บทที่ 1054 เต็มใจลงโกศ
คืนวันแต่งงานยิ่งใหญ่ เหล่าใต้เท้ามากมายต่างสังสรรค์กินเลี้ยง จวบจนกลางดึกจึงสลายตัวออกไป
เทียนสีแดงหงส์มังกรภายในห้องยังไม่มอดดับ ชื่นมื่นตลอดคืน ไร้นิทรากลางดึก
กู้ซวงตามซ่านจินจื๋อเทียวไปจัดการเรื่องต่างๆ มากมายทั้งบนล่างในตำหนักอ๋องจงผิง เดินต่อไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงนั่งอยู่ในระเบียง ปล่อยให้ซ่านจินจื๋อสวมเสื้อคลุมหนาๆ ให้แก่นาง เฉิงซานเอาถุงประคบร้อนมาให้นางประคบมือ
คืนหน้าหนาวเย็นยะเยือก แต่ทั่วทั้งตำหนักอ๋องจงผิงกลับเป็นสีแดงเพลิงทั้งแถบ ทำให้ใจของนางพลอยอบอุ่นขึ้นมาด้วย
ตงฟางซวนเอ๋อที่อยู่ไม่ไกลนักทำเพียงมองนางครู่หนึ่งอย่างเงียบๆ ก่อนจากไปอย่างฉุนเฉียว
รอจนรุงสาง ซ่านจินจื๋อจึงพากู้ซวงกลับตำหนักอ๋องจิ้ง พักอยู่ในห้องเดียวกัน รอกระทั่งเที่ยงวันจึงลอบนำคนส่งกลับไปยังเรือนข้างของตำหนักอ๋องจิ้งอย่างลับๆ รอบคอบระมัดระวัง คล้ายไม่อยากให้บุคคลใดพบเห็น
กู้ซวงบีบนวดหัวไหล่พลางคิดว่าทำงานมาทั้งคืนแท้ๆ แต่ซ่านจินจื๋อยังปล่อยให้นางนอนบนพื้น ตอนนี้ ปวดเมื่อยไปทั่วร่าง กอปรกับความหนาวเย็นเข้าสู่ร่างกาย ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวจากอาการไข้จับลม ได้แต่ลากสังขารอันหนักอึ้งหมายจะกลับไปสั่งยาให้ตัวเอง กลับได้ยินเฉิงซานที่อยู่ด้านหลังเอ่ยปากขึ้น “ท่านอ๋องยังมีเรื่องมากมายที่ยังทำไม่เสร็จ รอประเดี๋ยวผู้น้อยจะให้คนพาคุณหนูใหญ่กลับไป”
“อืม เจ้าก็ไปเถิด” กู้ซวงโบกมืออย่างเกียจคร้าน หลายวันนี้ถูกผู้ใต้บัญชาของอ๋องจิ้งเอาใจจนไม่เข้าท่า แทบจะนั่งกินนอนกินอยู่แล้ว แม้แต่นิสัยก็ยังพลอยหยิ่งผยองขึ้นมาด้วย
เฉิงซานพยักหน้า แล้วออกไปอย่างเงียบๆ
เปลี่ยนให้สองคนมาคอยรับใช้อยู่ข้างกาย ตามติดอยู่ข้างหลัง
จวบจนกู้ซวงผลักเปิดบานประตูเรือนของตนออก มองเห็นเงาร่างขอวงตงฟางซวนเอ๋ออีกครั้ง จึงลดมือลงจากบนไหล่ ต้อนรับตงฟางซวนเอ๋อผู้นั้นด้วยสายตาเจือรอยยิ้มเอ่ยปากว่า “ไม่ทราบคุณหนูใหญ่ตงฟางมาหนนี้มีธุระอันใด”
“วันนี้ แม้แต่ตัวปลอมยังสามารถไต่เต้าขึ้นเตียงอ๋องจิ้งได้เชียวหรือ”
ตงฟางซวนเอ๋อหุบรอยยิ้มครึ่งเสี้ยวบนใบหน้า
“ต่อให้ข้าเป็นตัวปลอมแล้วอย่างไรเล่า” กู้ซวงก้าวรุกหน้าด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ลำแขนเรียวยาวโปรยลงบนขอบโต๊ะ ดวงตาสีดอกท้อที่ดูคล้ายกู้อ้าวเวยคู่นั้นเจือรอยยิ้มหลายส่วน อ่อนโยนคล้ายกับดอกท้อเต็มวสัตฤดู “ท่านเองก็เคยสูงสง่า แต่ยามนี้ต่อให้ท่านรู้ว่าข้าเป็นตัวปลอมแล้วจะทำอะไรได้”
“เจ้าคือตัวปลอมเลียนแบบ” ตงฟางซวนเอ๋อกัดฟันแน่น
ตัวปลอมในอดีตไม่เคยทำพฤติกรรมเช่นนี้กับคุณหนูใหญ่เยี่ยงนางมาก่อน ยิ่งไม่อาจมีความมั่นใจปานนี้เผยออกมาจากนัยน์ตาเช่นนี้แน่ ในระหว่างที่นางกำลังคิดต่างๆ นานา ปลายคางของนางก็ได้ถูกผู้หญิงตรงหน้าเชยขึ้นน้อยๆ
สองนิ้วง่ายๆ แฝงเรี่ยวแรงอยู่ในนั้น
กู้ซวงมองดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นของตงฟางซวนเอ๋อ หัวเราะอย่างกะทันหัน “ใบหน้าของคุณหนูใหญ่ตงฟางช่างแสนดูดียิ่งนัก แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเทียบชั้นไม่ได้กับตัวปลอมชิ้นหนึ่งด้วยซ้ำ”
“เจ้า!”
