บทที่ 1045 คล้ายกับชะตารัก
เจ็บมาก
กับแค่ถูกโยนกลับไปที่เตียงใหม่ก็เจ็บมากแล้ว
ก่อนที่สติจะหายไป ความทรงจำที่ผ่านเข้ามาในสมองกู้อ้าวเวยยังคงวุ่นวายเหมือนเดิม
แยกไม่ออกว่าความทรงจำพวกนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าชุดแต่งงานสีแดงนั้นจะกลายเป็นสีเลือดได้ยังไง ใบหน้าของปัญญาชนกับซ่านจินจื๋อปรากฏขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าอื่นกลับหมุนไปมา จนกระทั่งนางเสียความทรงจำไปทั้งหมด
ก่อนที่จะเจ็บปวด นางเหมือนกลับไปในจวนเฉิงเสี้ยงในลานเล็กๆที่ตัวเองเคยอาศัยอยู่
ยู่จุนกำลังจับที่บดหมึกที่พ่อนางมอบให้มองดูอย่างละเอียด เหมือนว่าจะนำที่บดหมึกนั้นไปขายแลกเงินอย่างนั้น แต่นางแค่แกว่งขานั่งอยู่บนโต๊ะข้างหน้าต่าง แกว่งขาเหมือนเด็กที่ไร้มารยาท กระดาษที่เคยเขียนแล้วถูกขย้ำทิ้งเต็มโต๊ะ
ใบไม้สีแดงที่ร่วงหล่นเต็มถนนเล็กนอกหน้าต่าง กลับมีแค่เสียงลมพัดมาเบาๆ
“เจ้าว่าตระกูลยู่มีคำสาปอะไร ทำไมถึงบอกข้าไม่ได้? หรือข้าไม่ใช่คนตระกูลเดียวกับเจ้าเหรอ?” ในตอนนั้นกู้อ้าวเวยโยนกระดาษไปด้วยความโมโหและพูดไปด้วย แต่กลับพลิกอยู่บนอากาศจากนั้นก็ตกลงพื้น
ยู่จุนยังคงจับที่บดหมึกไว้ไม่ยอมปล่อย แต่แค่ทำท่ามือเงียบ: “ยังไงเจ้าก็ต้องตาย ข้าจะบอกเจ้าว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ได้ เดี๋ยวคนที่รับตัวเจ้าไปได้ยินเข้า จะไม่ได้การ”
“เช่นนี้ก็ช่างเถอะ เจ้าลองพูดสิ ต่อไปร่างกายของข้าจะตายหรือไม่?”
“ขอแค่เจ้าฟังคำข้าดีๆ ข้ารับรองว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่ถึงร้อยปี” ยู่จุนขยี้หัวนางเล่นเบาๆ สายตานั้นกลับเหมือนมองกู้อ้าวเวยที่อยู่ในความฝัน และยิ้มให้นางเบาๆ: “ของที่ขโมยมา สักวันยังไงก็ต้องคืน”
ความเจ็บปวดทำให้นางตื่นจากความทรงจำนั้น
กู้อ้าวเวยลืมตาขึ้น ทั้งตัวเหมือนถูกตักขึ้นมาจากน้ำ เสื้อผ้าเหนี่ยวติดตัวไม่สบายตัวอย่างมาก และนางแค่ยกตัวขึ้นกุมอกไว้แน่น ความขมของยาที่อยู่ในปากยังไม่หายไป
“เจ้าตื่นแล้วเหรอ?” เมี่ยวหารวางถ้วยช้อนลงตรงเก้าอี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เขาตกใจกับท่าทีกู้อ้าวเวย แต่ก็ยังแสดงออกอย่างเรียบเฉย: “ผงยาพวกนั้นไม่ค่อยพอเท่าไหร่”
กู้อ้าวเวยได้สติว่าเขาหมายถึงผงยาพวกนั้น ก็ยิ้มและพูดว่า: “เจ้าจะเอาสูตรยางั้นเหรอ?”
