บทที่ 1047 ไม่ต้องพึ่งพาข้าก็ได้
ยังเดินไม่ถึงสวนดอกไม้ ก็เจอกับสนมสองคนในวัง
กู้ซวงเดินอย่างรีบเร่งแต่ก็ไม่รีบร้อน เดินตามเฉิงซานเดินเข้ามาถึงสวนดอกไม้ ตลอดทางก็เจอหวางกงกงขวางทางไว้ มองดวงตาลูกท้อของกู้ซวงอย่างละเอียด และพูดว่า: “อ๋องจิ้งเรียกท่านเฉิงซานเข้าไป แต่ไม่ได้เรียกท่านนี้……”
เฉิงซานมองไปที่กู้ซวง นางกำมือแน่นภายใต้แขนเสื้อยาวที่บดบังมือนางไว้ และทำท่าสงบนิ่ง
“เจ้าไปเถอะ ข้าไปดู……ทางนั้นก่อน”
เสียงพูดเบามาก แต่หวางกงกงกลับได้ยินฉูห้าวสองคำนี้ ในวังไม่มีใครกล้าเอ่ยพระนามรัชทายาทเอ่อตานเลย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจแม้จะสงสัย แต่กลับโน้มตัวลงอย่างระวัง
ขนาดเขาที่เป็นคนใกล้ชิดฮ่องเต้ตอนนี้ยังต้องสงสัยเลย
ถ้าคนตรงหน้าเป็นตัวปลอม ทำไมถึงเดินในวังอย่างระมัดระวังล่ะ และซ่อนสองคำนี้ไว้อย่างระวังอีก
เฉิงซานเหมือนจะสังเกตเห็นสีหน้าของหางกงกง จึงยกมือขึ้นสองข้าง พูดเสียงเบาว่า: “หวางกงกงน่าจะรู้ว่า อะไรควรดู อะไรไม่ควรดู”
“ท่านเฉิงซานพูดถูกขอรับ เดินตามข้าน้อยมาเลย”
ในใจรู้ดี แต่ก็ยังมีความตกใจเล็กน้อย หวางกงกงก่อนหน้านี้เพื่อท่านหมอเทพหรือก็คือองค์หญิงเอ่อตาน หรือพระชายาอ๋องจิ้งก่อนหน้านี้อีก แต่ตอนนี้เห็นดวงตาธรรมดาของคนตรงหน้า บวกกับเสียงและสายตาที่ตักเตือนของเฉิงซาน น่าสงสัยจริงๆ
กู้ซวงแค่โน้มตัวลงให้หวางกงกงเล็กน้อย ก็เดินตรงดิ่งไปทางตำหนักของฉูห้าวทันที
งานแต่งใกล้เข้ามาแล้ว รัชทายาทเอ่อตานท่านนี้อยู่ในวังได้ไม่นาน
แต่แค่ไม่มีใครเป็นเหงื่อเพราะการปรากฏตัวของนางเลย จึงรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย
ถ้าเป็นเมื่อก่อน แม้นางจะไม่ยินดีที่ไปเป็นตัวแทนของกู้อ้าวเวย แต่จนมาถึงวันนี้ ถึงตอนที่นางยอมเป็นตัวแทนของอ๋องจิ้ง ก็เป็นอีกความคิดหนึ่งแล้ว กลับกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี
ตอนนี้คิดแล้วก็เดินเร็วมากขึ้น
“เจ้าลืมชื่อตัวเองไปแล้วงั้นเหรอ?”
ได้ยินเสียงใสงดงามของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลัง
กู้ซวงหน้าตาเคร่งครึ้มหยุดเดิน จ้องมองไปทางนั้น
เห็นเพียงตงฟางซวนเอ๋อสั่งคนให้มาขวางทางเล็กนี้เรียบร้อยแล้ว และนางสวมชุดสีม่วงยืนอยู่ตรงหน้า สายตายังคงความสง่าและมั่นใจไว้ ไม่เคยมองนางในสายตาเลยสักครั้ง
กำมือแน่นภายใต้แขนเสื้อยาว กำแน่นจนฝ่ามือเป็นรอยนิ้ว
ดึงผ้าคลุมลงมาเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นมาจากเสื้อหนาๆนั้น ยิ้มเล็กน้อยพูดว่า: “ชื่อของข้า คงไม่ต้องบอกกับคุณหนูตงฟางทั้งหมดหรอก”
“งั้นเหรอ?” ตงฟางซวนเอ๋อเดินขึ้นไป เงยหน้าขึ้นมาอย่างมั่นใจ: “ไม่เจอกันนาน เจ้าก็บังอาจใช้ใบหน้านี้ไปล่อลวงอ๋องจิ้ง ให้เขามาเป็นที่พึ่งของเจ้า”
อ๋องจิ้งไม่เคยเป็นที่พึ่งของข้าเลย
ถ้าเป็นที่พึ่งได้ ก็คงไม่หลอกใช้ซ้ำซ้อนหลายครั้งแบบนี้หรอก
แต่กู้ซวงกลับทนความเจ็บปวดในใจไม่ได้ พูดเสียงเย็นชาว่า: “ข้ายังต้องการซ่านจินจื๋อมาเป็นที่พึ่งข้างั้นเหรอ?”
นางขยับเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เหมือนกับที่หยินซี่งพูด ทำให้คนรู้สึกอึดอัดใจ เพียงแค่เปลี่ยนการระบายเป็นอย่างอื่น ใบหน้ามีรอยยิ้มเดินไปตรงหน้าตงฟางซวนเอ๋อ หางตาที่แต้มสีแดงมีความเกลียดชังเล็กน้อย: “เจ้าคิดว่าข้าต้องการเหมือนเจ้า ใช้หน้าตา ตระกูล บวกกับใช้ความน่าสงสารไปพึ่งพาซ่านจินจื๋องั้นเหรอ?”
คนตรงหน้าไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว
นางไม่เคยมีชื่อนามสกุลเลย ขนาดข้ารับใช้ที่รู้ความจริงยังเรียกนางด้วยน้ำเสียงประชดประชัน: “คุณหนูกู้”
เสียงแปลกๆ สีหน้ามีความดูถูกเล็กน้อย และยังให้นางเหมือนกู้อ้าวเวยตัวจริงที่ผอมอย่างดูดีอีก ที่เหลือส่วนใหญ่คงเป็นคนอื่นที่สงสารนาง และยังบังคับให้นางกินข้าวน้อยๆเหมือนกู้อ้าวเวย พอป่วยก็ไม่เคยจะสนใจ
และคนตรงหน้าที่พูดไม่หยุด ทั้งสองใบหน้าแทบจะแนบกันอยู่แล้ว แต่สายตากลับมีความเกรงกลัว อีกสายตากลับระบายแบบได้คืบเอาศอก เสียงนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
“ขอเชิญคุณหนูตงฟางเปิดทางให้ด้วย อย่าเป็นหมาที่คุมพื้นที่หน่อยเลย”
กู้ซวงเสียงเบามาก ดวงตาแฝงด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
คนตรงหน้า เป็นใครกันแน่?
ตงฟางซวนเอ๋อแม้จะสงสัย แต่ใบหน้ากลับไปแบบไม่เสียภาพพจน์: “หรือเจ้าไม่ยอมภักดีต่อตระกูลตงฟางงั้นเหรอ?”
“ก็แค่ตระกูลตงฟาง เกี่ยวอะไรกับข้า?”
