บทที่ 1098 ใต้หน้าผา
“ชิงจือไม่เพียงจะปกป้องตนเองเป็นอย่างดี ยังจะปกป้องท่านแม่เป็นอย่างดีด้วย”
เด็กชายตัวเล็กทุบอกตัวเอง ดวงตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“อ้าวเวยหวังอยากให้เจ้าสุขสบายดีมากกว่า อีกหลายวันเมื่อไปเจอท่านแม่ของเจ้า ก็ถึงเวลาที่จะต้องไปดูพี่ชายกับพี่สาวของเจ้าแล้ว”
น้ำเสียงซ่านจินจื๋ออ่อนโยน พร้อมกับเอาป้ายสัญลักษณ์จวนอ๋องจิ้งมอบให้กับเขา
ป้ายสัญลักษณ์นี้ ค่อนข้างใหญ่กว่ามือของชิงจือเสียอีก เขาเก็บเข้าไปไว้ในกระเป๋าอย่างค่อนข้างหนัก
ไม่เปิดโอกาสให้ซ่านเชียนหยวนได้พูดเลย ซ่านจินจื๋อก็พูดขึ้นว่ายังมีธุระต้องไปจัดการแล้วก็จากไปเลย ซ่านเชียนหยวนอัดอั้นตันใจ สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถที่จะถามต่อหน้าเด็ก เขาจะเอาตัวกู้อ้าวเวยไปให้จริงๆหรือ และก็ยังมองเห็นสายตาโศกเศร้าของชิงจือ
ยังไงก็ยังเป็นแค่เด็ก
“ช่วงนี้เสด็จอาจตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ไม่สามารถดูแลปกป้องพวกเจ้าได้ตลอดเวลา”
ซ่านเชียนหยวนลองพูดปลอบ แล้วก็พาเด็กทั้งสองคนกลับไปยังจวนอ๋องจงผิงอย่างเชื่องช้า
อี้จื๋ออายุยังเล็ก ซ่านเชียนหยวนจึงต้องหาแม่นมมาช่วยดูแล และให้พวกองครักษ์ประจำตัวคอยดูแลปกป้อง ไม่ให้เกิดอันตราย ส่วนชิงจือห่างจากพ่อแม่แล้วก็ค่อนข้างขี้กลัว ซ่านเชียนหยวนจึงส่งเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนฉีหรัว
เมื่อเข้าไปในเรือนแล้วก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟังทุกอย่าง
แล้วก็ถูกฉีหรัวเหลือกตาใส่ พร้อมพูดว่า “ถูกคนอื่นจูงจมูกเดินอีกแล้ว”
เอามือลูบจมูกอย่างรู้สึกผิด ซ่านเชียนหยวนขยับเข้าไปใกล้พร้อมพูดจาอ่อนหวาน ฉีหรัวกลับเอาตัวชิงจือมาอุ้มไว้ แล้วเหลือกตาพูดกับเขา “ในเมื่อท่านอ๋องเชื่อฟังคำพูดของเสด็จอาขนาดนี้ ก็น่าจะควรจำได้ว่าหรัวเอ๋อร์ยังถูกกักบริเวณอยู่ ควรที่จะรักษาระยะห่างกันไว้ถึงจะดี”
นี่ช่างเป็นการโยนหินใส่เท้าตัวเองจริงๆ
ซ่านเชียนหยวนหน้าเศร้า ทำได้เพียงยืนมองดูอยู่ด้านข้างอย่างน่าสงสาร
ชิงจือนั่งอยู่ในอ้อมอกของฉีหรัวอย่างค่อนข้างเกรงใจ แต่ก็ยังถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ท่านแม่อยู่ที่ไหนหรือ?”
