บทที่ 1052 การหักหลังทรยศ ชดใช้ทั้งแคว้น
“หลงเหลือเพียงคนในตระกูล ในวันแต่งงานยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษตระกูลซ่านกับสตรีตระกูลหยุน มีคนปรุงยาพิษ ปิดตายประตูเมืองทั้งห้า เกวียนยาพิษร้อยคันรถเทลงบ่อน้ำลำธาร ประชาชนผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นนอนแผ่บนพื้น เห็นเพียงแต่เพลิงฟ้าร่วงหล่นลงมา ทั้งสรรพางค์กายร้อนลวก”
“นั่นเป็นแค่พืชพิษหลอนประสาทในทะเลทรายที่ชื่อว่าโหวเซ่อ”
“หลังจากนั้นสามปี ประตูเมืองเปิดกว้าง ซากศพทั้งหมดต่างถูกแล่เนื้อเถือหนังตายทั้งเป็นด้วยตัวเอง”
ไทเฮาค่อยๆ วางจอกชาในมือลง ปลายนิ้วไล้ผ่านตัวจอกเนิบช้า นัยน์ตาเจือความขุ่นเคืองที่สิ้นสุด “ไม่เพียงเท่านี้ พิษเหล่านี้ไหลผ่านแม่น้ำ ถูกสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร คิดว่าแคว้นชางหลานในปีนั้นยังเป็นดินแดนแห่งสามแคว้นในปัจจุบัน แต่เพราะผู้ที่มีตำแหน่งสูงต่างล้มตายกันหมด ไร้คนปกป้องประชาชน สัตว์ป่าเริ่มคลุ้มคลั่งเกรี้ยวกราด ในเลือดเจือพิษ ความรุ่งโรจน์ทั้งหมดกลับถดถอยนับไม่ถ้วน จนกระทั่งหญิงสาวตระกูลหยุนที่อาศัยในหมู่บ้านชาวประมงเขาหยินซานคนนั้นปรากฏตัวขึ้น ชางหลานถึงได้กลับสู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง”
นัยน์ตาอันเปี่ยมด้วยความแปรปรวนคู่นั้นยามนี้มองไม่เห็นสภาพอารมณ์ที่มากกว่านี้แล้ว
นางเก็บงำความลับนี้มานานเกินไปแล้ว “เดิมทีข้าแค่อยากให้พวกเจ้าสองพี่น้องหลอกใช้ประโยชน์พวกนาง ล้อมกรอบพวกนาง แต่จนถึงตอนนี้พวกเจ้าก็ไม่รู้ว่าสตรีทั้งตระกูลพวกนางน่ากลัวเพียงใดกันอีก”
“การหักหลังทรยศ พวกนางต้องการให้ชดใช้ทั้งแคว้น”
บนแผ่นหนังแผ่นสุดท้ายนั้น มีเพียงซากศพสัตว์ป่าและโครงกระดูกนับจำนวนไม่ถ้วนกองพะเนินเทินทึกจากยอดเขาสูงชันเรื่อยมาจนถึงริมฝั่งแม่น้ำ นกกาเต็มฟ้า แต่เมืองที่อยู่ไกลออกไปแห่งนั้นกลับยังคงรุ่งโรจน์เช่นเคย มีเพียงซากศพกองพะเนินข้างประตู แต่เกรงว่าในเมืองแห่งนั้นคงปราศจากคนเป็นตั้งนานแล้ว
ซ่านจินจื๋อก็เคยอยู่ในสมรภูมิรบมาเนิ่นนาน และเคยเห็นเนินเขาซึ่งสร้างมาจากกองศพ
ทว่ายามนี้ มือสองข้างต่างเริ่มสั่นระริกเล็กน้อย
“นี่ไม่ได้เกี่ยวอันใดกับเรื่องในนี้ เวยเอ๋อนางไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ…”
“คนที่ไม่รู้…คือพวกเราต่างหาก”
ไทเฮาเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเรื่องมาถึงป่านนี้แล้ว ลูกชายของตนยังกล้าเอ่ยปากแก้ตัวแทนสตรีตระกูลหยุนอยู่อีก!
จากนั้นจึงตบโต๊ะลุกพรวดขึ้น “หลายปีมานี้ ราชวงศ์ตระกูลซ่านล้วนขังตระกูลหยุนอยู่ในหลิ่งหนาน ขับไล่ตระกูลยู่ไปตามยถากรรมที่เจียงเยี่ยน และหลายปีมานี้ เจ้ากับกู้อ้าวเวยถึงกับเปิดโปงปริศนาแห่งยาอายุวัฒนะทุกอย่าง แดนสุขาที่เสาะพาพบทั้งหมด ก็คือห้าเมืองมรณะในปีนั้น! เจ้าถึงขนาดยังบอกว่านางไม่รู้อะไรอยู่อีกเชียว!”
