อย” ค่อยๆลุกขึ้นเดินมาตรงด้านหน้า พวกนางกำนัลเดินหน้ามานวดอย่างชำนาญ บีบนวดอย่างอ่อนโยน แล้วก็สังเกตยู่จุนอยู่อย่างระมัดระวัง
ก่อนหน้านี้ที่นอนอยู่ในโลงน้ำแข็ง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าอย่างชัดเจน
ตอนนี้ยู่จุนถูกย้ายมาอยู่ข้างนอกแล้ว ใบหน้านั้นกลับทำให้กู้อ้าวเวยใจสั่น
นางไม่เพียงมีรูปร่างหน้าตาคล้ายหยูนซี ตอนนี้ยู่จุนก็เหมือนจะคล้ายพวกนางทั้งสองคนอยู่มาก
ตามหลักแล้วนอกจากเป็นแฝดสายเลือดเดียวกันแล้ว ยากที่จะเจอคนสองคนที่มีหน้าตาคล้ายกัน แต่ตอนนี้อายุของทั้งสามคนต่างกัน น่าจะห่างกันแปดถึงสิบปี แต่มีสองที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน กลับมีสามคนที่มีหน้าตาคล้ายกัน
ไม่น่าแปลกใจที่มีบางคนเชื่อคำทำนายไฟจากฟ้า เพราะการที่มีคนสามคนเกิดมามีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันก็เป็นเรื่องที่ไม่ปกติอยู่แล้ว
นอกจากนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในตำหนักฮองเฮาก็เป็นเรื่องที่คาดคิดไม่ถึงเหมือนกัน
“เรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักฮองเฮามีความคืบหน้าอะไรบ้าง?” กู้อ้าวเวยถามขึ้นด้วยเสียงต่ำอย่างอดทนไม่ไว้
“ทหารอารักขาที่อยู่ด้านนอกตำหนักเห็นมีเงาดำผ่านจริง เพียงแต่คนคนนั้นจากไปอย่างรวดเร็ว ฝีมือไม่ธรรมดา ทุกคนทั้งวังต่างก็หวาดกลัว แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสหรือร่องรอยอะไรอย่างอื่น หมอหลวงบอกว่าตอนนั้นฮองเฮาถูกแทงทำร้ายเป็นเวลานานแล้วค่อยไปพบ จึงทำให้พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการหาตัวคนร้าย ”
เมี่ยวหารไม่ได้อยู่ในเมืองเทียนเหยียน ส่วนพิษรากถุงน้ำดีหงส์อยู่ภายในร่างกายนักฆ่า เวลาคงจะเหลือไม่มากแล้ว บรรดาพวกนางกำนัลและขันทีในวังที่สัมผัสสิ่งของที่เปื้อนเลือดก็จะได้รับผลกระทบ แต่ตอนนี้ดูแล้ว พิษรากถุงน้ำดีหงส์นี้เหมือนถูกระงับไว้
จะต้องมีคนที่มีทักษะทางการแพทย์เลิศล้ำอยู่เบื้องหลัง และจะต้องมียาสมุนไพรที่หายากอยู่ในมือ
ตัวเลือกแบบนี้แทบจะไม่มี จึงทำให้ยิ่งยากที่จะสืบหาร่องรอย
ทั้งสองเรื่องเกี่ยวพันกัน นางกลับรู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ดูกระจัดกระจาย แต่ทั้งหมดน่าจะมีเป้าหมายเดียวกัน แต่ยังไงก็คิดไม่ออก
และในตอนนี้ นางกำนัลด้านข้างก็พูดขึ้นว่า “แต่ว่าด้านนอกตำหนักที่รกร้าง ได้พบสิ่งของประจำตัวองค์ชายเก้า”
กู้อ้าวเวยอึ้งไปอีกครั้ง ก่อนหน้านี้บอกว่าองค์ชายเก้าถูกลักพาตัวไป และคนร้ายคนนั้นก็มีฝีมือมาก
หรืออาจจะเป็นการกระทำของคนอื่น? แต่ทั้งๆที่รู้ว่าพิษรากถุงน้ำดีหงส์ขององค์ชายเก้าไม่สามารถรักษาได้ แล้วจะใช้ได้อย่างไร?