“พรุ่งนี้ จะให้พี่ชายของเจ้าพาเจ้าไป”
ฉีหรัวล้วงเอาน้ำมันบำรุงผิวหน้าออกมาทาแก้มให้กับชิงจือ จนชิงจือหรี่ตาลง
เมื่อเงยหน้าขึ้นมามอง ใบหน้าหล่อเหลาของซ่านเชียนหยวนก็ยื่นอยู่ตรงหน้า ลืมตาโตมองดูอยู่อย่างรอคอย การกระทำฉีหรัวหยุดชะงัก แล้วก็ตีหน้าผากของเขาอย่างเบามือหนึ่งที
“โอ๊ย หรัวเอ๋อร์ลงมือหนักจัง”
ซ่านเชียนหยวนขยับออกห่างอย่างเว่อร์เกิน บนใบหน้ากับรู้สึกเย็นๆ ฉีหรัวใช้นิ้วมือผสมน้ำมันบำรุงผิวหน้า ยังค่อนข้างมีกลิ่นหอมดอกท้อ
ชิงจือเงยหน้ามองดูทั้งสองคนอย่างจริงจัง
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว แม้แต่ฉีหรัวก็ลืมที่จะไปถามซ่านจินจื๋อให้รู้เรื่อง ตั้งใจดูแลชิงจือเป็นอย่างดี ซ่านเชียนหยวนจึงต้องเตรียมคนไปเฝ้าสวนดอกไม้อยู่ทั้งคืน พรุ่งนี้ก็จะส่งชิงจือลงไป
กลับไปกลับมา ไม่ได้หลับทั้งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น ตรงขอบฟ้ายังมีหิมะตกโปรยปราย
พวกประชาชนเมืองเทียนเหยียนต่างก็รู้ว่าปีนี้จะหนาวมาก บรรเทาสาธารณภัยหนาวจนเงินในกองคลังหมด ในใจทุกคนต่างก็หนักอึ้ง รู้สึกว่าปีใหม่นี้ใกล้เข้ามาถึงแล้ว แต่ก็ไม่เคยสงบสุขเลย หวังอยากให้ได้จุดประทัดเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ระงับความชั่วร้ายพวกนี้
อี้จื๋ออายุยังน้อย บวกกับเหน็ดเหนื่อยจากการนั่งรถม้ามา จึงต้องอยู่ในจวนให้ฉีหรัวดูแล
ทางนี้ซ่านเชียนหยวนเรียกรถม้ามา แล้วก็นั่งไปกับชิงจือ
ชิงจือมองดูด้านนอกมีหิมะตกมากมาย แม้แต่กิ่งไม้ไกลๆที่แห้งแล้วก็ถูกทับจนหักด้วยหิมะที่ตกหนัก ดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย กลับถูกซ่านเชียนหยวนดึงกลับมา พร้อมพูดว่า “อากาศหนาว เดี๋ยวค่อยดูพร้อมกับท่านแม่ของเจ้า”
ชิงจือนั่งลงด้านข้างซ่านเชียนหยวนอย่างว่าง่าย พร้อมเงยหน้ามองดู แล้วพูดว่า “ชิงจือก็อยากให้ท่านแม่ทาครีมให้กับท่านพ่อ”
ซ่านเชียนหยวนแทบหายใจไม่ทัน เพียงแค่คิดถึงท่าทีที่เสด็จถูกคนทาครีมให้ ก็ขนลุกขึ้นมาทันที เอามือลูบแขนที่ขนลุก ส่ายหัวพร้อมพูดว่า “อย่าเลยดีกว่า ท่านแม่กับท่านพ่อของเจ้าต่างก็ไม่ใช่คนอ่อนหวาน”
“อะไรคืออ่อนหวาน? เมื่อก่อนถ้ายังเคยเห็นท่านตาเขียนคิ้วให้กับท่านยาย ยังชมว่าท่านยายสวยเหมือนนางฟ้า”
ชิงจือไม่พอใจขึ้นมา
แต่ซ่านเชียนหยวน ก็นึกภาพไม่ออกว่าเสด็จกำลังเขียนคิ้วให้กับกู้อ้าวเวย
แปลกประหลาดมาก
ทั้งสองคนพูดคุยกันมาตลอดทาง เมื่อมาถึงยังสวนดอก ก็ค่อยเห็นเฉิงซานรออยู่ที่นี่นานแล้ว เมื่อเห็นชิงจือ ก็โค้งคำนับพร้อมพบว่า “ท่านอ๋องน้อย”
“สวัสดีท่านลุงเฉิงซาน”ชิงจือพูดขึ้น
เฉิงซานยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วก็โน้มตัวลงมาเปิดประตูลับ
คนที่อยู่ด้านหลังเฉิงซาน จุดตะเกียงให้สว่างอย่างชำนาญ แล้วก็พาชิงจือเข้าไปข้างใน
ซ่านเชียนหยวนกลับถูกเฉิงซานห้ามไว้
“หมายความว่ายังไง?”ซ่านเชียนหยวนมองดูอย่างเย็นชา ชิงจือรออยู่อย่างเงียบๆตรงที่ไกลออกไป
