บทที่ 1084 ความหายนะพันปี
“ในเมื่อท่านอ๋องสามารถพูดจาทรยศขนาดนี้ออกมาได้ ก็คงเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว”
ฮองเฮาถอนหายใจด้วยสีหน้าขาวซีด ดูเหมือนจะคร่ำครวญถึงความเป็นพี่น้องกัน แต่ก็แค่นั่นแหละ หรืออาจจะถอนหายใจเพราะราชวงศ์เอาแต่ใจจนถึงเพียงนี้ ต่อให้ไม่มีขุนนางออกโรงสักคน ก็เหมือนกับว่าสายเลือดของครอบครัวราชวงศ์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ตอนนั้นตอนที่กู้เฉิงยังเป็นขุนนาง สามารถพูดได้ว่าสงบสุขไปทั่วทุกหนทุกแห่งจริงๆ
ไม่มีคู่ต่อสู้แล้ว ราชสำนักได้กลายเป็นสิ่งของเล่นภายใต้อำนาจจักรวรรดิ
นางเอนพิงเก้าอี้อยู่อย่างเกียจคร้าน เงยหน้ามองดูพร้อมพูดว่า “ข้าเป็นถึงราชินีของจักรพรรดิ ตอนนี้กลับไร้ที่พึ่ง ตกที่นั่งกลายเป็นหุ้นเชิดแบบนี้ ยากที่จะรับได้ รอเมื่อพวกเจ้ายึดเมืองได้สำเร็จ ข้าคงต้องตายอย่างเดียว”
แววตาเป็นประกายระยิบระยับ นางเป็นคนที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ได้เกรงกลัวอีกต่อไปแล้ว
ตงฟางซวนเอ๋ออาเจียนออกมาเป็นเลือด อยากที่จะให้สายตาเป็นมีด บาดคนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่สนใจความเป็นความตายของคนในตระกูลให้ตาย
“พูดเช่นนี้แล้ว ฮองเฮาเนี๊ยงเนี๊ยงเลือกที่จะอยู่ข้างเสด็จพี่”
ซ่านจินจื๋อหรี่ตาลงถอนหายใจ พร้อมแฝงไปด้วยความเสียดาย
“สิ่งที่ข้าเลือก ก็คือการรักษาตำแหน่งฮองเฮานี้ไว้ให้ดี ฮ่องเต้เป็นดั่งฟ้าของข้า ประชาชนคือสถานที่ที่ข้าก้าวเดินไป ฟ้าดินสองสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ข้ายอมทิ้งไม่ได้”
นิ้วเรียวแตะที่ตรงที่วางแขน นางกำลังสองคนที่คุกเข่าไว้อยู่นานขยับตัว ล้มลงกับพื้นแล้วก็สิ้นลมหายใจ เลือดไหลออกจากคอ หัวหล่นกลิ้งไปอยู่ข้างเท้าตงฟางซวนเอ๋อ นางตกใจจนกรี๊ดร้องไม่หยุด
ทหารที่ซ่อนตัวอยู่เอาด้ายเปื้อนเลือดออกจากมือ คุกเข่าอยู่ตรงหน้าตงฟางอย่างเคารพ
ตงฟางยิ้มพูดขึ้นว่า เต็มไปด้วยความรัก
“ความคิดของท่านอ๋องแต่ล่ะคน ข้ารับรู้แล้ว หากอยากที่จะใช้โอกาสนี้เข้ามา ข้าจะให้พวกเจ้าแต่ล่ะคน หัวหล่นลงพื้น”
ดวงตาคู่งามเงยขึ้น แต่ก็เพียงแค่สั่งให้คนไล่พวกเขาออกไป
ตงฟางซวนเอ๋อถูกโยนลงพื้นอย่างไม่ใยดี ตรงหน้าอกของนางชุ่มไปด้วยเลือดสีที่นางอาเจียนออกมา ซ่านจินจื๋อยื่นมือออกไปอย่างไม่ใยดี ประคองนางขึ้นมาจากบนพื้นที่เย็นเฉียบ ไม่สนใจที่นางดิ้นรน สั่งให้นางกำนัลจัดเสื้อผ้าให้นางดีๆ แล้วไปเปลี่ยนใหม่ แต่ไม่ให้นางได้พักผ่อน
“นางไม่ช่วยเจ้า ไม่ช่วยเขา จุดประสงค์ของเจ้าประสบความสำเร็จหรือยัง?”