“ตอนนี้ฮ่องเต้ได้มีรับสั่งให้องค์ชายเก้าเข้าวังแล้วหรือ?”
“ไม่ได้มีรับสั่ง ได้ยินว่าคืนก่อนจวนองค์ชายเก้าถูกโจรปล้น เริ่มค้นหากันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” นางกำนัลส่ายหัว
เรื่องนี้ยิ่งดูน่าแปลกมาก
แต่เมื่อคิดดูแล้ว กู้อ้าวเวยกลับไม่ได้ปวดหัวขนาดนั้นแล้ว
เรื่องที่องค์ชายเก้าหายตัวไป คงเป็นซ่านต้วนโฉงเองที่รับผิดชอบเรื่องนี้ไว้ ต้องไปสืบค้นเพิ่มเติมที่จวนองค์ชายเก้าแน่ เห็นทีตอนก่อนหน้านี้ที่ฮ่องเต้ไม่ได้กำจัดองค์ชายเก้า กลับกลายเป็นเหมือนการเอาหินทุบขาตนเองในตอนนี้ ไม่เพียงองค์ชายเก้าที่เป็นลูกทรพีคนนี้ไม่ตาย ยังอาศัยเลือดพิษ เอาพิษรากถุงน้ำดีหงส์นี้ออกไปด้วย
ตอนนี้กลับทำร้ายฮองเฮาที่เขาไว้ใจที่สุด สนมทั้งวังหลัง ต่างเคลื่อนไหวเหมือนดั่งคลื่นใต้น้ำ ยังมีคนข้างหมอคนไหนที่ยังเชื่อถือได้อีก?
ยักยิ้มที่มุมปาก กู้อ้าวเวยทานอาหารเสร็จ แล้วก็กลับมาด้านข้างเตียงยู่จุน เดิมคิดอยากที่จะช่วยนวดขาให้นาง
“อือ” กู้อ้าวเวยได้ยินเสียงอู้อี้นั้นดังขึ้นในทันใด
เมื่อหันไปดู ก็เห็นขนตายู่จุนสั่นไหว
ไม่ต้องสงสัยเกี่ยวกับเขา กู้อ้าวเวยรีบสั่งขันทีนางกำนัลด้านหน้าตำหนักว่า “ไปเอาโจ๊กที่ย่อยง่ายๆมา เพิ่มผักกับเนื้อสับละเอียดด้วย ต้องละเอียดนะ”
“แม่นางยู่จุน….”
“ยังต้องใช้เวลาอีกสักช่วงหนึ่งกว่าจะฟื้น ไม่ต้องเป็นกังวล” กู้อ้าวเวยโบกมือ พูดอย่างเฉยเมย
ผ่านไปไม่นาน ก็มีขันทีน้อยเอาโจ๊กน่าทานมาให้ กู้อ้าวเวยรับมาเป่าจนอุ่น แล้วค่อยๆป้อนใส่ในปากยู่จุน
ส่วนมากล้วนตกลงข้างหมอน แต่กู้อ้าวเวยยังคงป้อนอยู่อย่างใจเย็น
ขันทีนางกำนัลที่อยู่ด้านข้างอยากรับเอาถ้วยนั้นมา กลับถูกกู้อ้าวเวยปฏิเสธ “ไม่เป็นไร แค่ป้อนโจ๊กเรื่องเล็กแค่นี้ ข้าทำได้”
โจ๊กหนึ่งถ้วยค่อยๆหมดลง กู้อ้าวเวยเอาโจ๊กที่เหลือวางด้านข้าง แล้วก็ได้ยินเสียงสั่นเทาดังขึ้นเบาๆว่า “จุนเอ๋อจะฟื้น….”
นางเงยหน้าขึ้น รู้สึกว่ามีน้ำอุ่นๆหล่นลงมาถูกข้างแก้ม
ดวงตาลืมกลมโต กู้อ้าวเวยมองดูซ่านต้วนโฉงน้ำตาไหลอย่างไม่อยากเชื่อ นิ้วมือยืนไปจับมือยู่จุนอย่างแผ่วเบาด้วยความสั่นเทา เหมือนกับกำลังจับสิ่งของที่แตกง่าย แล้วก็เหมือนกำลังจับสิ่งของอะไรที่มีค่ามาก ด้วยแววตาจริงใจ
กู้อ้าวเวยลุกถอยออกมาหน่อย “ยังอีกสักพัก ฮ่องเต้อยู่เป็นเพื่อนนางได้บ้างอย่างเหมาะสม”
นางยังไม่ทันได้ไปไหน ซ่านต้วนโฉงก็ได้จับมือที่เยือกเย็นขึ้นมาแนบหน้า จุมพิตเหมือนดั่งสิ่งของล้ำค่า ริมฝีปากสั่นไหว ดูเหมือนกำลังพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขา
พูดถึงเรื่องราวเก่าๆภายในกำแพงสูงของวัง พูดถึงพระอาทิตย์ตกตอนเย็น นึกถึงหิมะแรกที่มาพร้อมกับได้พบแล้วก็อยู่ด้วยกัน
ยกเว้นเรื่องที่มือเปื้อนไปด้วยเลือด ฆาตกรฆ่าแม่ของเขา และความคับข้องใจที่ได้พบเจอตลอดหลายปีมานี้
กู้อ้าวเวยก็อดไม่ได้ที่จะเห็นใจ ค่อยๆจากไปอยู่ด้านหลังตำหนัก สั่งพวกขันทีนางกำนัลว่า “วันนี้ข้าไปนอนที่ตำหนักฉีหรัว รบกวนให้กงกงคนหนึ่งช่วยนำทางให้ข้าที”
“ขอท่านหมอเทพระวังตัวด้วย” นางกำนัลยิ้มหลีกทางให้ แล้วก็หาขันทีที่ทำงานคล่องแคล่วไปพานำทางนางไป
ค่ำคืนฝนตกทำให้มองเห็นทางไม่ค่อยชัด เงาของต้นไม้พลิ้วไหวราวกับเงาผี
โคมไฟสองดวงสามารถส่องสว่างทางเดินเท้า ตอนที่เดินผ่านตำหนักฮองเฮา ยังสามารถมองเห็นไฟที่ส่องสว่างในนั้น
ตรงทางเลี้ยว มีคนคนหนึ่งถือร่มยืนอยู่คนเดียว ในมือยังถือตะเกียงไฟยืนอยู่ตรงนั้น
เข้าไปใกล้แล้วถึงรู้ว่า เป็นตงฟางซวนเอ๋อที่ควรถูกซ่านจินจื๋อส่งกลับไปด้วยตัวเอง นางยืนอยู่ในมุมนั้นคนเดียว สีหน้าขาวซีด บนไหล่มีผ้าคลุมกันลมคลุมไว้อยู่อย่างปลิวไหว นางจับด้ามร่มไว้แน่นจึงไม่หล่นตกลงมา
“เดิมข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มีทางมาเสียอีก” เมื่อตงฟางซวนเอ๋อเห็นหนึ่ง ก็เดินเข้ามาหาด้วยดวงตาแดงก่ำ ร่มในมือก็โยนทิ้งไป กลับถูกขันทีสองคนด้านข้างจับตัวไว้ หลังจากตากโดนฝน ทั้งร่างกายเปียกปอนไปหมด
“นั่นเป็นพิษร้ายแรงที่ไม่มียาถอนพิษ นอกจากเจ้าแล้วยังจะมีใครมี คืนนั้นนอกจากข้ากับอ๋องจิ้งแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งหมดท่านป้าเป็นคนวางแผนเอง เจ้ากลับลงมือกับทานป้าอย่างโหดเหี้ยม ตอนนี้ยังจะทำตัวเป็นคนดี หลุดพ้นจากการตกเป็นผู้ต้องสงสัยหรือ”
ตงฟางซวนเอ๋อตะโกนพูดอย่างไม่สนใจใคร ขาทั้งคู่สั่นเทาเหมือนรออยู่นี้มานานแล้ว
กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าฆ่าเป็นคนฆ่าฮองเฮา แล้วก็มาช่วยนาง?”
“หมอหลวงบอกข้าแล้ว นั่นเป็นพิษรากถุงน้ำดีหงส์ ในวังนี้คนที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับพิษนี้มีเพียงเจ้า”
ช่างเป็นหายนะที่ไม่มีเค้ามาก่อนเลยจริงๆ