บทที่ 1095 นั่นคือการไม่ขัน
ฝีมือคล่องแคล่ว ดูไม่ออกเลยว่าคนนี้เป็นอ๋องจิ้ง ผู้ที่น่าเกรงกลัวที่สุดในเมืองเทียนเหยียน
ซ่านจินจื๋อเอามือชุบลงไปในน้ำ ใช้กำลังภายในทำให้น้ำอยู่ในอุณหภูมิที่อุ่น ผ้าขนหนูร้อนชื้นคลุมไว้บนขาที่เยือกเย็นเพราะอากาศหนาว บนผ้าขนหนูที่ชุบน้ำอุ่น กู้อ้าวเวยยังคงสัมผัสได้ถึงแรงของมือคู่นั้น
เสียงกระทบบนหลังคาดังสนั่น กู้อ้าวเวยพิงอยู่ด้านข้างเตียง ครุ่นคิดแล้วก็ไม่มีอะไรที่สามารถคุยกันได้ สัมผัสได้ถึงความเงียบสงบ แล้วก็ทำให้นางค่อนข้างแปลกใจ
“ปกติหากพวกเราไม่คุยอะไรกันจริงจัง แล้วทำอะไรกัน?” นางถามสิ่งที่สงสัยออกมา
“ส่วนมากแล้วต่างคนต่างก็ทำงานของตนเอง”
เวลานี้ซ่านจินจื๋อก็เงยหน้าขึ้นมา มองดูกู้อ้าวเวยอย่างสนใจ และทำท่าทีอยากมีทำอะไรสักอย่าง รู้ว่านางกำลังคิดอยู่ว่าความสัมพันธ์แบบนี้ผิดหรือถูก หรือไม่ก็กำลังคิดว่าหากเรื่องพวกนี้จบลงแล้ว นางควรที่จะทำอย่างไรต่อ
มองดูแค่แว๊บเดียว กู้อ้าวเวยก็รู้แล้วว่าซ่านจินจื๋อเข้าใจในสิ่งที่ตนเป็นกังวล ยกขาขึ้นมา กลับถูกฝ่ามือใหญ่อันอบอุ่นกดลงไปใหม่ ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วพูดกับนางว่า “นอกจากอ่านตำราแพทย์แล้ว เจ้าก็ชอบทานพวกของหวาน แม้แต่ทานข้าวก็มูมมามเหมือนกลัวคนอื่นจะแย่ง”
กู้อ้าวเวยโกรธจัด มองดูเขาพร้อมพูดว่า “เจ้าล่ะ? ปกติหากไม่มีงานราชการ เจ้าทำอะไรบ้าง?”
ครั้งนี้กลายเป็นซ่านจินจื๋อที่เงียบ
กับซูพ่านเอ๋อในตอนนั้น กับกู้อ้าวเวยในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขาต่างก็แทบจะไม่ได้ผ่อนคลายเลย เขาไม่ชอบไปฟังดนตรีร้องละครในโรงโสเภณี และไม่ชอบท่องบทกวี จึงไม่รู้จะตอบอย่างไรในทันใด
ลมด้านนอกประตูรุนแรงอยู่ไม่น้อย ทั้งสองคนกลับมองตากันแล้วก็หัวเราะ
ในลักษณะบางอย่าง พวกเขาก็มีอะไรเหมือนกันอยู่บ้าง
“ค่อนข้างเย็นแล้ว”กู้อ้าวเวยขยับเท้า พร้อมหัวเราะทำลายความเงียบ
ซ่านจินจื๋อเปลี่ยนผ้าผืนใหม่มาคลุมไว้อย่างคล้อยตาม คิดถึงตอนที่กู้อ้าวเวยเคยคุกเข่าลงท่ามกลางหิมะต่อหน้าเขา หิมะและลมเยือกเย็นกระทบแก้มของนาง สุดท้ายก็เกาะอยู่ที่ขนตาบางยาว ทำให้เขารู้สึกผิดทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ และก็เสียใจอย่างที่สุด
กู้อ้าวเวยไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ ตัวเขาเองกลับโทษตัวเอง
“ต่อไป เจ้าอยากที่จะไปท่องยุทธภพพร้อมกับข้าไหม?” ซ่านจินจื๋อพูดขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก พร้อมหัวเราะพูดว่า “คนในยุทธภพมีอิสระและเรียบง่าย คนมีคุณธรรมมีมากมาย เจ้ากับข้าไม่มีงานอดิเรกอะไร ไม่ต้องไปยุ่งกับเรื่องเหลวไหลของพวกเขา ยังดีที่พวกเรายังค่อนข้างมีปัญญาให้ใช้ได้อยู่”
ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดพวกนี้จากปากซ่านจินจื๋อ
นี่เหมือนไม่ใช่ซ่านจินจื๋อที่นางรู้จัก
“ยุทธภพก็ไม่เลว เพียงแต่เจ้าสามารถทิ้งได้ลงหรือ?” องค์หญิงแคว้นเอ่อตานตายแล้ว ชางหลานอ๋องจิ้งยังมีชีวิตดีอยู่
