บทที่ 1079 เชื่อชะตาก็ตามชะตา
เซียวเซียวกระโดดลงมามองซ้ายมองขวา แล้วก็เกาหัว
ทั้งสองคนหลบอยู่ในผ้าห่ม เส้นผมแผ่สยายบนหมอน กู้อ้าวเวยด้านนอก บนใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กของกู้ซวง กู้ซวงกลับแอบบีบแขนของหยินซี่งอยู่ในผ้าห่ม นางก็เลยยิ้มแล้วขยับเข้าไปหา
เซียวเซียวเห็นดังนั้น ก็จับกู้อาวเวยด้านนอกเตียง แล้วถามว่า “น้าซวงหรือ?”
“เรียกแม่บุญธรรมต่างหาก” ซ่านจินจื๋อก็เอาตัวเซียวเซียวออกมา แต่กู้อ้าวเวยก็ยกมือเอาตัวเซียวเซียวดึงกลับไป นั่งบนเตียงแล้วซบไปที่หลังของเขา แล้วยังหัวเราะบอกซ่านจินจื๋อว่า “ทายผิดแล้ว”
“เช่นนั้นหรือ?” ซ่านจินจื๋อเอามือเคาะที่หน้าผากนาง แล้วพูดว่า “ลุกขึ้นมากินข้าว พ่อครัวที่ทำอาหารมาถึงแล้ว”
หน้าผากถูกตีจนแดง เซียวเซียวก็กำลังเกาหัว เพราะไม่รู้ว่าใครคือตัวจริง
กู้อ้าวเวยและกู้ซวงก็พยุงกันลุกขึ้น เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็มายังห้องโถง ในห้องโถงด้านหน้าเรียบง่าย ปกติแล้วพวกเขาจะกินแต่เสบียงอาหารแห้ง เดินไปด้านหลังอีกหน่อยจะมีน้ำพุร้อน มีตาน้ำอยู่บนเนินไม่ไกลนัก น้ำสะอาดมาก
กู้อ้าวเวยลากเซียวเซียวมานั่ง แล้วก็ถามเขาว่าตอนที่หยินซี่งอยู่ที่โรงเรียน ได้เรียนอะไรบ้าง
หยินซี่งก็พูดออกมาได้เยอะ เซียวเซียวอ่านหนังสือน้อย เกาจนหัวจะถลอก ก็นึกไม่ออกว่าก่อนหน้านี้อาจารย์ได้สอนอะไรไปแล้วบ้าง ซ่านจินจื๋อก็จับนาง “ไม่อาจจะให้เก่งทั้งบุ๋นทั้งบู๊”
“อย่างน้อยต้องรู้หนังสือและมารยาท” กู้อ้าวเวยมองขวาง ซ่านจินจื๋อก็เงียบเสียงไป
เซียวเซียวก็ร้องไห้ แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะไปตั้งใจอ่านหนังสือ หยินซี่งก็หัวเราะที่เขาทึ่ม พอเด็กทั้งสองกินข้าวแล้ว ก็ซนกันไปพักใหญ่ วิ่งซนกันที่สวนดอกไม้ในบ้าน
กู้ซวงวางถ้วยกับตะเกียบลง แล้วถามขึ้นมาว่า “ท่านอ๋องแยกแยะพวกเราออกเสมอ”
“กลิ่นไม่เหมือนกัน” ซ่านจินจื๋อมองไปที่กู้อ้าวเวยอย่างลึกซึ้ง ก้าวเวยก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาดม กลิ่นสมุนไพรบนเรือนร่างตนเองก็แรงกว่าบนตัวกู้ซวงจริงๆ กู้ซวงก็แกล้งไอออกมาหลายครั้ง แล้วก็ออกไปเล่นกับเด็กทั้งสอง
กู้อ้าวเวยกินอื่มนานแล้ว เอามือเท้าคางมองเขา “ข้าคิดว่า ตื่นเช้ามา เจ้าจะไปเสียแล้ว”
“ไม่รีบร้อน” ต่อให้เขากลับจวนไปแล้ว ก็ไร้ประโยชน์
กู้อ้าวเวยก็ทำปากขมุบขมิบ “เจ้าไม่รีบหรือ?”