กู้ซวงเดินผ่านนางไป
กู้อ้าวเวยเป็นหนึ่งในลูกหลานจองฮ่องเต้เอ่อตาน ถ้าฉูห้าวไม่แย่งตำแหน่งจักรพรรดิกับนาง กู้อ้าวเวยคงได้เป็นราชินีไปแล้ว
ตำแหน่งสูงศักดิ์ นอกจากตระกูลตงฟางจะขึ้นปกครองเป็นราชาแทนราชวงศ์ตระกูลซ่านแล้ว ไม่เช่นนั้นไม่มีทางได้เข้าใกล้เป็นแน่
ไม่อยู่นาน กู้ซวงดึงผ้าคลุมมาคลุมหัวไว้ตามเดิมและรีบเดินไปหาฉูห้าว ตงฟางซวนเอ๋อยังเดินตามมาไม่หยุด แต่พอจะเข้าใกล้ก็เห็นซ่านจินจื๋อเดินออกมาจากทางเลี้ยว และอ้อมนางเข้าไปในอ้อมกอด นางก็ยิ้มเล็กน้อย
“มีคนนะ” กู้ซวงแก้ทำเป็นไอแก้เขิน และมองขวางซ่านจินจื๋อไปหนึ่งที
อ๋องจิ้งก็รักษาระยะห่าง เดินออกเล็กน้อย แค่แสร้งทำท่าทีเท่านั้น
ได้ยินสองคนนี้ ซ่านจินจื๋อก็ออกห่างหน่อย แต่ยังตามติดข้างกู้ซวงอยู่ เดินไปหาฉูห้าวพร้อมนาง ไม่ได้หลอกน้องชายของเวยเอ๋อเลย คงต้องอธิบายดีๆ วันข้างหน้าจะได้ไม่เข้าใจผิดกัน
ตงฟางซวนเอ๋อเห็นแล้วก็ออกไปอย่างเงียบๆ
กู้ซวงเห็นซ่านจินจื๋อหุบยิ้มแล้ว ก็รู้สึกสงสัย: “ตอนนี้นางหายตัวไป แล้วทำไมต้องให้คนรู้เรื่องนี้อย่างระมัดระวังด้วย”
“เวยเอ๋อพูดตลอดว่า ใช้คนไม่สงสัย สงสัยคนก็ไม่ใช้ ถ้าไม่พูดให้ชัดเจน วันข้างหน้าจะเป็นปัญหาได้”
พูดถึงกู้อ้าวเวย ซ่านจินจื๋อยิ้มเล็กน้อยด้วยความขมขื่น
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยพูดอะไรชัดเจนเลย ความเข้าใจผิดนั้นก็ยิ่งแก้ไขไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ว่าในโลกไม่มีคนเคียงบ่าเคียงไหล่อีกแล้ว ชะตาพวกเขาสองคนคงจะขาดกันแล้ว ตอนนี้ย้อนไปมาก็มีเรื่องมากมายทำให้ต้องรบกวนกัน และรักษาความสัมพันธ์ทั้งสองอย่างระมัดระวัง แม้ต่อไปจะตายจากไป ก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก
กู้อ้าวเวยเหมือนไม่ค่อยรักครอบครัว แต่ก็ยังรักและคิดถึงชิงจือและอี้จื๋ออยู่ตลอด กล่องเล็กภายในห้องมีไม้สลักที่ยังไม่เสร็จอยู่เต็มไปหมด เหมือนจำพ่อแม่ไม่ได้ แต่ยังดูแลฉูห้าวอย่างระมัดระวัง คิดว่าเขาคงจะเป็นเด็กชายตัวเล็ก ไม่ควรมีอายุเท่านี้
และเขาก็แค่รักษาหน้าที่ เผชิญหน้ากับชาติเกิดและความรับผิดชอบ
น้อยคนที่จะเห็นสีหน้าที่คิดอะไรเพลินๆของอ๋องจิ้ง เคลิ้มไปกับความทรงจำ กู้ซวงอึ้งเล็กน้อย และหัวเราะออกมา: “ได้เป็นคู่กับท่านอ๋อง คงเป็นงานที่เหนื่อยที่สุดในโลกนี้แล้ว”
“ข้าไม่ใช่สามีที่ดีจริงๆ” ซ่านจินจื๋อพูดอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่หรอก” กู้ซวงจ้องมองเขา ครั้งแรกที่รู้สึกว่าอ๋องจิ้งเหมือนคนโง่มากเลย: “ในโลกไม่ว่าชายหญิง ก็อยากจะมีที่พึ่งทั้งนั้น ขนาดท่านอ๋องยังคิดถึงนาง พึ่งพานาง ทำไมถึงไม่คิดว่านางก็อยากจะพึ่งพาท่าน?”
“นาง……”
อยากจะพึ่งพาข้าเมื่อไหร่กัน?