“ไยต้องโกรธเคือง ที่หมิงเย็นว่ามา ก็เป็นความจริงทั้งนั้น” กู้ซวงหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นจิ้มมุมปากของนาง ถอยห่างสองก้าว เตรียมจะกลับไปพักผ่อนในห้อง ย่อมสังเกตถึงกลิ่นภายในห้องนี้ หยิบขวดยามาด้วยตัวเอง ยังไม่ทันเอาเข้าปาก ช่วงไหล่ก็รู้สึกปวดอย่างจัง
กู้ซวงทั้งตัวคนถูกกดราบลงบนพื้นอย่างรุนแรง เข่าสองข้างปวดอย่างสาหัส เบื้องหน้าเริ่มเป็นสีดำเป็นระยะ
ขวดยากลิ้งหลุนๆ ไปหยุดอยู่แทบเท้าตงฟางซวนเอ๋อ ตงฟางซวนเอ๋อได้กลิ่นยาถอนพิษอย่างง่ายอยู่ในนั้น
กู้อ้าวเวยคนนี้ก็เก่งเรื่องทักษะการแพทย์ด้วย ซ้ำยังแก้พิษได้อีกต่างหาก
แต่อิงจากที่พูดมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ เจ้าตัวปลอมนั่นน่าจะรู้แค่ผิวเผิน แต่วันนี้แค่กลิ่นจางๆ เหตุใดถึงทำให้นางออกไปอย่างระวังตัวได้กันเล่า ซ้ำยังล้วงเอายาแก้พิษขนานแท้ออกมาด้วย?
ฟันธงไม่ได้ว่าคนตรงหน้าจริงหรือปลอมกันแน่ ตงฟางซวนเอ๋อทำเพียงโน้มตัวลงไปมองดูอาการเจ็บปวดของนาง
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม”
“พวกเจ้าก็ออกจะโลภเกินไปหน่อย” มุมปากกู้ซวงพ่นหัวเราะเบาๆ ออกมา ก้อนหินที่ห้อยอยู่ในใจกลับร่วงหล่นลงมา
เพียงแต่นางเองก็ยังคิดไม่ถึงว่าตงฟางซวนเอ๋อจึงลงมือปุบปับในตำหนักอ๋องจิ้งเพียงเพราะเห็นซ่านจินจื๋อออกมาจากห้องของนาง
แต่ปลาใหญ่ตัวนี้ ก็ถือว่าติดเบ็ดจนได้
จวบจนอันตรธานไปอยู่ในความมืด กู้ซวงกลับยังนึกถึงแม่นางสองคนที่ตนติดหนี้อยู่
ความเป็นตายของนางมิได้สำคัญแต่อย่างใด ขอเพียงหลิงเอ๋อและหมิ่นเอ๋อได้รับความสงบสุขจากคนที่รัก ก็เพียงพอแล้ว
……
กู้อ้าวเวยถูกคนปลุกให้ตื่นจากความฝันอีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่การสลายตัวของยา หากแต่มีคนลากโซ่เหล็กที่อยู่บนลำคอของนาง ใช้กำลังลากถูกนางออกมาจากภวังค์ความฝันอันลุ่มลึก
“อื้อ” เสียงอู้อี้ดังขึ้นหนึ่งครา นางเพิ่งจะตื่นตกใจเมื่อรู้ว่าแผ่นหลังของตนออกจากเตียงนอนนุ่มนิ่มอย่างสมบูรณ์แล้ว ค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นมามองเมี่ยวหารที่อยู่ตรงหน้า ดวงตางัวเงียคู่นั้นยังไม่ทันมองเห็นเงาร่างคนที่อยู่ด้านข้างได้ชัดเจน ก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง ไม่รู้ว่าของหนักอะไรร่วงกระแทกลงมา
ของหนักชิ้นนั้นกระทั่งมีเสียงดังระงมสองคราตามมาด้วย
ยังมีชีวิตอยู่!
