บทที่ 1080 บัวแดงจิ้งจอกหิมะ
“แม่บุญธรรม ทำไมท่านไม่บอกพ่อบุญธรรม บัวแดงจิ้งจอกหิมะสามารถถอนพิษในตัวได้”
หยินซี่งเอามือเท้ากระดาษ นั่งข้างกู้อ้าวเวย กู้อ้าวเวยก็นั่งมองบัวแดงจิ้งจอกหิมะที่อยู่ในหนังสืออย่างทำอะไรไม่ถูก ในโลกของนาง มันเป็นของสองสิ่ง แต่ตอนนี้มันกลับเป็นสิ่งที่หนังสือยาพูดถึง ทำให้นางตัดสินใจยากอยู่เหมือนกัน
อย่างแรก บัวแดงจิ้งจอกหิมะ เป็นหญ้าที่มีลำต้นสีแดงใบสีขาว มีสองดอกในหนึ่งก้าน ในตำราโบราณบอกว่ามันมักจะเกิดอยู่ในกลุ่มจิ้งจอกหิมะ ถ้ากินจิ้งจอกหิมะลงไป ก็จะตายทันที ทราบว่าก้านสีแดงเกิดจากเลือดของจิ้งจอกหิมะ แต่สิ่งนี้มักจะเกิดอยู่ที่ยอดเขาภูเขาเทียน หรือไม่ก็หน้าผมของภูเขาเทียน ไม่ว่าที่ไหน ก็หาเก็บยาก
แต่บัวแดงจิ้งจอกหิมะ มันตายง่าย ไม่อาจจะเอามาที่อบอุ่นได้ แล้วไม่สามารถตากแห้งทำยาได้
มีเพียงกินสดและกินยาถอนพิษอื่นๆ เท่านั้น ถึงจะได้สรรพคุณ และบัวแดงจิ้งจอกหิมะมันสามารถต่อต้านพิษส่วนใหญ่ ส่วนมากจะเอามาต่อชีวิต ถ้านางใช้ไป ก็แค่หยุดการกำเริบของพิษในตัว แล้วค่อยๆ ถอนพิษออกไป
ไม่เช่นนั้น สภาพที่พิษต่อสู้กันเองจนทำให้ร่างกายเป็นปกตินี้ ถ้าผิดสมดุลขึ้นมา ก็ตายแน่นอน และเช่นเดียวกัน วกมันก็จะทำให้ไตของนางวาย ลำบากทั้งสองทาง
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งนี้จะช่วยถอนพิษได้” และอีกอย่าง ถ้าใช้มันไป สุดท้ายก็เป็นเดิมพันที่ยิ่งใหญ่ ต้องพนันว่านางจะสามารถกำจัดพิษที่เหลือในเร็ววันและรอดตาย ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าซ่านจินจื๋อจะมีสภาพเช่นไร
ก้าวเวยขมวดคิ้ว หยินซี่งก็จับหน้าตนเอง แล้วก็เอามือไปจับหน้าของกู้อ้าวเวย พูดยิ้มว่า “หยินซี่งไม่กลัวว่าแม่บุญธรรมจะไปเสี่ยงอันตราย”
“แต่เซียวเซียวและเจ้ายังไม่ได้พบน้องชายอีกสองคน กลัวว่าจะกังวลใจ”
ก้าวเวยทำตาโต แต่ก็ขยับเข้าไปให้พวกนางจับแก้มเล่น
“ถึงข้าจะเป็นเด็ก แต่ก็รู้ว่าคนเราก็ต้องทำเพื่อนตนเองทั้งนั้น แม่บุญธรรมคือแม่บุญธรรม หยินซี่งคือหยินซี่ง เซียวเซียวก็คือเซียวเซียว แม่บุญธรรมทำเพื่อพวกเรา นั่นคือความรัก แต่ถ้าไม่รักตนเอง ก็จะถูกฟ้าดินลงโทษเอานะสิ?”
