บทที่ 1097 ดูแลตัวเองให้ดี
“เจ้าไม่ควรไปหานางในเวลานี้”
ซ่านเซิ่งหานที่ไม่ควรปรากฎตัวอยู่ที่นี่ กำลังยืนอยู่ข้างสวนดอกไม้ เขาสวมชุดสีขาวเหมือนบัณฑิต บนไหล่และศีรษะเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ เยว่ยืนอยู่ด้านข้างกายเขา เขาก้มหน้าก้มตาเงียบไม่พูดอะไร
ซ่านจินจื๋อมองดูอยู่อย่างเย็นชา คนที่ตามหลังเขามาคนนั้นถูกดาบฟันคอจนขาด เลือดสดกระเด็นไหลออกมา
ทั้งสองคนต่างก็ไม่ถูกภาพอนาถนี้รบกวน เฉิงซานชักดาบออกมา มองดูคนทรยศหักหลังคนนั้น สั่นไหวเหมือนหุ่นเชิด ล้มตกลงไปในกองหิมะกับดินสกปรก ดาบเปื้อนเลือดสลัดกลับเข้าไปในฝัก
“เจ้าปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ในเวลานี้ บังเอิญเกินไปไหม”
สายตาซ่านจินจื๋อไม่มีความอคติเลยแม้แต่นิด เดินเข้ามาหาอย่างเป็นมิตร มองดูซ่านเซิ่งหานที่เคยพากู้อ้าวเวยเข้าสู่สนามรบตรงหน้าคนนี้ พร้อมพูดขึ้นด้วยแววตาเย็นชาว่า “เจ้ากับคนตำบลเหยสุ่ยรวมตัวกันอยู่ที่นี่ เจ้าไม่กลัวข้าฆ่าเจ้าทิ้งที่นี่หรือ?”
“กู้อ้าวเวยเชื่อใจข้า ข้าก็ต้องเชื่อใจเจ้าอยู่แล้ว” ซ่านเซิ่งหานหยุดไปสักพัก ค่อยพูดต่อว่า “ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ลงมือฆ่าข้าจริงๆหรอก”
ลมหิมะทำให้มองไม่เห็นสายตาซับซ้อนของทั้งสองคน
รอเมื่อลมหิมะค่อยๆจางหายไป ก็มองไม่เห็นเงาของซ่านเซิ่งหานกับเยว่แล้ว แต่ยังมีกินหอมจางๆของครีมลอยอยู่ในอากาศ เป็นสูตรของกู้อ้าวเวย เป็นครีมที่สำนักเยียนหยู่เก๋อผลิต
“ท่านอ๋อง พวกเราจะ….”เฉิงซาน สลัดฝนหิมะที่โปรยปรายตรงหน้า
“ไม่ต้อง คนคนนี้เป็นคนตำบลเหยสุ่ย” เวลานี้ซ่านจินจื๋อค่อยหันกลับไปดูคนที่ตายอยู่ด้านหลัง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเคยพูดไว้ ห้ามโกหกนาง หยวนเอ๋อไม่มีทางที่จะมาถามหาเอาเรื่อง”
“คนตำบลเหยสุ่ยส่วนใหญ่แล้วเป็นคนอีกประเภทหนึ่งบนโลก คนคนนี้… แน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นคนตำบลเหยสุ่ย?”เฉิงซานอึ้ง
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”
ซ่านจินจื๋อมองดูอย่างเย็นชา เฉิงซานก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร
มีคนจูงม้าเดินมา ซ่านจินจื๋อกระโดดขึ้นขี่ม้า สุดท้ายเหมือนคิดอะไรได้ขึ้นมา จึงพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เฉิงซาน เทียบกับข้าแล้วอ้าวเวยสำคัญที่สุด เจ้าเข้าใจไหม?”
