บทที่ 1082 ไปยมโลกด้วยกัน
หมุนเวียนกี่ร้อยพันครั้ง ยังไงที่ผ่านมาก็ไม่รู้จบ
แม้ว่าจะรักกันอย่างลึกซึ้งก็ตาม สิ่งที่กระทำในอดีตสามารถใช้เป็นดาบเพื่อตัดความรักได้
แม้จะมีชีวิตอยู่อย่างสงบ ก็จะถูกความผิดพลาดของบรรพบุรุษส่งผลกระทบจนถึงแก่ความตาย
แม้ว่าโลกจะสงบสุข แต่ก็เสียดายคำพูดที่ว่ากู้ชาติที่ผ่านมาทำให้ก่อเกิดสงคราม
ลมพัดจากด้านล่างหน้าผาขึ้นมาอีก กู้อ้าวเวยรวบเสื้อผ้ามาแนบกาย ส่งกุ่ยเม่ยไปยังหน้าอุโมงค์อันมืดมิดแห่งนี้ อดกลั้นกับความคิดที่เป็นกังวล เมื่อคำพูดมาถึงปาก กลับพูดออกมาเพียงว่า “ระวังตัวด้วย”
“ถูกขังอยู่ที่นี่ เป็นเรื่องที่ดีแล้วจริงๆหรือ?”
กุ่ยเม่ยถอนหายใจตามอย่างหนักหนึ่งที เห็นว่าฟ้าเริ่มค่ำแล้ว หากยังไม่ขึ้นไปก็จะยากที่จะเข้าเมือง เขากลับยังหยุดอยู่ตรงนี้ มองไปที่เรือนลานเล็กๆใต้หน้าผาแห่งนี้ รอบๆเงียบเหงา ความไม่พอใจก็ผุดขึ้นมาอย่างฉับพลัน
กู้อ้าวเวยเงียบไม่ตอบ เพียงก้าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วก็เอาขวดหยกใส่ไว้ในมือกุ่ยเม่ย
“ขวดสีแดงไม่มีกลิ่นไม่มีสี ยาพิษปิดผนึกลำคอด้วยเลือด ขวดสีฟ้าเป็นยาที่ทำให้ตายแล้วฟื้น”จับมือกุ่ยเม่ยไว้แล้วก็เอาขวดทั้งสองให้เขากำไว้ นางพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “เอายาทั้งสองขวดนี้ไปให้ซ่านจินจื๋อ บอกเขาว่า หากฮ่องเต้ใจร้าย ให้เขาเอายาพิษนี้ไปถวายด้วยตัวเอง”
“ทำอย่างนี้ได้อย่างไร ท่านอ๋องเห็นฮ่องเต้เป็นพี่น้องมาตลอด จะทำได้….”
สีหน้ากุ่ยเม่ยตกตะลึง ยังอยากที่จะเอาขวดยาสองขวดนี้คืนให้กับกู้อ้าวเวย กลับทุกนางปฏิเสธ ยิ่งไม่สามารถต้านทานลมที่พัดขึ้นมาจากหน้าผาอย่างรุนแรง จนทำให้ไอ ดวงตาหรี่ลง ทำให้กุ่ยเม่ยยิ่งมองไม่เห็นท่าทีความรู้สึกของนาง
เมื่ออาการไอหยุดลง กู้อ้าวเวยค่อยกลืนก้อนเลือดในลำคอลงไป แล้วก็หัวเราะยิ้มอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
“ต่อให้เขาไม่ลงมือ สักวันหนึ่งซ่านเซิ่งหานก็ต้องมีวันลงมือ ข้ายังคงเชื่อว่าซ่านเซิ่งหานสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชน และเป็นคนที่เหมาะสมที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ และก็เชื่อว่า…” นางนิ่งอึ้งไป ขมวดคิ้วอดกลั้นไม่ให้ท้องปั่นป่วน พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาสามารถฆ่าญาติของเขาได้ ดีกว่าปล่อยให้ฮ่องเต้ตายด้วยน้ำมือของซ่านจินจื๋อ”
“งั้นยาที่ช่วยให้ตายแล้วฟื้น…”
“หากข้าตาย เขาก็จะต้องมีชีวิตอยู่ ต่อให้ไม่เป็นท่านอ๋อง ก็ต้องมีชีวิตอยู่ทำหน้าที่เป็นพ่อของลูก”
ร่างกายของนางย่ำแย่อย่างที่สุดแต่แรกแล้ว การสะสมของการบาดเจ็บในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีสักวันที่นางจะได้หยุดพักฟื้น ต่อให้สามารถหาวิธีช่วยบรรเทาได้ ก็เป็นเพียงการลองเสี่ยงเท่านั้น
แต่พวกลูกๆของนางกลับเสี่ยงไม่ได้
มองดูสายตาที่แน่วแน่ของกู้อ้าวเวย กุ่ยเม่ยค่อยยอมรับยาสองขวดนั้นไว้ แล้วก็เดินเข้าไปในความมืด
ไม่มีคนที่คุ้นเคยอยู่ข้างกาย กู้อ้าวเวยคองอหลังลง เลือดเป็นจำนวนมากตกลงไหลออกมาจากปากของนาง ตกอยู่ระหว่างชั้นของหญ้าและเถาวัลย์บนพื้นดิน และนางก็ทำได้เพียงจับกำแพงหินเย็นๆได้ด้วยมือเดียว รอให้คลื่นแห่งความเจ็บปวดนี้แล่นไปตามแขนขา
ลมจากหน้าผากลบอาการไอของนางไว้ได้ และก็กลบเสียงฝีเท้าทางด้านหลัง
“ร่างกายของเจ้าไม่ไหวแต่แรกแล้ว ทำไมจะต้องทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าพวกนาง?”