นางยังพูดถึงเรื่องนี้ต่อ ปล่อยให้ซ่านจินจื๋อบีบนวดเสร็จ แล้วก็ช่วยเช็ดเท้าทั้งคู่ของนางจนแห้ง จากนั้นก็เอานางยัดเข้าไปใต้ผ้าห่มอุ่นๆ ยังยัดเตาอังเท้าเข้าไปสองอันเพื่ออบอุ่นเท้าอย่างเป็นห่วง
“งั้นข้าอยู่ในเมืองเทียนเหยียน เจ้าก็จะอยู่เป็นเพื่อนข้าหรือ?”ซ่านจินจื๋อถามขึ้นอีก
ในสายตาของเขาเหมือนซ่อนอะไรไว้
กู้อ้าวเวยลังเลสักพัก สุดท้ายแล้วก็ส่ายหัวพร้อมพูดว่า “ข้ายอมที่จะกลับมาหาเจ้าเป็นบางครั้ง แต่ไม่อยากเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว”
“เพียงแค่เจ้าสามารถกลับมาหาข้าบ้าง วันเวลาแบบนี้ก็ดูเหมือนไม่เลว”
ซ่านจินจื๋อขยับเข้ามาจุมพิตเบาๆตรงหางตาของนาง กู้อ้าวเวยหรี่ตาลงเล็กน้อย มือทั้งคู่กลับยังวางอยู่บนบ่าของเขา ยิ้มอ่อนหวานอย่างรักใคร่ กลับมองข้ามสายตามุ่งมั่นของซ่านจินจื๋อ
เมื่อได้คำตอบแล้ว
เขาก็ควรที่จะแสดงการกระทำเพื่อเรื่องนี้
แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา กู้อ้าวเวยผลักเขาออกอย่างไม่เล่นด้วย นิ้วมือยันอยู่บนอกของเขาเบาๆ พร้อมพูดว่า “อย่าเข้ามาใกล้เกิน หลายวันนี้กำลังลองยาอยู่ ไม่แน่ว่าแค่สัมผัสนิดเดียวก็อาจเป็นอันตรายได้”
“แค่แก้มก็ไม่ได้หรือ?”ซ่านจินจื๋อบีบแก้มของนางอย่างผิดหวัง พร้อมยังโอบกอดนางมาแนบอกอย่างไม่เลิกรา กู้อ้าวเวยดิ้นรนอยู่หลายที สุดท้ายก็ยังคงยอมอยู่ในอ้อมกอดของเขา ปล่อยให้ซ่านจินจื๋ออุ้มนางไว้เหมือนตุ๊กตา
อุ้มไว้อยู่เนิ่นนาน ร่างกายของนางก็เริ่มอุ่นขึ้นมา
นอนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ นางก็จำไม่ได้แล้ว
ซ่านจินจื๋อวางนางนอนราบไว้บนเตียง มองดูนิ้วมือเรียวขาวของนางที่จับเสื้อของตนไว้อย่างไม่ยอมปล่อย ท้ายสุดก็ก้มหน้าลงดวงตาเต็มไปด้วยเจ็บปวด ปลายนิ้วมือสัมผัสใบหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษของนาง แล้วก็อดไม่ได้พึมพำพูดกับตัวเองว่า “ตอนนี้ เทียบกับเจ้าที่ตากหิมะในตอนนั้น ผอมและขาวซีดกว่ามาก”
คนที่นอนหลับฝันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แต่รู้ว่าความอบอุ่นนั้นยังไม่จากไป
ตลอดหนึ่งวัน แม่ครัวช่วยทำกิจวัตรประจำวันให้กับทั้งสามคน รอเมื่อกู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมา ฝนตกปรอยๆกับลูกเห็บด้านนอกประตูกลายเป็นเกล็ดหิมะขนาดใหญ่ สายฝนที่เหมือนดั่งขนวัว ปกคลุมความมืดด้านนอกหน้าต่าง เสียงลมใต้หน้าผาดั่งกว่าปกติหลายเท่า
เดิมอยากที่จะลุกขึ้นมามองดูด้านนอกหน้าต่าง กลับถูกแขนข้างหนึ่งดึงกลับไปอย่างคาดไม่ถึง
นางร้องตกใจอยู่หนึ่งที ค่อยพบเจอคนคนนั้นยังไม่กลับไป เหมือนกลัวว่านางเข้าใจอะไรผิด จึงเพียงถอดเสื้อตัวนอกแล้วนอนอยู่ข้างๆนาง แขนอีกข้างหนึ่งยังทำหน้าที่แทนหมอนให้นางหนุน เมื่อล้มกลับไป ทั้งสองคนต่างก็ร้องครวญคราง
“ซี๊ด…” ซ่านจินจื๋อกลั้นลมหายใจ มองดูนางด้วยท่าทีน่าสงสาร พร้อมพูดขึ้นว่า “แขนชาหมดแล้ว นวดให้หน่อย?”
