บทที่ 1055 คนในกระจก
“พวกท่านคิดว่าจับตัวสองคนมา เรื่องมันจะพลิกผันได้อย่างนั้นหรือ”
กู้อ้าวเวยแหงนหน้าขึ้นน้อยๆ โซ่เหล็กส่งเสียงดังสะท้อนออกมาไม่ยอมหยุด บนหน้านางกลับเจือรอยยิ้มตั้งแต่ต้นจนจบ กล่าวต่อไปว่า “ชีวิตข้าไม่ยืนยาว แม้ท่านบอกว่าซ่านจินจื๋อชอบนางมากเพียงใด ข้าเองก็ไม่สนใจแล้วทั้งนั้น”
“ทักษะการแพทย์ของข้าโดดเด่น ไยต้องทำให้ตัวเองเสียชีวิตไปตั้งครึ่งกันอีกเล่า” กู้ซวงต่อบทของนางอย่างลื่นไหล ดวงตาเจือแววเหยียดหยามหลายส่วน แต่ปลายนิ้วนั้นกลับกำบนโซ่เหล็กที่ลำคอของนาง พิงด้านข้างเตียงนอน กล่าวเสียงเย็น “ถึงร่างกายข้าจะบาดเจ็บสาหัส ก็ยังไม่ถึงขั้นตายแหล่รอดแหล่”
ทั้งสองสบสายตากันปราดหนึ่ง เพียงแต่ทั้งคู่ต่างยิ้มพลางเบือนหนีสายตาของอีกฝ่าย ไม่มองไปทางดวงหน้าที่เหมือนกับตนจนแยกไม่ออก
ทั้งที่คำพูดที่สองคนกล่าวมาไม่เหมือนกันสักนิด แต่กู้เฉิงกลับยังคงขมวดคิ้วมุ่น
แต่ไรมากู้อ้าวเวยเป็นคนที่พูดจากลับกลอกคนหนึ่ง วันนี้นางอาจรับปากสัญญาท่านเป็นมั่นเป็นเหมาะ คล้อยหลังไปก็เป็นวางอุบายเป็นคนสองหน้า แต่บางครั้งพอนางเชื่อใจใครสักคนก็จะเชื่ออย่างสมบูรณ์แบบ พาให้ผู้คนคาดเดาไม่ได้
ก็เหมือนกับกู้อ้าวเวยทั้งสองคนล้วนอยู่ตรงหน้า แต่พูดถ้อยคำที่พาให้ผู้คนจับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนกัน
กู้อ้าวเวยคร้านจะเอ่ยปาก จึงเอนตัวกลับไปบนผ้าห่มอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์ มองทางกู้เฉิง “ข้าอยากรู้ เหตุใดท่านต้องเกลือกกลั้วเข้าในเรื่องนี้อีกจนได้ หรือไม่ต้องการชีวิตนี้แล้ว?”
“เป็นเจ้าที่ไว้ชีวิตของข้า” กู้เฉิงหัวเราะเย็นชาหนึ่งครา ไม่พลาดโอกาสหยั่งเชิงไปแม้เสี้ยวเดียว
กู้ซวงเลิกเนตรงามขึ้น มองไปทางเขา
ส่วนกู้อ้าวเวย ยังจำอะไรบางอย่างได้เลาๆ บนหน้ากลับทำเพียงยิ้มบางๆ “เพราะท่านติดหนี้ท่านแม่มากยิ่งกว่า ในปีนั้นท่านคิดหลอกใช้ข้าทำเรื่องมากมาย แต่ข้าก็ไม่เคยเป็นดั่งใจท่าน”
“ท่านยังคิดอยากเสาะหายาอายุวัฒนะอยู่กระนั้นหรือ ฝ่าบาท?”
