บทที่ 1063 ใบสั่งยาจริงและเท็จ
“ตงฟางซวนเอ๋อ?”
กู้อ้าวเวยมองดูกุ่ยเม่ยอย่างไม่เข้าใจ หลังจากถามชื่อนี้กลับแล้วก็หัวเราะพูดขึ้นว่า “ถึงแม้นางจากมีตำแหน่งเป็นสนมคนหนึ่งของซ่านจินจื๋อ แต่ยังไงก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์เหมือนสามีภรรยา ทำไมเจ้าจะต้องโกรธเพราะเรื่องนี้? หรือว่าตงฟางซวนเอ๋อทำอะไรกับซ่านจินจื๋อหรือ?”
ฟังนางพูดเช่นนี้ กุ่ยเม่ยรู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ พูดอะไรไม่ออกอยู่ตั้งนาน
เขาไม่ได้มีความหมายเช่นจริงๆ
จางเหยียงซานที่ตำยาอยู่ด้านข้างกลับถอนหายใจอย่างหนักแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าเริ่มพูดอ้อมค้อมอีกแล้ว คิดว่ากุ่ยเม่ยโง่จริงๆหรือ?”
ครั้งนี้กลับเป็นกู้อ้าวเวยเองที่พูดอะไรไม่ออก เมื่อทานอิ่มดื่มพอแล้ว ค่อยได้ยินเสียงฉิงยีด้านนอกประตู พูดว่าตอนนี้ตงฟางซวนเอ๋อพ้นขีดอันตรายแล้ว และยังพูดอีกว่าซ่านจินจื๋อให้กักบริเวณสำนึกผิด อะไรประมาณนี้ พูดถึงตงฟางซวนเอ๋ออยู่ไม่กี่ประโยค
สีหน้ากุ่ยเม่ยมืดมนทันที บอกว่าตงฟางซวนเอ๋อคนนี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย ที่กล้าทำเรื่องแบบนี้ภายใต้สายตาของท่านอ๋อง กู้อ้าวเวยถือว่ากุ่ยเม่ยโกรธแทนตนเองที่เป็นน้องบุญธรรม ถึงได้มีคำพูดเหมือนดั่งเมื่อกี้
แต่ว่าประโยคที่พูดต่อด้านหลัง ค่อนข้างแฝงไปด้วยการพูดอ้อมค้อมจริง
ซ่านจินจื๋อเดินจากไปอย่างไม่พูดอะไรสักคำ นางแค่อยากแกล้งเขา ไม่ได้มีความหมายอะไรมากกว่านั้น
ตอนนี้ภายในใจยังคงคิดไม่เข้าใจ กว่าจะหาเจอสิ่งที่สงสัย ยังไงก็ต้องถาม
“ร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ตอนเองมีวิธีรักษาไหม” จางเหยียงซานถาม
เมื่อได้สติกลับมา เมื่อกี้กู้อ้าวเวยก็ได้จับดูชีพจรของตัวเองแล้ว ตอนนี้จึงทำได้เพียงเตียงแล้วก็ส่ายหัวพูดขึ้นอย่างจนใจว่า “ร่างกายขนาดนี้อยากที่จะฟื้นขึ้นมาเหมือนเกิดใหม่อีกครั้งนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ มีเพียงค่อยๆรักษาอาจจะยังมีความหวัง”
“แต่หากค่อยๆรักษา ร่างกายของเจ้าอาจจะทนไม่ได้ถึงหนึ่งปี เวลามีไม่ค่อยมาก” จางเหยียงซานเอาใบสั่งยามากมายที่ตนเองเสาะหามาได้ออกมา เหมือนอยากที่จะเอามาลองบนร่างกายของกู้อ้าวเวย
แต่ยาปรับสภาพเรื้อรังพวกนี้ ระยะเวลามีนานถึงห้าปีแปดปี สั้นที่สุดก็ต้องภายในสามปี ต่อให้เป็นการรักษาเพื่อต่อชีวิต แต่ร่างกายที่ย่ำแย่นี้ยังไงก็อยู่ได้ไม่ถึงสองปีครึ่ง
กู้อ้าวเวยกลับกระพริบตาแล้วพูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “ที่จริงข้าคิดว่าข้าโชคดีแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไร?” จางเหยียงซานรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“โลงศพน้ำแข็งที่คนรักของฮ่องเต้ใช้ สามารถเก็บรักษาข้าไว้ได้อย่างเนิ่นนาน นอกจากนี้ ข้าได้กลิ่นเลือดเป็นรสหวาน บางทีการดื่มเลือดก็เป็นการต่อชีวิตอย่างหนึ่ง แต่เมื่อคิดถึงนิสัยความเคยชินของจุ้ยเวี่ยน เกรงว่าหลังจากที่ข้าดื่มเลือด ก็จะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา” กู้อ้าวเวยพูดเสร็จอย่างรวดเร็ว สุดท้ายได้บทสรุปว่า “วิธีที่ข้าคิดก่อนหน้านี้ ก็คือดื่มเลือดนิดหน่อยแล้วก็นอนหลับไป จากนั้นก็เอาตัวเองไปไว้ในโลงศพน้ำแข็ง รอให้เจ้ามาช่วยรักษาข้า รอจนสามารถถอนพิษให้ข้าได้ แบบนี้มีความเป็นไปได้มากกว่า”