“เฉิงซานน้อมรับคำสั่งของท่านอ๋อง”
เฉิงซานยิ่งก้มหน้าต่ำลง ไม่รู้ทำไม หลายวันนี้ เขาค่อนข้างดูไม่ออกว่าท่านอ๋องคิดอะไรอยู่
ส่วนคำพูดประโยคนี้เขาก็จะจำขึ้นใจ ไม่กล้าหลงลืม
คนที่มาคือตัวปลอม แต่ตำแหน่งที่อยู่ของกู้อ้าวเวย กลับถูกเปิดเผยแล้ว
ซ่านจินจื๋อรีบกลับมายังเมืองเทียนเหยียน และได้สั่งให้เฉิงซานเอาเรื่องที่ตำแหน่งที่อยู่ถูกเปิดเผยไปแจ้งให้กับจวนอ๋องจงผิง เฉิงซานไปแจ้งเรื่องนี้ให้ทราบอย่างมึนงง และถูกซ่านเชียนหยวนก้นด่าอย่างหนักว่า “ปล่อยให้เสด็จพี่สามรู้เรื่องได้ยังไง เสด็จพี่สามไม่ใช่คนของเสด็จพ่อหรือ คงไม่ปล่อยนางไว้แน่ ปกติเจ้าทำงานอยู่ข้างกายเสด็จอายังไง”
เฉิงซานไม่กล้าอยู่นาน รีบหาข้ออ้างแล้วก็จากไปทันที
กลับมาถึงจวนอ๋องจิ้ง เดิมอยากที่จะหาคนย้ายกู้อ้าวเวย กลับได้รับคำสั่งจากซ่านจินจื๋อว่า “ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ ต่อให้พวกเขารู้ เวลานี้ก็ไม่มีทางทำอะไรได้”
“เฉิงซานไม่เข้าใจ”
“ยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ (ตั้งมั่นในความดีไม่เปลี่ยนแปลงไม่หลงไปในทางเลว แม้จะรู้ดีว่าจะเกิดอันตรายกับตัวเอง) นางเป็นคนแบบนี้มาตลอด ทำให้ไม่มีใครทำอะไรนางได้”
ทุกครั้งที่พูดถึงกู้อ้าวเวย บนใบหน้าของซ่านจินจื๋อล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เวลานี้ก็กำลังอมยิ้มอยู่อย่างอ่อนโยน แต่เฉิงซานกลับรู้สึกว่า เขาเหมือนคนที่ถูกครอบงำจิตใจจนยากที่จะแยกแยะจริงเท็จ
ส่วนในจวนอ๋องจงผิง กลับตกอยู่ในสภาวะสับสนอลหม่าน ไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน
ในขณะที่ซ่านเชียนหยวนได้ส่งคนไปเฝ้าอยู่ตรงสวนดอกไม้ ไว้ ทั้งเมืองเทียนเหยียนกับภายในพระราชวัง กลับเงียบสงบอย่างผิดปกติ ซ่านเชียนหยวนอยากหาโอกาสไปยังจวนอ๋องจิ้ง ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง
สามวันเต็มๆ ซ่านเชียนหยวนนำคนเฝ้าอยู่ด้านนอกสวนดอกไม้ด้วยตนเอง
ฉีหรัวนอนไม่หลับมาสามคืน ฉีหลินไปมาหาสู่ได้แค่ระหว่างสองคน แต่กุญแจประตูลับกลับถูกคนเปลี่ยนแล้ว เรื่องนี้ไม่รู้ว่าซ่านเซิ่งหานรู้เรื่องไหม จึงทำได้เพียงรอคอยไม่กล้าทำอะไรวู่วาม กลัวว่าจะเป็นตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง
แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ ในระหว่างสามวันนี้ นอกจากเรื่องช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยฤดูหนาวแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นอีก
สิ่งที่ทำลายความแปลกประหลาดนี้ เป็นข่าวอีกเรื่องหนึ่ง
เป็นเรื่องที่ท่านอ๋องน้อยจวนอ๋องจิ้งร่ำเรียนวิทยายุทธกลับมาแล้ว เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงขุนนางทั่วทั้งราชสำนักก็รู้เรื่องกันหมดแล้ว ส่วนซ่านจินจื๋อก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะปิดบังเรื่องนี้ และข่าวนี้ก็เหมือนถูกพูดออกมาจากปากซ่านเซิ่งหาน เพียงแต่มีคนจำนวนน้อยที่รู้ลึกขนาดนี้
เวลานี้ลมหิมะยังไม่หยุด ทั่วทั้งเมืองเทียนเหยียนห่อหุ้มตัวไปด้วยเสื้อผ้าสีเงิน
ด้านล่างขอบหน้าประตูมีหิมะขาวแน่นหนาสูงเกินเข่า ซ่านจินจื๋อยืนรออยู่ตรงหน้าประตูจวนอ๋องจิ้ง ด้านหลังยังมีนางกำนัลสาวใช้คนรับใช้อีกมากมาย ในที่ลับก็ยังมีอีกไม่น้อยที่คอยปกป้องอยู่อย่างลับๆ
ซ่านเชียนหยวนรู้ข่าวแล้ว ก็รีบควบขี่ม้ากลับมา
เมื่อเขามาถึง ชิงจือที่เติบโตขึ้นอย่างมาก สวมชุดนักฝึกวรยุทธตัวบาง อันหลังแบกกระบี่ค่อนข้างเล็กสั้นไว้ ยืนอยู่ด้านข้างซ่านจินจื๋อ ส่วนสาวใช้ด้านข้างก็กำลังอุ้มเด็กน้อยอายุขวบสองขวบไว้ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่านั่นก็คืออี้จื๋อที่ไม่ได้เจอนาน กำลังฝึกพูดอยู่อย่าอู้อี้
“ไม่เลว”ซ่านจินจื๋อโน้มตัวลงตบบ่าชิงจือเบาๆ
ซ่านเชียนหยวนกลับหรี่ตาลง ขี่ม้ามาแล้วพูดว่า “เสด็จอา เจ้า….”