“คุณหนูใหญ่ไม่ค่อยสบาย รับการกระตุ้นจากเรื่องต่างๆไม่ได้ ขอเสด็จอ๋องจงผิงพูดจาระมัดระวังด้วย”
เฉิงซานก้มหน้าลง ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของเขา
คำพูดประโยคนี้เป็นคำเตือนจากเสด็จอา ซ่านเชียนหยวนแอบกัดฟันไว้แน่น ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน เสด็จอาก็ยังไม่ได้เอาตัวกู้อ้าวเวยกับพวกเด็กๆส่งออกไป แล้วเขาจะพูดให้กู้อ้าวเวยเป็นกังวลได้อย่างไร
“งั้นเจ้าก็บอกมาว่าเสด็จอากำลังทำอะไร”ซ่านเชียนหยวนกัดฟันพูดอย่างไม่ปล่อยมือ
“เฉิงซานไม่รู้เรื่อง เพียงแต่ท่านอ๋องไม่มีทางทำร้ายคุณหนูใหญ่แน่นอน”
ก้าวถอยหลังไปอย่างเงียบๆ เฉิงซานไม่ตั้งใจที่จะพูดตอบต่อ
ถอนหายใจอย่างหนัก เวลานี้ซ่านเชียนหยวนค่อยเดินไปข้างหน้า เดินเข้าไปในอุโมงค์อันมืดมิดนี้พร้อมกับชิงจือ ไฟน้ำมันตะเกียงอ่อนลง ซ่านเชียนหยวนจึงต้องดึงแขนเสื้อของชิงจือไว้ เพื่อไม่ให้ตกลงไป
ภายในอุโมงค์มืดเงียบสงบ จนชิงจือขนลุก ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ทำไมท่านแม่ถึงอยู่ในสถานที่แบบนี้? หรือว่าท่านพ่อไม่ดีกับท่านแม่หรือ?”
“ไม่ดีกับท่านแม่ของเจ้า ต่อไปเจ้าต้องช่วยท่านแม่ของเจ้าเฝ้าดูท่านพ่อให้ดี”
ซ่านเชียนหยวนพูดฟ้อง
ใต้หน้าผาแบบนี้บอกว่าเป็นสถานที่ซ่อนคน บอกว่าเป็นสถานที่ขังคนยังจะดีกว่า
“แน่นอน ท่านแม่พูดมาตั้งแต่ข้ายังเด็กว่าท่านพ่อเจ้าชู้ หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ชิงจือต้องช่วยเฝ้าดูให้ดี”
“คำพูดที่ท่านแม่ของเจ้าพูดตั้งแต่เจ้ายังเด็ก ยังจำได้ด้วย”
ซ่านเชียนหยวนอดหัวเราะไม่ได้ พูดคุยกับเขาเพื่อเขาจะได้ไม่ได้ยินเสียงที่เงียบสงบนี้
มีเสียงลมผ่านเข้ามาในหู ตรงหน้าค่อยๆสว่าง
ซ่านเชียนหยวนพาชิงจือออกมาจากอุโมงค์มืดมิดนี้ มองดูเรือนหลังเล็กตรงหน้าที่มีไก่อยู่หลายตัว ไม่รู้ว่าไปเอาใกล้พวกนี้มาเลี้ยงอยู่ในเรือนจำเสียงมันดังได้ยังไง เด็กสองคนยืนอยู่ข้างรั้วที่ปกคลุมไปด้วยหิมะปั้นเป็นตุ๊กตาหิมะ ส่วนใต้หลังคากู้ซวงกำลังถือเตาอังเท้าไว้
ทุกอย่างเงียบสงบ เหมือนเป็นโลกอีกใบหนึ่ง
ชิงจือ ไม่รู้จักใครสักคน จึงถอยไปยืนแอบอยู่ด้านหลังซ่านเชียนหยวน
“หยินซี่ง เซียวเซียว คนนี้คือชิงจือ ว่าแล้วพวกเจ้าควรที่จะเรียกเขาว่าน้องชาย”
ซ่านเชียนหยวนผลักเขาเบาๆ ยังพูดกับกู้ซวงว่า “นางล่ะ?”
“ป้อนอาหารนก อ่านหนังสือ เดินเหินไม่สะดวก ก็เลยเรียกข้ามาเฝ้าดูพวกเขาไม่ให้วิ่งไปไหนไกล”
กู้ซวงชี้ไปทางห้องที่อยู่ด้านหลัง
ชิงจือถูกเซียวเซียวและหยินซี่งพาไปปั้นหุ่นหิมะให้กู้อ้าวเวยดู เซียนเชียนหยวนก้าวเท้าเข้าไปในห้องก่อน ภายในห้องเต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่คนคนนั้นกลับซุกอยู่ในผ้าขนสัตว์ที่ทั้งหนาและหนัก โผล่ออกมาแค่ตาดวงตาสองดวง
“เจ้ามาได้ยังไง?”กู้อ้าวเวยไออยู่หลายที ในมือยังมีถ้วยยาร้อนๆ
“ส่งชิงจือมา เดี๋ยวเขาก็เข้ามาแล้ว”