หยินซี่งคิดว่าตนเองพูดมีเหตุผล แต่ไม่รู้ว่าประโยคนี้มีคนชั่วมากมายเอาเป็นข้ออ้างเพื่อทำชั่ว
เข้าใจสิ่งที่หยินซี่งพูด กู้อ้าวเวยก็จับแก้มนาง “แต่ข้าก็ต้องดูก่อนว่ามีทางเลือกที่ปลอดภัยทั้งคู่หรือไม่”
“ใช่แล้ว คุณครูบอกว่าเตรียมการไว้ จะได้ไม่มีปัญหา” หยินซี่งก็พยักหน้า นั่งพิงกู้อ้าวเวยเปิดหนังสือไปมา
แม่ลูกสองคนนั่งหน้าโต๊ะหนังสือ ไม่นานนัก เซียวเซียวมานั่งฝึกเขียนหนังสือด้านข้างนิ่งๆ ส่วนกู้ซวงก็อ่านหนังสือการแพทย์ แล้วก็ถามความหมายกับก้าวเวยตลอด
ชีวิตใต้หุบเขามันช่างเงียบสงบเสียจริง
……
ฝั่งเมืองเทียนเหยียน ตำหนักอ๋องจิ้ง
ตงฟางซวนเอ๋อเจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ก็ยังกัดฟันลุกขึ้นมานั่งแต่งตัวที่โต๊ะเครื่องแป้ง ยอมให้คนรับใช้แต่งตัวให้นาง แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ซ่านจินจื๋อก็ยืนรอที่หลังฉากกั้น แม้แต่หวางกงกงก็ต้องยืนเหงื่อตกรออยู่ด้านนอก
ในห้องมีแต่เสียงเครื่องประดับกระทบกัน
ไม่นาน ตงฟางซวนเอ๋อก็พยุงพนักเก้าอี้เดินออกมาจากฉากกั้น ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนแทบไร้ความรู้สึก คนรับใช้ด้านข้างก็ก้มหน้าพยุงแขนทั้งสองข้างของนาง อาศัยแรงทั้งหมดของนางเดินหน้าออกไป โดยไม่สนใจว่านางจะเจ็บปวดหรือไม่
วันนี้ซ่านจินจื๋อมาในชุดสีน้ำเงินเข้ม ปักลายนกเป็ดน้ำบิน ลายเมฆไหลที่แขนเสื้อ เห็นแล้วดูหรูหรา เขาเปลี่ยนเป็นชุดหรูหราเช่นนี้ เสมือนเป็นเซียนกระบี่ที่ทะลุออกมาจากภาพวาดในยุทธภพ ในดวงตาทั้งสองไม่มีรัศมีการฆ่าฟันเลย
ค่อยๆ เดินมายังตงฟางซวนเอ๋อ “ถ้าพูดเรื่องที่เจ้าพบกู้ซวงและท่านแม่ออกมา ข้าจะให้คนตระกูลตงฟางทั้งหมดร้อยกว่าคนไปอยู่ปรโลกเป็นเพื่อนเจ้า”
พูดไปเช่นนั้น แต่ซ่านจินจื๋อก็ยื่นมือออกมาพยุงนาง ใบหน้าก็เสแสร้งแกล้งยิ้ม
ตงฟางซวนเอ๋อก็หลบสยตาไปเล็กน้อย แต่ก็เอามือออกมาจับแขนของซ่านจินจื๋อไว้ หวางกงกงที่อยู่ด้านหน้า ก็ออกไปนำทางอย่างรู้หน้าที่ ทางนี้ก็แค่เดินตามไป เหงื่อออกเต็มฝ่ามือ “เจ้าจะทำอะไรกันแน่?”
“ฮองเฮาฟื้นขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่านางจะรู้อะไรบ้าง”
ซ่านจินจื๋อยกตัวนางขึ้นเล็กน้อย ตงฟางซวนเอ๋อก็ส่งเสียงตกใจ หวางกงกงที่อยู่ด้านหน้าก็หันมามองคุณหนูใหญ่ตระกูลตงฟาง ก็ไมรู้เหมือนกันว่าคุณหนูใหญ่จะมารับโทษแบบนี้ทำไมกัน ก็รู้อยู่ว่าอ๋องจิ้งมีนิสัยไม่ดี
ตงฟางซวนเอ๋อยังเดินไม่ถึงประตูก็จะหน้าทิ่ม ซ่านจินจื๋อก็พยุงนางเหมือนถือเศษผ้ามาโยนเข้าไปในรถม้า แล้วหันไปมองหวางกงกง “ตอนนี้ตระกูลตงฟางสภาพเป็นอย่างไรบ้าง กงกงรู้หรือไม่?”