“เรียกพี่ชาย” ซ่านจินจื๋อยกมืออุ้มชิงจือขึ้นมา แล้วยกเขาให้กับซ่านเชียนหยวน เด็กตัวน้อยค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างว่าง่ายว่า “สวัสดีพี่ชาย”
“สวัสดี….สวัสดี” ซ่านเชียนหยวนอึ้งไปสักพัก แล้วค่อยคิดถึงลำดับเครือญาติขึ้นมา รีบดึงเชือก ไม่ให้ม้าขยับ พร้อมมองดูซ่านจินจื๋อและพูดขึ้นว่า “เสด็จอา ท่านบ้าไปแล้ว ตอนนี้สถานการณ์เมืองเทียนเหยียนเป็นยังไง…..”
“ก่อนที่กุ่ยเม่ยจะจากไป ข้าก็ได้เขียนจดหมาย ให้พวกเขาพาชิงจือกับอี้จื๋อกลับมาแล้ว” ซ่านจินจื๋ออุ้มอี้จื๋อมาจากมือสาวใช้ อุ้มไว้อยู่ในอ้อมกอดแล้วหยอกเล่นอยู่สักพัก พร้อมยิ้มพูดว่า “รู้แล้วยังไง ยังไงอ้าวเวยก็อยากเจอพวกเขาไม่ใช่หรือ?”
“แต่ตอนนี้….”
“หากอ้าวเวยไม่คิดถึงชิงจือกับอี้จื๋อ ก็คงไม่รับเด็กทั้งสองคนมาเลี้ยงอีก” ซ่านจินจื๋ออุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมอก แล้วเงยหน้ามองดูซ่านเชียนหยวน พร้อมพูดว่า “หากเจ้าเป็นห่วง ชิงจือยกให้เจ้ากับฉีหรัวดูแล เป็นไง?”
“ทำไม” ชิงจือร้องพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ข้าอยากเจอท่านแม่”
ซ่านเชียนหยวนรีบกอดชิงจือไว้แน่น พร้อมกับลูบหัวเขาแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน รอหลังจากพวกเรากลับไปแล้ว ค่อยให้พี่ฉีเล่าให้เจ้าฟัง”
“แต่ข้ายังไม่ได้เจอท่านแม่…..”
“พรุ่งนี้ ข้าพาเจ้าไปหา ตอนนี้เสด็จอายังมีงานรัดตัว เกรงว่า….”ซ่านเชียนหยวนไม่อยากที่จะให้เด็กน้อยเสียใจ อีกอย่างชิงจือก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆของซ่านจินจื๋อกับกู้อ้าวเวย ตอนนี้ซ่านจินจื๋อพูดแบบนี้ เกรงว่าจะทำให้เด็กน้อยเสียใจ
และแล้ว เขายังพูดไม่ทันจบ ชิงจือก้มหน้าก็พยักหัวอย่างโศกเศร้า
เขากำลังคิดอยู่ว่าอุ้มเขากลับไปก่อน ค่อยกลับมาตกลงกับเสด็จอา กลับเห็นซ่านจินจื๋อเดินมาถึงตรงหน้าม้า ยกมือบีบจับแขนของเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “เพราะเจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆของข้ากับอ้าวเวย พวกเขาจึงจะไม่ทำร้ายเจ้า มีเพียงเจ้าไปอยู่กับพี่ชาย เขาจะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี ไม่ทำให้ท่านแม่ของเจ้าต้องเป็นห่วง”
ซ่านเชียนหยวนเบิกตาโต ไม่คิดว่ายังจะมีคนพูดกับลูกเลี้ยงของตนเองแบบนี้
แต่ชิงจือเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็กจนโต คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็รู้ความหมายในนั้นแล้ว “ท่านพ่อกับท่านแม่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย….ชิงจือจะไม่ทำให้พวกท่านต้องเป็นห่วง แต่อี้จื๋ออายุยังน้อย ให้ชิงจือพาไป….”
“ดี” ซ่านจินจื๋อพยักหัวพร้อมยกอี้จื๋อให้กับซ่านเชียนหยวน แล้วก็ขมวดคิ้วมองดูชิงจือพร้อมพูดว่า “พวกเจ้าสองคนพี่น้อง ขาดใครสักคนไม่ได้ ไม่เช่นนั้นข้ากับท่านแม่ของเจ้าจะเป็นห่วง”
“ชิงจือรู้” ชิงจือยิ้มพร้อมทุบหน้าอกตนเองและพูดว่า “ก่อนหน้านี้ในจดหมายก็ได้เคยพูดแล้ว ข้าจะดูแลน้องเป็นอย่างดี”
ซ่านจินจื๋อค่อยยิ้มหัวเราะ จับแขนของเขาไว้แล้วพูดว่า “และก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี”