บทที่ 1037 คนร้าย
ชุดแต่งงานหรูหราสวยงาม เงินทองเทียนมังกร
แม่หญิงเย็บปักถักร้อยของร้านตัดเย็บเสื้อผ้า เอาสิ่งของพวกนี้ส่งมายังจวนฉีอย่างเรียบร้อย ภายในจวนเป็นระเบียบเรียบร้อย นายท่านชีเพียงแค่สัมผัสดู ชุดแต่งงานนี้หรูหราประณีตงดงามนี้ กลับไม่รู้เลยว่ามีแม่หญิงเย็บปักถักร้อยกี่คนที่ต้องรีบทำกันอย่างหามรุ่งหามค่ำ แม้แต่ผ้าไหมผืนนี้ก็เรียบลื่นมาก สวดมงกุฎรูปหงส์ก็ยิ่งประณีตอย่างที่สุด แม้แต่ผ้าคลุมหัวหงส์มังกรมงคล ที่ต้องใช้ในวันนั้นก็วางอยู่ด้านข้าง
ลูกสาวแต่งงาน ฉีหมิงเพียงมองดูสิ่งของพวกนี้แล้วดวงตาก็แดงก่ำ
มามาแม่หญิงเย็บปักถักร้อยยิ้มพูดขึ้นว่า “ ต่อไปคุณหนูฉีแต่งเข้าจวนอ๋องผิง ก็จะพบแต่ความสุขสมหวัง”
คำอวยพรเรียบง่าย ฉีหมิงกลับหัวเราะอย่างมีความสุข สั่งคนเอาอั่งเปาชุดใหญ่ให้กับแม่หญิงเย็บปักถักร้อยทุกคนอย่างใจกว้าง จนพวกแม่นางร้านตัดเย็บต่างก็ยิ้มหน้าบาน คำอวยพรว่ารักกันจนแก่เฒ่ามีลูกมีหลานเต็มบ้านเต็มเมือง ต่างก็พูดอวยพรกัน จนภายในห้องโถงครึกครื้นกันอย่างมาก
แล้วก็ไม่มีใครเห็นว่าแม่หญิงเย็บปักถักร้อยคนนั้นแอบเอาสิ่งของยื่นให้กับ คนใช้ด้านข้าง
มือเรียวขาวข้างหนึ่งกลับยื่นออกมา คว้าเอามงกุฎหงส์พร้อมชุดแต่งงานสีแดงในมือนาง
เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็สบกับดวงตาคู่หวานอ่อนโยน แต่ร่างกายแม่หญิงเย็บปักถักร้อยคนนั้นกลับสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว “จิ้ง…พระฉายาอ๋องจิ้ง…”
น้ำเสียงแม่หญิงเย็บปักถักร้อยไม่ดัง แต่กลับทำให้มีคนหันมามองอยู่ไม่น้อย นัยน์ตาต่างก็อึ้ง
หลายวันนี้มีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องการตายของพระชายาอ๋องจิ้งในตอนนั้นกับองค์หญิงแคว้นเอ่อตานกันอย่างครึกโครม มีคนไม่น้อยแล้วที่รู้ว่า ท่านหมอเทพมีหน้าตาคล้ายกับทั้งสองคนนั้นมาก แม้แต่ชาวบ้านทั่วไป ต่างก็คิดว่านี่เป็นเคล็ดลับหนึ่งของคนในราชวงศ์ ความจริงแล้วทั้งสามคนนี้คือคนคนเดียวกัน
แต่ในตอนนี้ ใบหน้าที่เหมือนกันใบนั้นปรากฏอยู่ตรงนี้ และก็ไม่มีข่าวว่าท่านหมอเทพออกมาจากวัง
คนตรงหน้าคนนี้เป็นใครกันล่ะ?