ทั้งสองคิดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย กู้อ้าวเวยได้แค่เค้นเสียงออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก “ใกล้…จะหมดลมแล้ว…”
โซ่เหล็กบนลำคอคลายออก ทั้งตัวคนถูกกระแทกลงบนเตียงนอนอีกครั้ง แผ่นหลังปวดแปลบ
และคนที่คร่อมบนเอวนางก็แค่นเสียงเย็นหลายครา ถูกชายชุดดำที่อยู่ด้านหลังเมี่ยวหารโยนผลุงไปบนเตียงเล็กแคบ ขณะที่ทั้งสองคนยังไม่ทันตื่นเต็มตา กลับได้ยินเสียงอันคุ้นเคยพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ดูภายนอกแยกไม่ออกเลยสักนิด”
เสียงที่เจือการหมุนของล้อรถเข็นเล็กน้อย เสียงของคนผู้นั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามา
ทั้งสองคนที่อยู่บนเตียงล้วนแหงนหน้าขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ก็มองเห็นดวงหน้าแก่ชราคุ้นตานั้น เพียงแต่ยามนี้เขากลับนั่งอยู่บนรถเข็น
“กู้เฉิง”
เวลานี้ทั้งสองคนต่างร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน จากนั้นก็สบสายตากันปราดหนึ่ง
นั่นคือดวงหน้าที่เหมือนกับตนทุกประการไม่มีผิด เมี่ยวหารและกู้เฉิงที่ยืนอยู่ข้างขอบเตียงต่างเผยแววตาฉงนสงสัยออกมา
สายตาที่มองไปยังทั้งสองคนดูเหมือนกำลังมองตัวเองที่อยู่ในกระจก
กู้อ้าวเวยคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะถึงขั้นมีปัญญาจับตัวกู้ซวงเข้ามาได้จริงๆ แต่เมื่อย้อนคิดอยู่แล้ว ในเมื่อกู้ซวงก็อยู่ที่นี่ เช่นนั้นซ่านจินจื๋อจักต้องมีวิธีหาที่นี่พบโดยอาศัยกู้ซวงได้เป็นแน่
แต่ไหนแต่ไรมาซ่านจินจื๋อไม่เคยทอดทิ้งนาง
มิเช่นนั้นอิงจากคำพูดที่พวกเขาพูดกับกู้ซวง กู้ซวงจะไม่มีวันคล้ายกับตัวเองอีกต่อไปเด็ดขาด
ส่วนกู้ซวงก็คิดไม่ถึงเช่นเดียวกันว่าพวกเขาจะพาตนมาอยู่ร่วมกับกู้อ้าวเวยตัวจริง เช่นนั้นเรื่องราวทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นยิ่งนัก
นางถนัดเรื่องการเลียนแบบคนรอบกายเป็นที่สุด และยามนี้กู้อ้าวเวยตัวจริงก็อยู่ข้างๆ นางไม่คิดจะเผยพิรุธออกมาเป็นอันขาด ยิ่งอิงจากการที่เฉิงซานอธิบายเรื่องราวที่นางผ่านมาทั้งหมดได้อย่างละเอียดยิบ แถมกู้อ้าวเวยตัวจริงก็ยังสูญเสียความทรงจำไปมากมาย มีน้อยคนนักที่จะรู้
ในใจทั้งสองต่างตัดสินใจจะให้ความร่วมมือกับอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว แต่กู้อ้าวเวยชอบวิธีรุกโจมตีมาโดยตลอด
“บางทีข้าอาจเป็นตัวปลอมจริงๆ” ยามที่นางเอ่ยปาก ในสายตายังเจือรอยยิ้มยุ่งเหยิง จากนั้นทำเพียงมองไปทางกู้เฉิงที่อยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเย็นเยียบ นางย่อมเคยได้ยินมาแล้วว่านางปฏิบัติต่อกู้เฉิงอย่างไรบ้าง จึงกล่าวเสียงเข้ม “แต่ความรักฉันท์พ่อลูกนานหลายปีของพวกเรา ท่านก็แยกไม่ออกเลยหรือ”
“ในเมื่อเจ้าเป็นตัวปลอม แล้วเขาจะแยกออกได้อย่างไร” กู้ซวงต่อบทแบบไหลตามน้ำ หัวเราะเย็นชา “แต่ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าเป็นแพะรับบาป ข้าต่างหากที่เป็นตัวปลอมคนนั้น”
หัวคิ้วของเมี่ยวหารขมวดแน่นเข้าหาอย่างสิ้นเชิง
ส่วนกู้เฉิงกลับปั้นหน้าขรึม รู้สึกเพียงว่าไม่เข้าท่าเข้าที
คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ทั้งสองคนนี้ช่วงชิงกันก็คือตำแหน่งตัวปลอม