เรื่องราวเริ่มอยู่เหนือการควบคุมมากขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งตอนที่ซ่านจินจื๋อออกจากเรือนเสด็จแม่ สภาพจิตใจยังไม่ทันสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์
สายตระกูลพี่น้องตระกูลจูเดิมทีก็เป็นสาขาย่อยของตระกูลหยุน ปีนั้นตั้งชื่อว่าโหวเซ่อ เหมือนกับชื่อพิษที่วางพิษทั้งหมดในเพลิงฟ้าหายนะใหญ่หลวงไม่มีผิด อุปมาอุปไมยถึงสิ่งของที่เป็นภาพลวงตา เช่นเดียวกับการเห็นเพลิงฟ้าหลังได้รับพิษนั้นจนฆ่าตัวตาย ทั้งยังเหมือนภาพมายาโหวเซ่อที่ทะเลทราย เสาะหาภาพมายาและตายกลางทะเลทราย
ตระกูลหยุนมียอดฝีมือวรยุทธสูง ผู้อาวุโสหมอเทวดาเทียนหมาง และยังมียอดฝีมือวิทยายุทธ์ชั้นเลิศอย่างพี่น้องตระกูลจู
นอกจากนี้ยู่จือมีรูปลักษณ์แปลกประหลาด แค่กลับสันทัดเรื่องยาพิษนอนแมลง ซ้ำยังมองเห็นสถานการณ์ชัดเจนและล่าถอยได้เต็มตัวอีกด้วย
หลายสิ่งหลายอย่างทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว
เพียงแต่เวลานี้เขาบังเอิญพบกู้ซวงที่กลับมาจากตำหนักอ๋องจงผิง เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่เหมือนกับกู้อ้าวเวยจนแยกไม่ออก หัวใจของซ่านจินจื๋อกลับพลอยอ่อนยวบลงมา ก่อนก้าวไปต้อนรับข้างหน้า
“วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” สายตาของซ่านจินจื๋อกลับโปรยตกไปที่ตัวเฉิงซานที่อยู่ด้านข้าง
“คุณหนูใหญ่ตงฟางแปลกไปจริงๆ เพียงแต่ต้องให้นางทำขั้นตอนต่อไปเสียก่อน พวกเราจึงจะรวบหัวรวบหางพวกเขาได้สะดวก” เฉิงซานตอบกลับเสียงเข้ม แล้วมองไปที่กู้ซวงที่อยู่ข้างกายปราดหนึ่ง กล่าวเสียงเข้มว่า “พิธีแต่งงานครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง ไม่ทราบแม่นางกู้ซวงจะรีบรุดไปเข้าร่วมพิธี แต่งงานด้วยตัวเอง หรือว่า…”
“ไปร่วมด้วยตัวเอง ไปอย่างเงียบๆ”
ในเมื่อตงฟางซวนเอ๋อจงใจลองเชิงกู้ซวง เช่นนั้นก็พิสูจน์แล้วว่าในใจพวกนางก็เริ่มสงสัยข้อเท็จจริงของเวยเอ๋อกันแล้ว
แต่ถ้าหากปล่อยให้กู้ซวงไปอย่างประเจิดประเจ้อ ในทางตรงข้ามจะไม่เป็นผลดี จึงกล่าวกำชับหนึ่งประโยค “พยายามอย่าให้คนอื่นสังเกตเห็นนาง และห้ามเผยพิรุธ”
คนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นถึงกับมีปัญญาดึงตงฟางซวนเอ๋อเข้าพวกรู้ถึงที่ตั้งเส้นทางลับ ก็ย่อมค้นพบว่าเขาลอบซ่อนตัวกู้ซวงเอาไว้ ถ้าหากพวกเขาไม่ได้ค้นพบและไม่ได้ลงมือ กลับกันจะยิ่งทำให้พิธีแต่งงานครั้งใหญ่จัดขึ้นอย่างราบรื่น
ถึงไม่รู้ว่าเหตุก่อนหน้านี้ซ่านต้วนโฉงหัวเด็ดตีนขาดก็จักต้องลงมือในวันแต่งงานให้ได้ แต่ปัจจุบันสองพี่น้องต่างต้องการเค้นคนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นออกมา ยามนี้ย่อมเป็นเหมือนคนที่อยู่บนเรือลำเดียวกันแล้ว จึงไม่มีทีท่าจะขัดขวางงางแต่งงานเป็นอันขาด
ขณะที่ซ่านจินจื๋อเตรียมจะออกไป กู้ซวงก็เอ่ยปากเรียกเขาไว้ “ถ้าหากพวกเขาคิดลงมือจริงๆ ท่านจะไล่ตามไปพาคนกลับมา หรือว่า…”
“นางไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนหวานพรรค์นั้น”
ทิ้งทวนประโยคนี้ทันควัน ซ่านจินจื๋อออกไปโดยไม่เหลียวหลัง
กู้ซวงปั้นหน้าขรึม ถึงกับไม่รู้ว่าอ๋องจิ้งคนนี้มีเมตตาหรือว่าโหดเหี้ยมไปชั่วขณะ