“กระหม่อมรู้ดี เรื่องวันนี้ จะไม่พูดออกไปอย่างเด็ดขาด”
หวางกงกงก็รู้ดี ว่าซ่านจินจื๋ออาจจะเป็นคนสืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป
แต่ตอนนี้เห็นตระกูลตงฟางเริ่มเสื่อมถอยลง ภายใต้สถานการณ์ว่ามีสาส์นที่กราบทูลที่กล่าวโทษเพิ่มขึ้น เกรงว่าฮองเฮาตงฟางจะอยู่ได้อีกไม่นาน ได้แต่รอฮ่องเต้มาส่งราชสารฉบับสุดท้าย คิดว่าตอนนี้น่าจะยังไม่จัดการ คงจะเป็นเพราะว่ายังหาตัวหมอเทพไม่พบ อีกด้านก็น่าจะเป็นเพราะว่าฮองเฮาถูกลอบทำร้าย และยังจำตัวนักฆ่าไม่ได้ ในใจฮ่องเต้คงรู้สึกผิด
ซ่านจินจื๋อยิ้มเบาๆ ปีนขึ้นรถม้า แล้วเห็นสภาพตงฟางซวนเอ๋ออยากจะกรีดเลือดเนื้อตนเองทั้ง ก็รีบก้มหน้าลง “ร่างกายของท่านพี่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับฮองเฮาตงฟาง”
“ข้าไม่เข้าว่าอ๋องจิ้งหมายถึงอะไร” ตงฟางซวนเอ๋อหลบสายตาไป
“ฮองเฮาตงฟางมีคนไม่กี่คนที่รู้เรื่องว่ายู่จุนและหยูนซียังอยู่” ซ่านจินจื๋อดีดนิ้ว เฉิงซานก็รีบเปิดม่านเข้าไปในรถม้า ในมือก็ถือสมุดบัญชี “หลายปีมานี้ ยาสมุนไพรที่ฮองเฮาตงฟางต้องการ มันมากกว่าตระกูลอื่นๆ ถึงสิบกว่าเท่า แต่ฮองเฮาตงฟางใช้ยาพวกนั้นไปแค่ส่วนเดียว อีกสามส่วนส่งไปให้ตำหนักไทเฮา ส่วนที่เหลือก็หายไปช่วงที่ฮูหยินอื่นๆ ไปเยี่ยมฮองเฮา”
เฉิงซานพูดช้า แต่ก็ทำให้ตงฟางซวนเอ๋อตกใจตอนที่รถม้าออกตัว ดวงตาแดงเป็นเส้นเลือด
แม้แต่เครื่องสำอางหนาๆ ก็ปกปิดความโกรธบนใบหน้านางไม่ได้ ตัวสั่นระริกกัดฟันพูดว่า “ข้าเกลียดพวกราชวงศ์ตระกูลซ่านของพวกเจ้า ก่อนหน้านี้ยังตลกอยู่ว่าอ๋องจิ้งจะไม่เป็นเหมือนคนอื่น”
“พวกเจ้าอาศัยมือของหยูนซีมาใส่อะไรลงไปในยาบำรุงของท่านพี่ กลัวว่าหยูนซีเองก็ไม่รู้ว่าตนเองนั้นเขียนตัวยาพิษเองกับมือ แต่เทียบไม่ได้กับกุ้ยมามาข้างกายท่านแม่”
ซ่านจินจื๋อหัวเราะเยาะตนเอง
ตงฟางซวนเอ๋อก็หัวเราะตามออกมา “เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?”
“ตอนที่รู้ว่าท่านแม่ไม่ใช่คนดี ก็ได้สั่งคนไปสืบเรื่องนี้” ซ่านจินจื๋อมองด้ยสายตาเย็นชา “คนที่ลงมือภายใต้สายตาของฮ่องเต้ได้ มีเพียงฮองเฮา และไทเฮา”
“เจ้าไม่สงสัยฮองเฮาหรือ?”
“แล้วทำไมเจ้าต้องไปเข้าหาไทเฮา แล้วร่วมมือกับคนอื่นเพื่อฆ่าฮองเฮาเล่า?”
คำพูดของซ่านจินจื๋อเสมือนสายฟ้าฟาดลงในใจของตงฟางซวนเอ๋อ