สีหน้ากุ่ยเม่ยค่อยดีขึ้นหน่อย จางเหยียงซานในฐานะที่เป็นหมอกลับรู้ดีถึงสำคัญในนั้นดี
“ปิดผนึกในโลงน้ำแข็ง จะต้องอาศัยยาเพื่อต่อชีวิตเพียงอย่างเดียวถึงจะไม่ตาย”
“และหากอยากออกมาจากโลงน้ำแข็งนั่น ไม่ต้องเหมือนกับยู่จุนที่มีโรคเดิมอยู่แล้วชะลออาการได้อย่างที่เจ้าพูดนั้น จุ้ยเวี่ยนที่อยู่ในกายเจ้าเดิมเจริญเติบโตอยู่บนหุบเขาน้ำแข็ง แค่โลงน้ำแข็งสามารถแช่มันได้นานแค่ไหน อย่าว่าชะลออาการเลย กลัวว่าจะต้องใช้เลือดเป็นยาในการรักษาทุกวัน ถึงจะสามารถถอนพิษแล้วฟื้นขึ้นมาได้”
“หากไม่มีหนทางถอนพิษ” ก็จะไม่สามารถปลุกเจ้าให้ฟื้นขึ้นมาได้ หลังจากสามปี เจ้าก็สามารถฝั่งไปพร้อมกับโลงน้ำแข็งนั้นได้เลย
จางเหยียงซานบอกเหตุและผลนั้นออก กุ่ยเม่ยที่ฟังอยู่ด้านข้างฟังอยู่อย่างหวาดกลัวจนใจเต้นรัว
ต่อให้ส่งเลือดไปให้ทีละหยดทุกวัน ก็จะต้องเปิดบาดแผลบนตัวทุกครั้ง และการพนันตลอดสามปีนี้ ความสำเร็จที่มองเห็นก็แทบจะน้อยมาก เขายังพูดอีกว่า “ทำไมเจ้าถึงได้คิดถึงวิธีเช่นนี้?”
“การรักสาแบบของจางเหยียงซานถึงแม้จะดี แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่ เมื่อนับการรักษาใช้เวลาสามปีห้าปีแปดปี แต่ความจริงแล้วก็ต้องมีการทดลองยาอย่างน้อยก็ต้องครึ่งปีถึงจะรู้ว่าอันไหนเหมาะสมที่สุด” กู้อ้าวเวยพยุงตัวขึ้นมาจากบนเตียงแล้วก็ยิ้มพูดอย่างขมขื่นว่า “ก่อนหน้านี้ข้าก็เตรียมพร้อมที่จะพักรักษาโดยดี แต่ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เริ่มการรักษาที่ดีที่สุดไปแล้ว”
คิดใคร่ครวญวางแผนเสียอย่างแยบยลดิบดี แต่นางจะคิดได้อย่างไรว่าตนเองสูญเสียความทรงจำไปแล้วส่วนหนึ่ง
นอกจากนี้ต้นฉบับที่เหลือ นางก็อ่านไปเรื่อยๆเพราะนางไม่วางใจคนอื่น ไม่คิดเลยว่าตนเองสูญเสียความทรงจำไปก็ถูกปิดบังไป
ตอนนี้อยู่ต่อหน้าจางเหยียงซานกับกุ่ยเม่ย นางพูดออกมาตรงๆอย่างไม่ปิดบังว่า
“ความจริงข้าความจำเสื่อม สูตรยาอายุวัฒนะเป็นการดูมาจากต้นฉบับ และต้นฉบับนั้นก็ถูกทำลายจนเสียหาย….” กู้อ้าวเวยจับหน้าตัวเองอย่างรู้สึกผิด แล้วพูดว่า “ยังไงข้าก็ไม่กล้าเชื่อใจอ้ายจือกับยู่จือ เพราะฉะนั้นสูตรยาบนต้นฉบับนั้น ล้วนเป็นของปลอม และตั้งแต่เริ่มแรก ตารางมีรูปร่างเป็นอย่างไรล้วนเป็นข้าจินตนาการเอง ตารางที่แท้จริงขอเพียงมีน้ำไหลกับกลไกง่ายๆก็พอแล้ว”
ตกอยู่ในภาวะเงียบสงบสักพัก
กุ่ยเม่ยกับจางเหยียงซานต่างมองหน้ากันอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายจางเหยียงซานแอบด่าขึ้นมาหนึ่งประโยคว่า เวรกรรมที่ก่อขึ้นมาเองไม่มีทางหนีพ้น แล้วก็จากไปอย่างโมโห
ก็ไม่รู้ว่าความไม่ได้ตั้งใจของนางที่ความจำเสื่อมแล้วทำให้พลาดช่วงเวลาการรักษาที่ดีไป หรือโทษทีนางเจ้าเล่ห์เพทุบาย ทำร้ายผู้คนอย่างที่สุด
กุ่ยเม่ยพูดขึ้นด้วยท่าทียากที่จะพูดว่า “แล้วทำไมตอนนั้นเจ้าถึงไม่บอกข้า?”