ส่งคนไปตรวจสอบเรื่องเพลิงฟ้าหายนะ จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถเชื่อเรื่องราวเลื่อนลอยบนแผ่นหนังได้สนิทใจ แต่ก็ไม่อาจเพิกเฉยดั่งคนตาบอด ถ้าหากระหว่างสองตระกูลมีความแค้นฝังโลหิตปานนี้จริงๆ ก็น่าจะมีคอยระวังภัย ต่อให้เป็นบ้านมารดาของเวยเอ๋อก็ไม่มีข้อยกเว้น
อาศัยจังหวะพิธีแต่งงานครั้งใหญ่ ซางนิงที่อยู่ในวังก็ตรงดิ่งมาหาถึงที่
ตอนที่ซ่านจินจื๋อไปตรวจสอบการตายของช่างฝีมือเหล่านั้น ก็ได้ขวางเส้นทางของเขาเอาไว้
“ท่านอ๋อง ยามนี้การหาที่อยู่ของใต้เท้าหมอเทพจึงจะเป็นเรื่องสำคัญนะ” ซางนิงเหลือบสายตาขึ้นมาอย่างเย็นชา สองมือไพล่หลัง เบื้องหลังยังมีนายทหารในเมืองตามมาจำนานมาก
“ตอนนี้ข้าก็กำลังจะไปหาร่องรอยเบาะแส” ซ่านจินจื๋อก้าวมาข้างหนึ่งอย่างช้าๆ หนึ่งก้าว “นำความไปทูบเสด็จพี่แทนข้า ไม่ว่าเรื่องเก่าในปีนั้นจะเป็นอย่างไร ชางหลานในตอนนี้ก็คือใต้หล้าของราชวงศ์ตระกูลซ่านของข้า ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล ย่อมไม่มีเหตุผลต้องปล่อยหลุดมือไปให้ผู้อื่นเป็นอันขาด ทุกสิ่งบนโลกเปลี่ยนแปลง ผลัดราชวงศ์เปลี่ยนรุ่น ปราศจากความผิดและความถูกต้อง แต่เป็นไปตามความปรารถนาของผู้คน”
นัยน์ตาซ่านจินจื๋อเป็นน้ำค้างแข็งทั้งแถบ เงื้อมมือขึ้นขจัดความกดดันรอบกาย เดินปาดไหล่ผ่านตัวซางนิงไป
แผ่นหลังเหยียดตรงไม่มีวี่แววละอายใจแต่อย่างใด หยิ่งทระนงตน ย่อมมิอาจมัวสาละวนกับเรื่องเล็กจ้อยในอดีตเช่นนี้
ซางนิงรับฟังจนรู้สึกแปลกประหลาด แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง ทำเพียงส่งคนให้รีบตามติดไปอยู่ข้างหลังซ่านจินจื๋อ ไปตรวจสอบช่างฝีมือไม่กี่คนนั้นให้ดี งานฝีมือตีเหล็กนี้หากถูกคนต่ำช้าที่มีเจตนาแอบแฝงเอาไปจริงๆ เกรงว่าคงต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแน่ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่วางพระทัย
แต่ฝีก้าวของซ่านจินจื๋อช้าเป็นที่สุด คิดวกไปวนมาในสมองเกี่ยวกับเรื่องมากมายบนแผ่นหนังนั้น
หากเป็นเช่นนี้ ปีนั้นกู้อ้าวเวยยืนกรานจึงแต่งเข้าจวนให้ได้ จะมีจุดประสงค์แปลกปลอมด้วยหรือไม่
ยามนี้เสด็จแม่บอกเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เพราะอยากให้เขาคอยระวังยู่จุนหยูนซี หรือว่าเวยเอ๋อกันแน่
และหินจารึกนิทานเพลิงฟ้าชิ้นนั้น บรรยายเน้นถ้อยเน้นคำ เป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันเล่า?
ไม่รู้คำตอบของเรื่อวราวเหล่านี้ ซ่านจินจื๋อทำเพียงตัดผ่านท้องตลาดไปเสาะหาที่อยู่ช่างฝีมือ
และเวานี้ พิธีแต่งงานยิ่งใหญ่ระหว่างองค์หญิงเอ่อตานและอ๋อจงผิง ปัจจุบันได้แขวนผ้าไหมสีแดงไปที่ถนนสายยาว ทั่วทั้งเมืองเทียนเหยียนจึงมีบรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาหลายส่วน
และในมุมมืดที่ไม่มีใครมองเห็นเหล่านั้น แม่หญิงตู้คีบท่อบุหรี่ ปลายนิ้วเคาะเบาๆ สองครา กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ซ่านจินจื๋อคนนี้ไม่สนใจกู้อ้าวเวยที่อยู่ในจวน เอ้อระเหยเช่นนี้ ดูท่าทางไม่เหมือนกำลังสนใจไยดีกู้อ้าวเวยคนนั้นเลย…ข้าว่าราชวงศ์ตระกูลซ่านต่างก็เลือดเย็นไร้ปรานีกันทั้งนั้น”
“ระวังคำพูดด้วย รีบช่วยรีบออกไป ข้าดูแล้วยามนี้นางชักยากจะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้เสียแล้ว”
ชายชุดดำที่อยู่ข้างหลังเอ่ยปากเสียงเย็น แม่หญิงตู้บิดเอวตัวเองครู่หนึ่งแล้วเดินตามเขาหายเข้าไปท่ามกลางความมืด