เสียงกู้ซวงที่คล้ายกับนางดังมาจากด้านหลัง แล้วมือก็ลูบหลังให้นางเบาๆ พูดขึ้นว่า “การพนันไม่รู้ผล อย่างน้อยเจ้าก็รู้ว่าเหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือน ข้างกายมีเขาอยู่ด้วยดีกว่าไหม…”
“เขาจะข้ามแม่น้ำลืมเลือนไปเป็นเพื่อนข้า บางทีอาจจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับข้าแต่ไม่ใช่ตอนนี้”
เอาผ้าขึ้นมาเช็ดคราบเลือดที่มุมปากอย่างใจเย็น นางค่อยลุกขึ้นมา มองดูกู้ซวงพร้อมพูดว่า “ถ้าต้องคิดหาวิธีเพื่อเอาชนะการพนันในครั้งนี้ จะให้เขาอยู่ข้างกายข้าอยากเจ็บปวดทรมานไม่ได้”
“แต่ทั้งๆที่เมื่อกี้เจ้าพูดกับกุ่ยเม่ยว่า…”กู้ซวงอึ้ง
ลมที่มาจากหน้าผาหยุดลง กู้อ้าวเวยปัดเส้นผมที่บดบังใบหน้า พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าก็ต้องหาวิธีกระตุ้นเขา”
“ให้เขามาพบข้าโดยเร็ว”
……
ผนังสีแดงและกระเบื้องสีเขียว ท้องฟ้าถูกตัดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสจำนวนนับไม่ถ้วน
ซ่านจินจื๋อรู้สึกมาตลอดว่าวังลึกแห่งนี้เป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดที่สุด ใบหน้าเก่าเดิมๆวันหนึ่งอาจกลายเป็นสีแดงสดบนผนังสีแดง และจะมีใบหน้าใหม่หมุนเวียนอยู่เสมอ ท้ายที่สุดก็เหลือเพียงใบหน้าธรรมดาๆ
ผู้หญิงสูงศักดิ์ที่เป็นถึงฮองเฮา เดิมควรจะเป็นผู้หญิงที่โดดเด่นที่สุดในโลกนี้
ซ่านจินจื๋อเคยเข้ามาในตำหนักฮองเฮาอยู่หลายครั้ง ได้พบเห็นผู้หญิงที่แตกต่างกันที่นี่ เขารู้ว่าเสด็จแม่ของเขาในตอนนั้น วางยาพิษฆ่าฮองเฮาองค์ก่อนตายในตำหนักยังไง สนับสนุนลูกชายที่ยังวัยเยาว์ขึ้นเป็นฮ่องเต้ด้วยตนเอง จนตอนนี้กลายเป็นไทฮาว ภายในวังหลังไม่เหลือไท่เฟยไว้แม้เพียงสักคน
ตอนนี้ผู้ที่สูงศักดิ์ที่สุด กลับเอนหลังพิงอยู่บนม้านั่งด้วยใบหน้าซีดเซียว อาการป่วยยังไม่ห่างหายไปจากนาง นางกำนัลกับขันทีที่อยู่ข้างกายต่างก็ถูกนางโบกมือสั่งให้ออกไป เผชิญหน้ากับซ่านจินจื๋อกับหลานสาวผู้เป็นที่รักด้วยตัวเอง
ดวงตากลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ตงฟางซวนเอ๋อถูกซ่านจินจื๋อโยนลงบนพื้น ล้มนั่งบนพื้นอย่างทุลักทุเล ไม่ยอมเงยหน้ามองดูฮองเฮา
“ฮองเฮาเนี๊ยงเนี๊ยง”ซ่านจินจื๋อยกมือทำความเคารพ ตาคิ้วกลับดูเย็นชาอย่างมาก
ตงฟางยกมือพูดขึ้นว่า “เสด็จอ๋องจิ้งไม่ต้องไหว้ เจ้ากับข้าต่างก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน”
ตั้งใจเน้นพูดคำว่าครอบครัวเดียวกัน หน้าอกฮองเฮากระเพื่อมขึ้นลงค่อนข้างรุนแรงขึ้น ไอเบาๆอยู่หลายที จากนั้นยกมือหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบน้ำอุ่นอย่างสั่นสะท้าน