“รีบอะไร?” ซ่านจินจื๋อหัวเราะ แล้วยกมือขึ้นมาจับคางของกู้อ้าวเวย พูดเสียงต่ำว่า ลูกของข้าอยู่ที่แคว้นเอ่อตาน ลูกบุญธรรมหญิงชาย3คนล้วนปลอดภัยดี ท่านแม่ทำผิดเลยถูกขังอยู่ในตำหนัก นอกจากนี้ มีเพียงเจ้าที่เป็นจุดอ่อนของข้า ข้ายังจะต้องรีบอะไรอีก?
เดิมทีอยากจะตีมือของซ่านจินจื๋อ แต่ก็เห็นความตั้งใจภายใต้สายตาเขา
กูอ้าวเวยรีบขยับเข้าไปอย่างกับผีเข้า จูบลงที่ข้างแก้มเขา ก่อนที่ใบหน้าของผู้ชายจะเปลี่ยนสี นางก็เอามือมาบังไว้ แล้วยิ้มพูดว่า “เจ้านี่ก็หน้าไม่อายจริงๆ เลยนะ? ข้าลืมไปแล้วว่าเจ้าเป็นคนที่อันตรายที่สุดในเมืองเทียนเหยียน”
จุดอ่อนของเขาถูกซ่อนหมดแล้ว ขอเพียงกู้อ้าวเวยไม่ถูกพบตัว เช่นนั้นเขาก็จะไม่เสียแผน
และเช่นเดียวกัน ก็ไม่มีใครมาข่มขู่เขาได้
ต่อให้เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเขาก็ทำไม่ได้
“ถ้าข้าอันตราย แล้วทำไมเจ้าไม่มีความกลัวข้าเลยแม้แต่น้อย”
“บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าข้าไม่มีห่วงอะไร”
กู้อ้าวเวยค่อยดึงมือเขาออก มองไปยังกลุ่มหมอกที่ยากจะกำจัดออกไปจากหุบเขานี้ ข้างหูก็มีแต่เสียงที่ทำให้คนคิดมาก สันหลังเย็นวาบ แล้วลุกเดินออกประตูไป เห็นเด็กสองคนไล่ตามแมวไต่ผนังเล่น ก็ยิ้มออกมา “สิ่งที่พ่อของพวกเราทำไปมันล้มเหลว”
“พวกเราต้องทำเรื่องสำคัญ ก็ต้องมีการเสียสละกันบ้าง ถ้าได้รับทั้งสองฝ่าย ก็เป็นแค่การทำร้ายทั้งสองฝ่ายมากกว่า” ซ่านจินจื๋อเดินตามออกมา แล้วบีบๆ แขนที่ผอมของนาง “ถ้าเจ้าอยู่ในโลงน้ำแข็งนั้น จะมีวันได้ฟื้นขึ้นมาอีกหรือ?”
“ถ้าไม่มีวันได้ฟื้นมา เจ้าก็อยู่กับโลงน้ำแข็งเฝ้าข้าก็แล้วกัน” กู้อ้าวเวยปิดปากยิ้มเยาะ ใบหน้าที่ซีดขาวก็เผยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก “นิสัยเอาแต่ใจของข้าหลายปีก็เป็นบทเรียนของข้า เดิมคิดว่าแก้ปัญหาเรื่องอมตะได้แล้ว ข้าก็จะมีความสุข ไม่คิดว่าถึงแม้ข้าจะไม่อยากเป็นอมตะ แต่ก็ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว”
ได้รับคำพูดในใจขอกู้อ้าวเวย กลับเป็นเรื่องที่ทำให้ซ่านจินจื๋อดีใจ
ยกมือกอดนางเข้ามาในอก ซ่านจินจื๋อก็ตั้งใจพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะเฝ้าโลงน้ำแข็งนั้น เหลือเพียงความทรงจำก็ยังดี”
“แต่ก็หลอกพวกเขาได้” พิงอยู่ในอกของซ๋านจินจื๋อ แล้วก็เอามือเย็นๆ ซุกเข้าไปในอกของเขา สายตาที่อบอุ่นก็มองไปยังมือของเซียวเซียวและหยินซี่ง “ความรู้สึกที่ต้องสูญเสียไปมันปวดใจมาก ไม่สู้ให้พวกเขาได้รอตลอดไป รอสักวันหนึ่ง พวกเขาก็จะรู้เอง”