“ ไม่มีปัญหาอะไร เก็บไว้ให้ดีเถอะ” กู้ซวงพูดขึ้นด้วยเสียงเบา สายตามองไปยังเห้อจิ้นหล่างที่อยู่ตรงมุมนั้น แล้วก็พยักหัวเล็กน้อย
เห้อจิ้นหล่างเดินมาด้านหน้า เมื่อเดินมาถึงตรงที่มงกุฎหงส์พร้อมชุดแต่งงานสีแดงนั้นถูกนำออกไป ค่อยมองดูแม่หญิงเย็บปักถักร้อยแล้วพูดว่า “พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าพูด ตอนนี้นางเป็นถึงหมอของจี้ซื่อถาง นามว่าเอ่อร์ชิง”
ได้ยินคำว่าเอ่อร์ชิงสองคำนี้ ในใจผู้คนไม่น้อยต่างก็รู้ที่มาที่ไปแล้ว
ท่านหมอเอ่อร์ชิงในตอนนั้นเดิมเป็นหมอในยุทธภพ ต่อมาได้อยู่รักษาที่จี้ซื่อถาง ที่จริงมีคนอยู่จำนวนไม่น้อยที่รู้ว่าจริงๆแล้วนางเป็นพระชายาอ๋องจิ้ง ตอนนี้แม้แต่ชื่อที่ใช้ในตอนนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยน แสดงว่าเป็นที่ยอมรับแล้ว
หากเป็นเช่นนั้น หมอเทพที่อยู่ในวังคนนั้นล่ะเป็นใคร
และพระชายาอ๋องจิ้งในตอนนั้นใช่องค์หญิงแคว้นเอ่อตานหรือเปล่า ยิ่งไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไรแล้ว
ตอนนี้อาศัยช่วงที่จวนฉี มีคนอยู่มากมายแล้วให้กู้ซวงมาปรากฏตัว เพื่อทำให้ทุกคนสับสน
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ ในตอนนี้ซ่านต้วนโฉง ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของกู้ซวงออกมา ถือว่าเป็นการยอมรับโดยปริยาย ขอเพียงแค่คนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้น ก็ถูกทำให้สับสนไปในชั่วคราว
แต่ยังไงก็ยังมีคนรู้สึกแปลกใจ และตอนนี้ก็มีคนสั่งผู้ติดตามเอาของขวัญมาส่ง กู้ซวงทำเป็นตรวจสอบ ความจริงแล้วคือให้เห้อจิ้นหลางดูอยู่ด้านข้าง เมื่อนิ้วมือวางอยู่บนแก้วเรืองแสงนั้น กู้ซวงขมวดคิ้วก่อนที่เห้อจิ้นหล่างจะพูดขึ้นว่า “ทหาร จับตัวมันไว้”
พวกใต้เท้าที่ตั้งใจมาส่งของขวัญต่างก็อึ้ง แล้วก็เห็นผู้ติดตามคนนั้น ไม่รู้ว่าล้วงเอามีดสั้นเล่มหนึ่งออกมาจากไหนแล้วก็กระโจนไปข้างหน้า ใบมีดเยือกเย็นแวววาวทิ้งร่องรอยไว้ในอากาศ ทุกคนต่างก็ตื่นตระหนก
“แคร่ก…”
กู้ซวงรู้สึกตาลาย จากนั้นก็เห็นผู้ติดตามคนนั้นคุกเข่าลงกับพื้นแล้วก็ร้องครวญคราง
ซ่านจินจื๋อรับมือได้อย่างสง่าผ่าเผย ยืนอยู่ตรงหน้ากู้ซวง มองดูผู้ติดตามคนนั้นที่กุมข้อมือตัวเองแล้วก็ร้องโอดโอยไม่หยุด แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “ เอาแก้วเรืองแสงนี้ไปทุบเสียแล้วโยนออกไป แล้วไปจับตัวคนที่ส่งของสิ่งนี้มาให้ข้า”
กู้ซวงลูบจับดูคอตัวเอง
หากซ่านจินจื๋อไม่มา เกรงว่านางคงต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แล้ว
และผู้ชายที่เมื่อวานยังพูดจาข่มขู่ ตอนนี้กลับหันกลับมา ก้มลองพูดกับนางว่า “ แสดงได้เพียงพอแล้ว สถานที่นี้อันตราย”
ในสายตาคนอื่น กลับเห็นว่าซ่านจินจื๋อแสดงความรักความห่วงใยต่อนาง และกู้ซวงก็รู้แล้วว่าความอิสระที่นางได้ออกมาหมดสิ้นแล้ว ลุกขึ้นฉีกยิ้ม แล้วก็จากไปพร้อมกับเห้อจิ้นหล่าง
และทุกคนก็มองทุกอย่างนี้ไว้ในตา อีกฝั่งก็มีคนแปลกใจว่ามีใครกล้าเอาสิ่งของมีพิษนี้มา ส่วนอีกฝั่งกลับเห็นว่าอ๋องจิ้งกับแม่นางเอ่อร์ชิงใกล้ชิดสนิทกันขนาดนี้ งั้นเรื่องระหว่างอ๋องจิ้งกับท่านหมอเทพ เป็นความจริงหรือเท็จล่ะ?
ทุกคนไม่มีใครรู้ จุดประสงค์ของซ่านจินจื๋อบรรลุแล้ว จึงทำเป็นจากไปพร้อมกับกู้ซวง
กู้ซวงออกไปทางประตูเล็กพร้อมกับเห้อจิ้นหล่างด้วยท่าทีโศกเศร้า แล้วก็ได้ยินเห้อจิ้นหล่างถามว่า “เมื่อกี้ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าแก้วใบนั้นมีปัญหา?”