“ไม่สมควรแล้วหรือ?”กู้อ้าวเวยพลิกตัวไปนอนเกาะอยู่ด้านข้างเขา หลีกเลี่ยงแขนของเขา แล้วก็ดึงหมอนของตนเองมาหนุน มองดูสีหน้าท่าทีหงิกงอของเขา แล้วก็ ไปแตะต้องแขนของเขาที่ชาจนค่อนข้างเขียวอย่างตั้งใจ
สีหน้าซ่านจินจื๋อยิ่งย่ำแย่ นางกลับอดหัวเราะไม่ได้ แล้วก็ยื่นมือไปช่วยนวดให้เขาอย่างว่าง่าย
ผู้ชายเองก็นอนตะแคงมา ยืดแขนโอบเอวของนางไว้อย่างตามอำเภอใจ ถูกสายตางัวเงียของภรรยาเหลือบมอง ทำให้เขาอดหัวเราะไม่ได้ กลับยิ่งกอดนางไว้แน่น พร้อมพูดว่า “เจ้ายิ่งอยู่ก็ยิ่งผอม จะเหลือแต่กระดูกอยู่แล้ว”
“พูดจาอะไรไปเรื่อย ข้ายังหายใจได้อยู่นะ”กู้อ้าวเวยดึงคอเสื้อของเขา พร้อมเป่าพ่นไปเย็นใส่เขา เพราะรูเล็กเกินไป ไปเย็นจึงตีกลับมา ทั้งสองคนจึงต่างก็หนาวจนสั่น
คราวนี้ กู้อ้าวเวยก็ไม่กล้าล้อเล่นแล้ว หดกลับเข้าไปใต้ผ้าห่ม พร้อมเหลือกตาใส่เขา
“เจ้าเป่าเองคนเดียว โทษข้าได้ไง?”ซ่านจินจื๋ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“ข้าก็คิดว่าเสด็จอ๋องจิ้งจะสามารถทำให้ลมหายใจของข้าอุ่นเสียอีก”
กู้อ้าวเวยเลียริมฝีปาก เมื่อมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของดวงตาคู่นั้นแล้วจึงค่อยเข้าใจ รีบยกมือปิดปากเขาไว้ พร้อมส่ายหัวพูดว่า “ทนต่อความยั่วยวนไม่ได้”
“หากทนต่อความยั่วยวนของภรรยาได้ เขาเรียกว่าไม่ขัน”แววตาซ่านจินจื๋อโหดเหี้ยม ดึงข้อมือของนางออก มองดูริมฝีปากอ่อนนุ่มคู่นั้นแล้วก็ประคบลงไป เมื่อริมฝีปากกระทบกัน น้ำตากู้อ้าวเวยก็ไหลออกมา ซ่านจินจื๋อเอามือประคองท้ายทอยของนางไว้ เพื่อไม่ให้ชนกับกำแพง แล้วก็ยิ่งจูบอย่างลึกซึ้ง
จนกู้อ้าวเวยหายใจไม่ออก ค่อยผ่อนลง มองดูใบหน้าแดงระเรื่อของหญิงงามอย่างชื่นชม ซ่านจินจื๋อยิ่งเลียริมฝีปากของตนเอง แล้วก็ถูกกำปั้นหญิงงามทุบตรงหน้าอกอย่างเอียงอายสองที
“คนกะล่อน”กู้อ้าวเวยหันหน้าหนี
“ไม่มีเหตุผลที่คนเฉยชาอย่างหยวนเอ๋อ ยังสามารถทำให้แม่มีความสุขได้ ข้าทำบ้างไม่ได้หรือ?”