ตอนที่ตงฟางซวนเอ๋อถูกลากจากไป ยังไม่ลืมที่จะจ้องมองดูอย่างโกรธเคือง
ซ่านจินจื๋อยืนอยู่ตรงหน้าตำหนักฮองเฮาอยู่คนเดียว มองไปที่ผนังสีแดงและกระเบื้องสีเขียว ในใจรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย
เขาเป็นเด็กเชื่อฟังมาตั้งแต่เด็ก ได้ยินว่าภายในกำแพงสูงนี้มีภัยพิบัติใหญ่หลวง ทุกคนต่างก็เหมือนกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ กลัวว่าคนในตระกูลจะพลั้งทำอะไรไม่ถูกต้อง แล้วจะถูกเข่นฆ่ายกตระกูลและยากที่จะได้ลุกขึ้นกลับมาใหม่ คนที่อยู่ในพระราชวังต้องไม่ตกเป็นเหยื่อ แม้แต่ชีวิตและความตายก็ไม่สามารถครอบงำตนเองได้ เป็นสถานที่ที่หนาวเหน็บอย่างมาก
แต่มาถึงวันนี้ ซ่านจินจื๋อเข้าใจความรู้สึกของคนที่เป็นฮองเฮาทุกคนแล้ว
หรือเพราะหลังจากเสด็จแม่ได้เป็นไทฮาวแล้ว แววตาแบบนั้นหายไป กลายเป็นความสุขในชีวิตที่เหลือของนาง
หรืออาจเป็นเพราะ ในสายตาซู๋ฮองเฮาองค์ก่อนกระจ่างใส และความรักที่มีต่อฮ่องเต้อย่างลึกซึ้ง
วันนี้ ตงฟางฮองเฮาที่รักประชาชนเหมือนดั่งชีวิต ไม่เกรงกลัวใดๆ ต่อให้ต้องตายก็ไม่ยอมร้องรอชีวิตจากเขา ยอมที่จะตายไปกับตำแหน่งฮองเฮานี้ ต่อให้เป็นแค่หุ่นเชิด นางก็ไม่เคยยอมแพ้กับการต่อสู้
“ท่านอ๋องคิดอะไรออกหรือ?”เฉิงซานเดินเข้ามาถามขึ้น
“กำลังคิดว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ท่าทางอ่อนแอ แบกรับภูเขาและแม่น้ำนับพัน ร้อยรักพันทวีได้อย่างไร”สิ่งที่ผ่านในหัวสมองของเขา ยังคงเป็นวันที่ฝนตกบนภูเขาในวันนั้น ดวงตาที่สว่างใสคู่นั้น
อ้าวเวยของเขา ในอกของนางเต็มไปด้วยประเทศนี้ แต่กลับไม่สามารถแสร้งทำเป็นอยู่เฉยๆคนเดียวได้
เดิมเขาคิดว่า ทุกข์ที่แบกรับอยู่นี้ทั้งทุกข์ทั้งเหนื่อย ก็เพราะไม่อยากให้ได้รับความทุกข์
ตอนนี้ดูแล้ว…
“เพียงแต่นางเลือกทางเดินตรงกันข้ามกับข้าแต่แรก”มุมปากซ่านจินจื๋อยิ้มอย่างขมขื่น คิดถึงตอนที่นางกลับมาในตอนนั้น ไม่ได้มาเพื่อแก้แค้นอย่างเดียว ไม่ได้มาเพื่อญาติพี่น้อง เพียงแค่ทำตามใจปรารถนา “นางไม่ได้อยากเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ อยากเป็นนกอินทรีที่อยู่บนฟ้า เดิมข้าเป็นนกอินทรีที่อยู่บนฟ้า กลับอยากเป็นกรงนกที่เลี้ยงนกขมิ้น”
เฉิงซานฟังด้วยสีหน้าโศกเศร้า ซ่านจินจื๋อกลับยิ้มอย่างโล่งใจ รอตงฟางซวนเอ๋อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมาอยู่อย่างเงียบๆ
……
เสียงลมใต้หน้าผาดังสนั่น แต่ก็ค่อนข้างเคยชิน เห็นเป็นเรื่องปกติแล้ว
เซียวเซียวกับหยินซี่งกำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างสบาย กู้อ้าวเวยกลับนั่งอยู่ในห้องยานั้นกับกู้ซวง น้ำยาที่ขมและเข้มข้นไหลเข้าไปในกระเพาะ สะอิดสะเอียนจนกู้อ้าวเวยแทบอ้วกออกมา กู้ซวงลูบหลังให้นางเบาๆ ยังหัวเราะนาง
“อ้วกออกมาแบบนี้ คนไม่รู้จะคิดว่าเจ้าตั้งครรภ์แล้ว”