กู้ซวงต่อบทไหลลื่น นางดูเหมือนจะจำได้ว่าเขาเองก็เคยเป็นฮ่องเต้อยู่หลายวัน แต่ทั้งหมดนั้นต่างไร้ประโยชน์
กู้เฉิงปั้นหน้าเย็นชา คราวนี้เมี่ยวหารจึงเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง มองดูกู้อ้าวเวยที่ถูกโซ่เหล็กพันธนาการอยู่ “นี่ก็คือตัวปลอมที่ร่วมเรียงเคียงหมอคนกับที่ท่านรัก”
“พรืด…” กู้อ้าวเวยระเบิดหัวเราะลั่นออกมาหนึ่งคราในทันควัน ดูเหมือนว่าการได้ยินประโยคนี้ของเมี่ยวหารกลับทำให้นางรู้สึกอภิรมย์ยิ่งนัก นางแหงนหน้าขึ้นจากเตียงนอนเต็มแรง นัยน์ตาหลงเหลือเพียงแสงดาราอันสว่างจ้าทั้งแถบ “บางที ข้าต่างหาที่เป็นตัวปลอมที่ไต่เต้าขึ้นเตียงซ่านจินจื๋อ พวกท่านไม่ได้เป็นศัตรูของข้าหรอกหรือ เหตุใดแม้แต่ข้าเป็นตัวปลอมถึงยังแยกไม่ออก”
เมี่ยวหารถูกความคลุ้มคลั่งในดวงตาของนางทำเอาสะดุ้งโหยง แม้แต่กู้ซวงก็ยังดูด้อยกว่า แต่นางมักถนัดการเลียนแบบผู้คนอยู่เสมอ
ภายใต้ความคลุ้มคลั่งของกู้อ้าวเวย นางทำเพียงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเยือกเย็นสงบนิ่ง ทั้งไม่แก้คำ และไม่เอ่ยปาก
นี่ยิ่งดูเหมือนสองทางเลือกที่กู้อ้าวเวยอาจจะทำมากที่สุด
จุดเพลิงโทสะของผู้อื่นอย่างก้าวร้าวบีบเค้น หรือไม่ก็รักษาความสงบนิ่ง มองพวกเขาอย่างเหยียดหยาม
“น่าเบื่อนัก” กู้อ้าวเวยโบกมือแล้วเอนตัวนอนอีกครั้ง ก่อนมองกู้ซวงปราดหนึ่ง “ในเมื่อทักษะการแพทย์ของเจ้าไม่เลวทีเดียว ไม่สู้เจ้ากับเมี่ยวหารร่วมมือกันรักษาข้าให้หายดีเป็นใช้ได้ เช่นนั้นการเล่นเป็นตัวปลอมของข้าครั้งนี้ก็ทำได้แบบไม่ขาดทุน”
“ตัวปลอมอย่างข้าคงเขียนสูตรยาไม่ได้หรอกนะ ตัวหนังสือก็บิดเบี้ยว” กู้ซวงหัวเราะขึ้นมา
เวลานี้ดวงตาสองคู่ส่องสะท้อนดวงหน้าของอีกฝ่าย กลับเหลือเพียงความเย็นชาทั้งผืน
ดูเหมือนว่าคนที่เข้าใจกันโดยปริยายยิ่งนักเมื่อครู่นี้ได้เห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรูคู่แค้น หน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว พาให้ผู้คนขนลุกขนชัน
แต่มีเพียงกู้อ้าวเวยและกู้ซวงที่จะรู้สึกตัว ทั้งสองก็เหมือนกับพี่น้องฝาแฝดไม่มีผิด น่าสนใจยิ่งนัก
น่าเสียดายที่ดันไปทำให้ผู้อื่นหัวเสีย
เดิมทีสามารถระบุตัวตนคนที่มีทักษะการแพทย์โดดเด่นคนนั้นได้จากสูตรยาของพวกนาง เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างตัวจริงกับตัวปลอม
แต่หลังจากได้ยินคำพูดของพวกนางสองคน เมี่ยวหารยิ่งรู้สึกกังวลว่าทั้งสองจงใจเล่นตุกติกกับสูตรยา โดยใช้สิ่งนี้มาปกปิดตัวตนของตัวเอง หรือไม่ก็สร้างเลียนแบบตัวตนของตัวเอง
พูดตามหลักการเมื่อรู้ว่าตัวปลอมอีกคนแทนที่ตำแหน่งของตน ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่อาจข่มใจไหว
แต่กู้อ้าวเวยทั้งสองแทบรักษาน้ำเสียงผ่อนคลายร่าเริงต่อไปได้ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของผลหลังการกินยา ส่วนกู้อ้าวเวยที่มีโซ่เหล็กอยู่บนร่างคอเสื้อค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อย บนผิวขาวซีดภายในนั้นยังมีลวดลายที่กำจัดไม่ออก กู้อ้าวเวยที่เสื้อผ้าเป็นระเบียบอีกคนทำเพียงเอนพิงข้างเตียงอย่างอ่อนแรง ดวงตาคู่นั้นกลับเจือรอยยิ้ม
ดูเหมือนการมาในครั้งนี้จะสมเหตุสมผล เดิมควรจะสงสัย แต่เป็นเพราะนางคือคนของซ่านจินจื๋อ กลับทำให้พวกนางสงสัยว่านี่คือแผนการที่ซ่านจินจื๋อกับกู้อ้าวเวยคิดขึ้นมาร่วมกัน
น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็สดับตรับฟังอย่างว้าวุ่น