สุดท้ายนางก็คิดเลือกทางที่แย่ที่สุด ซ่านจินจื๋อก็ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้
หลายร้อยปีผ่านมา ไม่มีใครแก้ปมเรื่องอมตะได้ แต่นางใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็แก้ได้ บางทีนางอาจจะเป็นแขกจากต่างดาว มีพรสวรรค์ ถ้าอยากจะหาหมอที่มีวิชาการแพทย์เก่งๆ มารักษาพิษต่างๆ ที่อยู่ในตัวนางแล้วละก็ มันก็เป็นเหมือนการฝันกลางวันเสียมากกว่า
เขาเองก็ยอมพนันไปนางด้วยเช่นกัน
จับมือของกู้อ้าวเวยแน่น ทั้งหมดได้ใช้ชีวิตเหมือนครอบครัวกันจริงๆ ภายใต้หุบเขานี้สองวัน
เช้าวันที่สาม กู้อ้าวเวยถูกซ่านจินจื๋อบังคับตัดผมไป “สามีภรรยาที่แต่งงานมัดผมกัน พวกเรายังไม่ได้มัดผมกันเลย มันยังไม่ครบตามชื่อเสียงที่ควรได้รับ”
กู้อ้าวเวยก็มองเส้นผมพวกนั้น แล้วก็จ้องเขาอย่างโมโห “เจ้าตัดเยอะไปหรือเปล่า”
ใครจะรู้ว่า ซ่านจินจื๋อเอามือดึงนางลุกจากเตียง แล้วก็ยิ้มเล็กๆ “พยุงลุกขึ้น ก็กำหนดให้เราเป็นสามีภรรยาแล้ว”
จับจนกู้อ้าวเวยหน้าแดง ตามด้วยเสียงด้านนอกบอกว่านางกำลังพลอดรักกัน ทำให้นางเขินอายจนต้องให้เขารีบออกไป
ซ่านจินจื๋อถูกไล่ออกไปข้างนอก แต่ก็ได้ให้มีดพกสั้นแกเซียวเซียวเก็บไว้ในอก
“ปกป้องพวกเขาด้วย” ซ่านจินจื๋อเอามือตบไหล่เขา
เซียวเซียวก็รีบตอบตกลง กู้อ้าวเวยก็โกรธที่เอามีดจริงๆ ยื่นให้เด็ก แต่ก็ไล่ตามเซียวเซียวไม่ทัน แต่หยุดอยู่ที่หน้าปากถ้ำ มองพวกลูกน้องรีบพาซ่านจินจื๋อจากไป
ก่อนไป ซ่านจินจื๋อก็บอกนางว่า “อีกไม่กี่วัน เจ้าคงต้องออกมาเผยโฉมหน้าหน่อย”
“ข้ารู้”
ก้าวเวยยิ้มเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อคืน ซ่านจินจื๋อก็เอาแผนทั้งหมดบอกแก่นางแล้ว
หลังจากนั้นซ่านจินจื๋อก็เดินขึ้นบันไดยาวนั้นกลับขึ้นไป ด้านหน้ามีเพียงตะเกียงดวงเดียวที่ส่องทาง ในแสงน้อยนิดเช่นนั้น ทุกคนก็เห็นเพียงใบหน้าที่เย็นชาของซ่านจินจื๋อ และดวงตาที่ไม่มีความรู้สึก
กลับมายังเมืองเทียนเหยียน ซ่านจินจื๋อยังไม่เก็บรัศมีฆ่าฟันในตัว หลานเอ๋อร์ถูกบังคับให้นอนอยู่ในป่าสองคืน ซอมซ่อไปทั้งตัว ตอนนี้มานั่งบนหลังม้า ก็โอนเอียงไปมาจะหล่นไม่หล่น คนควบม้าเข้ามาในตลาด พุ่งไปยังตำหนักอ๋องจิ้ง มันเป็นภาพที่เห็นจนชินตาไปเสียแล้ว
มีแต่วันนี้ หวางกงกงในวังมาเชิญอ๋องจิ้งเข้าวัง
ซ่านจินจื๋อดึงบังเหียนม้าหยุดตรงหน้าหวางกงกง ในภาพย้อนแสงนั้น เห็นสภาพของคนที่ตัวสั่นระริก แล้วก็ตอบออกไป “ข้าน้อมรับบัญชา”