“ไม่งั้นล่ะ เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?” เมี่ยวหารถาม
“ขนาดชีวิตข้า เจ้ายังรักษาไว้ไม่ได้ พวกเจ้าจะใช้ประโยชน์จากข้าได้ยังไงกัน”
กู้อ้าวเวยนอนลงไปช้าๆ แต่ภาพในความฝันนั้นเหมือนจะยังไม่หายไป ยังคงอยู่ในสมองวุ่นวายมาก
เมี่ยวหารยังอยากจะถามต่อ แต่ประตูหินนั่นกลับเปิดก่อน คนด้านหลังทำมือให้เมี่ยวหารออกไป เมี่ยวหารแม้จะไม่พอใจ แต่ก็ออกไปแต่โดยดี
กู้อ้าวเวยไม่หันกลับไปมองเลยแม้ประตูนั้นจะปิดลงแล้วก็ตาม
นางไม่จำเป็นต้องรู้ว่าคนที่นี่คือใคร แต่ต้องพยายามนึกความทรงจำตอนที่เป็นเพื่อนกับยู่จุนให้ได้ ตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก
ยู่จุนเคยสัญญาอะไรไว้กับกู้อ้าวเวยตอนนั้น แต่ความทรงจำนั้นยังไงก็ไม่ใช่ของตัวเอง
ผ่านไปสักพัก นางหลับลงไป มองรางๆยังเห็นคนยืนอยู่ข้างเตียง หยิบถ้วยยาที่ยังเหลือครึ่งหนึ่งเอาออกไป และปิดประตูหินลง
ยังได้ยินเสียงล้อจากรถเข็น
และซูพ่านเอ๋อก็เข้ามาเฝ้าแทนคนอื่น มองดูคนที่นอนหลับลึกบนเตียง ซูพ่านเอ๋อแค่ถอนหายใจเบาๆ
ตอนนั้น กู้อ้าวเวยเก็บชีวิตนางไว้ แม้ไม่รู้ว่าทำไม แต่ตอนที่ออกไป มีแต่กู้อ้าวเวยที่ทำให้นางรู้สึกสบายใจ หรือเป็นเพราะถูกคนย่ำยีบนเขา หรือเกือบจะถูกคนฆ่า ตลอดทาง กู้อ้าวเวยแม้จะพูดด้วยน้ำเสียและคำพูดเย็นชา แต่ก็ปกป้องนางมาตลอด
“ดังนั้นข้าจึงเลือดแก้แค้นซ่านจินจื๋อ เจ้าก็แค่เป็นคนน่าสงสารเหมือนข้าเท่านั้น”
นางพูดพึมพำข้างเตียง รู้ว่าตอนนี้กู้อ้าวเวยไม่ตื่นแน่นอน แค่ดึงเส้นผมนางมาจีบเล่น และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ซ่านจินจื๋อเป็นผู้ชายที่ไม่จริงใจ เจ้าก็ไม่ใช่คนฉลาดอะไร เป็นคนโง่ที่ไม่บันยะบันยัง”
ทั้งที่ซ่านจินจื๋อคิดจะหลอกใช้เจ้า ถึงทำดีกับเจ้า
ความรักสองคำนี้ เหมือนดั่งคำสาป
แต่ไม่รู้ว่า คนที่หลับนั้นได้ยินทุกคำพูดอย่างชัดเจน
คำสาปสองคำนี้ คงไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีสาเหตุ
……
“จักรพรรดิที่สามขึ้นครองราชย์ได้สามวัน หญิงสาวตระกูลหยุนก็กระโดดลงน้ำ หายไปตลอดกาล”
“จักรพรรดิที่เจ็ดครองราชย์ได้ไม่เกินสองปี ตายอยู่ในตำหนักอย่างไม่มีความสุข ในตำหนักมีรูปภาพสองรูป คือหญิงสาวตระกูลหยุน”