“สีไม่ถูก” กู้ซวงให้ความเคารพคนแก่ท่านนี้ พูดขึ้นด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “ แก้วเรืองแสงไม่เหมือนกับแก้วอย่างอื่น หากอาบพิษที่ไม่มีรถไม่มีสีบนนั้นจะทำให้สียิ่งดูเข้ม”
“เจ้าก็รู้วิชาทางการแพทย์หรือ?” สายตาเห้อจิ้นหล่างเป็นประกายขึ้นมา
“พอรู้บ้าง ยังไงกู้อ้าวเวยก็เป็นลูกหลานของตระกูลหยุน ข้าก็ควรเรียนรู้บ้าง” กู้ซวงถอนหายใจอย่างหนักหนึ่งครั้ง
เห้อจิ้นหล่างหยุดฝีเท้าแล้วมองดูส่งนางขึ้นรถม้า รอเมื่อรถมาค่อยๆจากไปแล้ว เขาค่อยหันกลับมาพูดกับซ่านจินจื๋อที่อยู่ด้านหลังว่า “ นี่ก็เป็นเด็กดีคนหนึ่ง”
“ งั้นก็ต้องขอรบกวนผู้อาวุโสช่วยดูแลให้ดี” ซ่านจินจื๋อเอาตั๋วเงินหลายใบวางในมือของเขาแล้วพูดว่า “นางเกิดมาภายใต้แผนการ เติบโตมากับแผนกลชั่วร้าย เป็นทุกข์มาตลอดทั้งชีวิต ไม่มีใครช่วยให้รอดพ้นได้”
เห้อจิ้นหล่างอึ้งไปชั่วครู่ แล้วก็เก็บรับเอาตั๋วเงินพวกนั้นไว้
ซ่านจินจื๋อก็ยกมือคำนับเขา แล้วก็พลิกตัวขึ้นขี่ม้าไปจากจวนฉี
มองดูแผ่นหลังของท่านออ๋องจิ้ง แล้วก็ไม่รู้ว่าท่านอ๋องคนที่หยิ่งผยอง โหดเหี้ยมรุนแรงในตอนนั้นคนนั้นไปไหนแล้ว
เสียงร่ำลือกันในเมืองเทียนเหยียนดังไปทั่วทิศ ผู้คนมากมายต่างก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนไหนกันแน่ที่เป็นตัวจริงตัวปลอม
ส่วนกู้อ้าวเวยที่อยู่ในวังก็ได้ยินข่าวนี้ ใจหนึ่งก็โกรธที่ซ่านจินจื๋อไม่ยินดีกับเรื่องที่หยินเซี่ยวคลอดลูกแฝด อีกใจหนึ่งก็รู้ถึงความตั้งใจของเขา
ตอนนี้ปวดหัวมากเพราะจากการเมาค้าง นางจึงทำได้เพียงนั่งเอามือเท้าคางอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟย มองดูฉูห้าวที่มาจากแคว้นเอ่อตานแสนไกลแล้วยังต้องตอบจดหมายกลับไป อ้าปากหาวอยู่อยากเกียจคร้าน แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมเสด็จพ่อจะต้องเข้มงวดกับน้องชายขนาดนี้ อายุเพียงแค่ยี่สิบเอง กลับต้องใช้ชีวิตอย่างเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้
ในขณะที่นางกำลังคิดอยู่ว่าจะหาวิธีหยอกล้อน้องชายคนนี้ยังไง นางกำนัลด้านนอกประตูก็เข้ามาเรียนว่า “คุณหนูใหญ่ตงฟางมา บอกว่าอยากพบท่านหมอเทพ”
“เช่นนั้น เจอกันตรงโต๊ะหินอ่อนหน้าเรือแล้วกัน” กู้อ้าวเวยชูมือให้เงียบ พูดขึ้นด้วยเสียงเบาแล้วก็ออกไปกับนางกำนัลคนนั้น
ไม่ไปรบกวนฉูห้าว
เมื่อมาถึงด้านหน้าประตูเรือน กู้อ้าวเวยค่อยคิดถึงคำพูดประชดประชันในคืนฝนตกนั้น
สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา แววตาก็ฉายแววเยือกเย็น กู้อ้าวเวยนั่งลงอย่างสง่า ยกมือให้ทุกคนถอยออกไป มองดูดวงตาหมองคล้ำของตงฟางซวนเอ๋อ ใบหน้าแต่งอย่างบางเบา มีเพียงรอบดวงตาที่แดงไร้เลือดฝาด
“ เจ้าเป็นใครกันแน่?” ตงฟางซวนเอ๋อถามขึ้นด้วยเสียงต่ำ
“ข้าก็คือกู้อ้าวเวย ทำไมคุณหนูใหญ่ตงฟางถึงถามเช่นนี้?”
กู้อ้าวเวยยิ้มไม่พูดอะไร ไร้ซึ่งความเย็นชา กลับยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนดั่งดอกไม้บาน ดวงตาอ่อนโยนละมุน มุมปากหยักอมยิ้ม
“เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าคือกู้อ้าวเวย เจ้าคือคนร้ายที่ฆ่าเสด็จป้าของข้าคนนั้น” สีหน้าตงฟางซวนเอ๋อเปลี่ยนไป กระโจนเข้ามาข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
กู้อ้าวเวยกำผงยาในแขนเสื้อไว้แน่น แล้วก็มองเห็นเงาร่างหนึ่งสั่นไหว แล้วก็มีน้ำสีแดงอุ่นๆไหลลงเปื้อนบนหน้า
เมื่อลืมตาขึ้น กู้อ้าวเวยก็ลุกขึ้นยังตื่นตระหนก แล้วก็ได้ยินคนคนนั้นถามขึ้นว่า “บาดเจ็บไหม?”