ซ่านจินจื๋อเดินก้าวไปข้างหน้า พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “ที่มาวันนี้ ก็แค่มาคืนสิ่งของให้เจ้าของเดิมโดยไม่มีการบุบสลาย”
สีหน้าฮองเฮาฉายแววเจ็บปวด ตงฟางซวนเอ๋อยิ่งเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโกรธ ตนตกหลุมรักผู้ชายคนนี้แต่แรกแล้ว ตอนนี้ตนเกลียดเขาอย่างสุดซึ้ง นางกัดฟันพูดขึ้นว่า “เจ้าคนเลือดเย็นไร้ความรู้สึก ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะใช้วิธีแบบนี้ลงมือกับกู้อ้าวเวย วันนี้นางคงไม่เชื่อใจเจ้า”
“อย่าพูดไปเรื่อย”
ฮองเฮาพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ มองดูด้วยแววตาเย็นชา พร้อมพูดว่า “เรื่องมาถึงตอนนี้ เจ้ายังไม่เลิกที่จะพูดยั่วยุอีกหรือ? ตอนนั้นข้าเห็นเจ้าฉลาด จึงอบรมสั่งสอนเจ้าอย่างที่สุด กลับไม่เคยสั่งสอนให้เจ้าเนรคุณ ตอนนี้ถึงแม้จะคืนสิ่งของให้เจ้าของเดิมโดยไม่มีการบุบสลาย ไปจากตำหนักอ๋องจิ้ง ก็เพราะกรรมที่เจ้าควรได้รับ”
“ฮองเฮาเนี๊ยงเนี๊ยง หากท่านยังเห็นแก่ตระกูลตงฟาง วันนี้ ข้าตงฟางซวนเอ๋อก็จะทำอะไรที่เสี่ยงๆแบบนี้ เรื่องเนรคุณนี้ ท่านก็เป็นแค่หุ่นเชิด”
ตงฟางซวนเอ๋อตะโกนขึ้นมาด้วยแววตาแดงก่ำ น้ำตาไหลลงมาเป็นเม็ดๆ ปลายนิ้วบีบชายแขนเสื้อจนเล็บมือขาวซีด เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว กลับยังกัดฟันแน่ มองดูทั้งสองคนตรงหน้าด้วยสายตาเยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่พอใจ…”
นางกับฮองเฮา ต่างก็ไม่พูดอย่างชัดเจน
ซ่านจินจื๋อกลับยังยืนอยู่ด้านข้างคนเดียว สักพักแล้วค่อยพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาเนี๊ยงเนี๊ยง แต่อยากที่จะใช้เหล้าพิษหนึ่งแก้วยืมมือกู้อ้าวเวยเพื่อหยุดเรื่องพวกนี้”
“ใช่ พอเพียงในโลกนี้ไม่มีวิธีลวงโลก ก็จะไม่มีคนลืมตัวแล้วไปคาดหวังอะไรที่เป็นไปไม่ได้”
ฮองเฮายกมือขึ้นจับผ้าบางแนบอกแน่น ดวงตาเบิดโต เรียกนางกำนัลที่อยู่ด้านนอกกำลังจะเข้ามารับใช้ให้ออกไปอีกครั้ง
เมื่อได้คำตอบแล้ว ซ่านจินจื๋อค่อยหันไปมองตงฟางซวนเอ๋อ พร้อมพูดว่า “เจ้าร่วมมือกับคนตำบลเหยสุ่ย คิดอยากจะฆ่ากู้อ้าวเวย กลับไว้ชีวิตนางระหว่างทาง เพื่ออะไรหรือ?”
“เพราะตระกูลตงฟางกับคนตำบลเหยสุ่ย ไม่ยอมเป็นแพะรับบาปให้กับฮ่องเต้”ตงฟางซวนเอ๋อตะโกนพูดขึ้นว่า “ทำไมเขาจะต้องเอาตำแหน่งฮ่องเต้ยกให้กับคนอื่น แล้วไปเสพสุขอยู่คนเดียว และเอาเลือดของคนตระกูลตงฟางกับตำบลเหยสุ่ยมาเซ่นไหว้ ตอนนี้ถึงแม้พวกเจ้าจะรู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่สามารถเรียกอะไรกับขึ้นมาได้แล้ว”
นางหัวเราะขึ้นมาอย่างคนบ้า ภายในดวงตาสีขาวเต็มไปด้วยเส้นเลือด
“เจ้าไม่ให้ข้าสู้ งั้นก็ไปเป็นศพร่วมกับพวกเราเถอะ”
“ให้หมื่นขุนเขาและสายน้ำนี้ ไปยมโลกด้วยกัน”