“อย่างแรกเจ้าไม่มีความรู้ทางการแพทย์ อย่างที่สองข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าตนเองจะสูญเสียความทรงจำ”
ไหล่ของกู้อ้าวเวยหดลง นิ้วมือก็กำมุมผ้าห่มไว้อย่างไม่สบายใจ
กุ่ยเม่ยนวดขมับอย่างปวดหัวแล้วก็พูดว่า “แล้วสูตรยาที่แท้จริงคืออะไร?”
“พิษรากถุงน้ำดีหงส์ บวกกับจุ้ยเวี่ยน ตัวยาสุดท้ายคือช่ออี้จื่อกับชุ่นสาว ชุ่นสาวนั้นเป็นเพียง ยาสมุนไพรธรรมดา แต่มีฤทธิ์กดเช่ออี้จื่อ ดังนั้นต่อมาสูตรยาที่ข้าให้ซ่านจินจื๋อกับซ่านเซิ่งหาน ไม่ได้เขียนช่ออี้จื่อกับชุ่นสาว ส่วนพิษรากถุงน้ำดีหงส์อยู่ในร่างกายของข้ามาโดยตลอด ดังนั้นข้าจึงไม่ได้เขียนไว้ให้”
กู้อ้าวเวยไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี ตอนนี้ซ่านต้วนโฉงคิดว่าสูตรยานั้นเป็นของจริง และก็ได้ลงมือดำเนินการแล้ว
งั้นนางก็กลายเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าปองร้ายกษัตริย์
กุ่ยเม่ยสูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที ไม่รู้ว่าควรที่จะดีใจกับสูตรยาปลอมที่นางให้ในก่อนหน้านี้ หรือปาดเหงื่อแทนท่านอ๋อง สุดท้ายจึงพูดเพียงประโยคเดียวว่า “เจ้าไปพูดกับท่านอ๋องเองเถอะ”
“พูดก็พูดสิ ข้าไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย” กู้อ้าวเวยเบ้ปาก ในใจยังคงค่อนข้างไม่สบายใจ
นางทุบหม้อข้าวตนเองไปแล้วอย่างรุนแรง
พูดไปแล้วก็น่าอับอายยิ่งนัก
……
ส่วนภายในร้านในตอนนี้ ซ่านเซิ่งหานต้องใช้กำลังอย่างระมัดระวังเพื่อทำให้โต๊ะนี้มีความเสถียรภาพ
เสด็จอาตรงหน้าในตอนนี้สายตาประกายไปด้วยเส้นเลือด นิ้วมือขาวซีด เหมือนดั่งอรหันต์ที่เพิ่งคลานออกมาจากยมโลก ทำให้ไม่อยากที่จะมองตาเขา แต่ซ่านเซิ่งหานกลับมองดูเขาภายใต้ความกดดันมากมาย แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “แสดงอาพาคนไปแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ใช่หรือ?” ซ่านจินจื๋อยักคิ้วมอง ดาบยาวในมือถูกออกแรงเพิ่มอยู่ไม่น้อย
ซ่านเซิ่งหานเองก็ค่อนข้างออกแรง โต๊ะส่งเสียงดังเอี๊ยดภายใต้การต่อสู้ของทั้งสองคน
หน้าผากซ่านเซิ่งหานมีเหงื่อผุดขึ้น ค่อยสามารถรับมือกับซ่านจินจื๋อได้บ้าง
“หากเจ้าไม่ได้ซ่อนตัวเวยเอ๋อ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้าพาตัวนางไปแล้ว?”