นับอย่างละเอียดดูแล้ว ขนาดตอนนั้นในด่านลั่วสุ่ยประวัติของสองคนที่ตาย ก็เคยมีคนบอกไว้ว่าหญิงผู้นั้นเป็นสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ส่งผลร้ายต่อประเทศ ต่อมาฮ่องเต้หรุงหม่าออกรบเพื่อเหตุนี้ สุดท้ายก็ไม่มีคนพบศพสองคนนี้ ต่อมาอีกลูกชายคนที่สองของเขาขึ้นครองราชย์ แค่แปดปีก็ตายไปเพราะป่วยหนัก
ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ตระกูลซ่านที่มีอายุถึงหกสิบเจ็ดสิบก็มีไม่มาก และคนที่ลำบากเรื่องความรัก ส่วนมากก็เกี่ยวข้องกับตระกูลหยุน
ด้านบนเป็นจักรพรรดิขึ้นครองราชย์ ด้านล่างมีองค์ชายมากมาย
ถ้าอยากรู้ล้วงลึกความลับให้แน่ชัด คงต้องไปค้นหาตำราโบราณในวังแล้ว
ดูผลลัพธ์จะทำให้รู้สึกแปลกๆ แต่ถ้ารวมกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อก่อน การตายของราชวงศ์ตระกูลซ่านเหมือนจะเป็นสาเหตุที่เหมาะสม
เพราะยังไงตระกูลซ่านกับตระกูลหยุนมีพันธสัญญาการแต่งงานกันมานาน ตกระกำลำบากอยู่ในความรักก็เป็นเรื่องปกติ
“ไม่พูดเรื่องภูตปีศาจ นางบอกแค่ว่าความรักสองคำคือคำสาป เกี่ยวอะไรกับตระกูลซ่าน?”
กุ่ยเม่ยไม่ถนัดเรื่องค้นหาหนังสือโบราณพวกนี้ แต่เห็นเฉิงซานที่จดบันทึกอย่างละเอียด ก็รู้สึกไม่เข้าใจมากขึ้น
ถ้าบอกว่าตระกูลซ่านทำผิดต่อตระกูลหยุน ทำไมตอนนี้ถึงจับตัวกู้อ้าวเวยที่เป็นคนตระกูลหยุนกลับไป
ในเมื่อเปิดประตูเมืองได้โดยตรง ทำไมถึงไม่ปกป้ององค์ชายหกหรือองค์ชายเก้าไว้ ต่อไปขอแค่เปิดประตูเมือง ใช้กำลังทหารและการข่มขู่จากองค์ชายสองคน การชิงตำแหน่งมาก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว
ไม่ต้องฆ่าฮองเฮา และยังสามารถฆ่าฮ่องเต้ได้ทันที เช่นนี้ก็เหมือนทำดีตอนนี้ได้ดีตลอดไป
แต่ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน?
“ถ้าอยากรู้คำตอบ ยังมีอีกวิธีหนึ่ง”
ซ่านจินจื๋อเงยหน้าขึ้นจากหนังสือหลายชั้น: “ในวันแต่งงาน ข้าจะพากู้ซวงไป”
“พวกเขาเข้าวังไป ก็ต้องรู้ว่ากู้ซวงคือตัวปลอม” กุ่ยเม่ยขมวดคิ้ว
“แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเวยเอ๋อเสียความทรงจำ และเรื่องรายละเอียด กู้ซวงกลับรู้” ซ่านจินจื๋อสะบัดแขนเสื้อออกไป ดูแล้วคงจะสบายกับสถานการณ์ของกู้อ้าวเวยตอนนี้มากขึ้น
กุ่ยเม่ยเบิกตาโต เข้าใจทุกอย่างขึ้นมา
เป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะแยกได้ยังไงว่าใครคือกู้อ้าวเวยตัวจริง?