“พูดไปเรื่อย”ตอนนี้นางไม่กล้าแม้แต่แตะต้องซ่านจินจื๋อ แล้วจะท้องได้ยังไง ทำได้เพียงมองดูกู้ซวงที่แววตาเป็นประกายมีชีวิตชีวา รับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปาก แล้วดื่มซุปบัวลงไปค่อยดีขึ้นหน่อย
มองดูซุปวัวที่ดื่มจนหมดแล้ว นางก็หัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อก่อนข้ามีม้าตัวหนึ่งชื่อหยินเอ่อ ถูกกุ่ยเม่ยเอาไปขี่แล้วก็ไม่เห็นอีกแล้ว”
กู้ซวงขมวดคิ้ว นางลืมม้าสีแดงตัวนั้นไปแล้ว
“ใต้หน้าผานี้มีทางขึ้นไปบนหน้าผาเพียงทางเดียว เจ้ามั่นใจว่าเขาทำเพื่อปกป้องเจ้า ไม่ใช่การกักขังเจ้า?”กู้ซวงดึงหน้าต่างที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจมาปิดไว้แน่น คิดว่าพรุ่งนี้จะเอาตะปูมาตอกปิดตายไปเลย
นางไม่ได้พูดแบบนี้เป็นครั้งนี้แล้ว
สิ่งของใต้หน้าผานี้มีครบหมดทุกอย่าง เหมือนเป็นการเตรียมพร้อมไว้นานมากแล้ว หากจะบอกว่าเตรียมไว้เผื่อจำเป็น แล้วทำไมถึงออกแบบเหมือนห้องที่กู้อ้าวเวยเคยอยู่ขนาดนั้น แม้แต่สิ่งของก็มีวางอยู่เหมือนกัน
กู้ซวงเกิดมาในท่ามกลางกลลวง จึงค่อนข้างขี้สงสัย ขี้ระแวง
กู้อ้าวเวยกำลังตักน้ำผึ้งใส่ปาก ส่ายหัวไปมา
“ข้าก็ไม่รู้ เพียงแต่บางครั้งตอนที่เขามองข้า เหมือนอยากที่จะเอาเชือกมัดเอวข้าไว้ เพื่อเขาจะได้จูงข้าไว้อยู่ตลอดเวลา”
พูดถึงตรงนี้ ทั้งสองคนต่างก็ถูกความที่เขาเปรียบเทียบทำให้หัวเราะ
“จะว่าไปแล้ว เจ้าเอายาพิษนั่นให้เขา เขาจะฆ่าฮ่องเต้จริงๆไหม?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ”
กู้อ้าวเวยหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดปลายนิ้ว เขาประคองแก้มของเขาไว้เพียงครึ่งเดียวและหมุนม้วนกระดาษในมือ มองดูกู้ซวงพร้อมพูดว่า “ตอนนี้ที่ข้าสงสัยที่สุดก็คือ เขาจะเอาโลงน้ำแข็งมาให้ข้าได้ยังไง”
“ใช่ ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่า จะต้องนอนอยู่ในโลงน้ำแข็ง ความเป็นไปได้มีมากน้อยแค่ไหน?”กู้ซวงก็หยิบตำราเล่มหนึ่งมาอ่านดู
“มีความเป็นไปได้ทุกอย่าง ถึงแม้จางเหยียงซานจะมีพรสวรรค์ แต่จะประมาทกับเรื่องนี้ไม่ได้ ยังคงข้าก็ต้องหาวิธีที่สมบูรณ์แบบด้วยตัวเอง”กู้อ้าวเวยพูดพร้อมกับถอนหายใจ พูดขึ้นว่า “หากจะใช้เลือดเลี้ยงข้าอยู่ในโลงน้ำแข็ง ถึงแม้จะเป็นวิธีหนึ่ง แต่ข้าก็ไม่อยากให้ใครต้องมาเสียเลือด”
กู้ซวงพูดไม่ออก มองดูนางอารมณ์เสียอยู่พักหนึ่ง ค่อยพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่มีความเชื่อมั่นเลย”
ถูกพูดดักแบบนี้ กู้อ้าวเวยไอขึ้นมาอย่างเก้อเขิน มองดูแววตาเยือกเย็นคู่นั้นของกู้ซวง พร้อมพูดว่า “เจ้าเป็นตัวแทนของข้า เดิมควรที่จะเกลียดชังข้า ทำไมตอนนี้ถึงได้มาเป็นห่วงข้า”
“เพียงแค่รู้สึกว่า ความหายนะพันปี เจ้าไม่ควรที่จะต้องตายเร็วขนาดนี้”กู้ซวงพูดออกมาด้วยสีหน้าสับสน
คืนนี้ กู้อ้าวเวยหัวเราะอยู่อย่างเบิกบาน กู้ซวงกลับไม่ชอบอย่างครั้งแล้วครั้งเล่า