และเวลานี้เอง ‘กู้อ้าวเวย’ ที่อยู่ด้านในยกมือขึ้นดึงโซ่เหล็กเส้นนั้นอย่างยากลำบาก แทบจะดึงกู้อ้าวเวยอีกคนมาอยู่ต่อหน้าตนเอง มองดูสีหน้าฉงนของนาง แล้วหัวเราะออกมาทันควัน “เป็นตัวเอง สำคัญยิ่ง”
กู้อ้าวเวยอึ้งงันน้อยๆ เป็นสิ่งแรก คล้ายไม่เข้าใจความหมายของนาง
จนกระทั่งมองเห็นรอยยิ้มลุ่มลึกสุดซึ้งในดวงตาคู่นั้น จึงส่งเสียงหัวเราะออกมาผสมโรง “เช่นนั้นเจ้าก็เป็นตัวเองสิ เหตุใดต้องมาแย่งตัวตนของข้าไปด้วย”
“เพราะว่ามันสนุกมาก” กู้ซวงพลอยหัวเราะเบาๆ ขึ้นมาด้วย
ยังคงเป็นบทสนทนาที่ดูลึกลับซับซ้อนตามเดิม
เมี่ยวหารและกู้เฉิงล้วนได้รับการปฏิบัติอย่างไร้ตัวตน ได้แต่ถอยออกจากห้อง ให้คนคอยฟังการเคลื่อนไหวในด้าน จนกว่าหนึ่งในสองนั้นนั้นจะเผยพิรุธออกมา
แต่ไม่รู้เลยว่าวินาทีที่ได้ยินกู้อ้าวเวยเอ่ยปาก กู้ซวงก็ไม่ได้แสดงละครอีกต่อไป
การเลียนแบบเหล่านั้นได้หยั่งรากฝั่งลึกลงในแกนกระดูก แม้จะเป็นการเลียนแบบกู้อ้าวเวย นั่นก็กลายเป็น ส่วนหนึ่งของนางตั้งแต่ต้นจนจบไปเสียแล้ว
แต่นางค้นพบว่าแม้จะอยู่ท่ามกลางความลำบาก กู้อ้าวเวยก็เป็นอย่างที่ซ่านจินจื๋อพูดไว้ทุกประการ….มิใช่ผู้หญิงที่ชดช้อยแต่อย่างใด
นางไร้บ่วงกังวลใดๆ อยู่ในชางหลาน ยิ่งรั้ว่าพวกเขาลงมือทรมานฉูห้าวญาติสนิทเพียงคนเดียว จุดปะทุเพียงอย่างเดียวกลับเป็นซ่านจินจื๋อที่มีจุดเริ่มต้นสูงมาก กอปรกับร่างกายนางอ่อนแอทรุดโทรม ย่อมเปลือยเท้าเปล่าไม่กลัวการสวมรองเท้าอยู่แล้ว แถมนางรู้ว่าตัวเองล้วนมีประโยชน์ต่อขุมอำนาจใดๆ ก็ตาม ฉะนั้นจึงสามารถทำตัวตามอำเภอใจได้
เดิมทีกู้ซวงคิดว่าหญิงสาวคงจะรอให้ชายคนรักมาช่วยชีวิตอย่างว่าง่าย
แต่กู้อ้าวเวยกลับเผยความปีติออกมาตอนที่เห็นหน้านาง ไม่จำเป็นต้องมีคำใดๆ กู้อ้าวเวยก็ดูเหมือนมั่นใจในความไว้วางใจที่ซ่านจินจื๋อมีต่อนาง พูดจาสามหาวกับนาง ยิ่งเชื่อมั่นว่านางจะสามารถต่อบทประโยคถัดไปได้
“ดีเหลือเกิน…” กลับได้ยินกู้อ้าวเวยพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งเฮือกคล้ายกับโล่งอก นอนตะแคงอยู่บนเตียงนอน ดวงตามีความเจ็บปวดลึกๆ ที่ขมวดปมอยู่
ไม่…นางไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไปเลย
กู้ซวงมองนางหลับตาลงอีกครั้ง ความผ่อนคลายสบายใจเฉิบบนดวงหน้าถูกซัดจนพ่ายแพ้หลังจากความเงียบงันด้านนอกประตู
นางก็คือหญิงสาวที่ชดช้อยคนหนึ่ง กู้ซวงคิดเช่นนี้
“ท่านกลัวซ่านจินจื๋อจะทอดทิ้งท่านหรือ” กู้ซวงเอ่ยปากซักถามโดยตรง
“เจ้าไม่กลัวหรือ” กู้อ้าวเวยหลับตาพลางส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา ดวงตาคู่นั้นยังไม่ได้ลืมขึ้น กลับมีหยาดน้ำตาใสกระจ่างไหลรินลงมาจากปลายตาอย่างแช่มช้า “ข้าก็แค่เหนื่อย”
“ข้าก็เช่นกัน” กู้ซวงเกร็งหนังศีรษะตะล่อมโกหกคำโตออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ และเอนตัวลงบนเตียงตาม สัมผัสโซ่เหล็กที่เกือบรัดแน่นติดกับเตียงเส้นนั้น แล้วเบิกตาโพลงทันควัน “พวกนางก็จะล่ามโซ่เหล็กให้ข้าด้วยหรือ”
“เจ้าตั้งตาคอยมากเลยหรือ” กู้อ้าวเวยส่งเสียงหัวเราะออกมา ครั้งนี้กลับลืมตาขึ้นมองนาง กุมมือนางเอาไว้อย่างจริงจัง ขีดเขียนคำๆ หนึ่งลงบนฝ่ามือของนางอย่างเน้นชัดทีละขีด
ภายในห้องกลับสู่ความเงียบสงัดอีกครา คนที่เฝ้าอยู่นอกประตูผลักประตูออกมาอย่างเงียบๆ เห็นเพียงแต่ทั้งสองคนนอนจมสู่ห้วงนิทราลึกเบียดกันอยู่บนเตียง
กลับไม่เคยมองเห็นว่าสองมือของทั้งคู่ไม่เคยหยุดนิ่งเลย