บทที่ 1099 เรื่องราวเปลี่ยนไป
กู้อ้าวเวยเคยชินกับการเป็นคนเริ่มก่อน เบื่อหน่ายกับการเป็นคนต้องยอมรับ
แต่เมื่อรู้จากปากซ่านเชียนหยวนว่าลูกทั้งสองคนมาถึงเมืองเทียนเหยียนแล้ว นางกลับสั่งให้เขาปิดบานหน้าต่างให้มิดชิดอย่างอ่อนแรง แม้แต่เสียงพวกเด็กๆเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนานก็ถูกปิดกั้นไว้ด้านนอก
“ทำไม?”ซ่านเชียนหยวนไม่เข้าใจ
“หรือว่าข้าควรให้ชิงจือเห็นข้าในสภาพแบบนี้หรือ?”
กู้อ้าวเวยถามกลับอย่างดื้อรั้น โผล่หัวออกมาจากเสื้อผ้าฝ้ายตัวหนากับผ้าขนมิงค์ แก้มและเบ้าตาจมลึก ดวงตากลมโตก็ไม่มีสีสันสว่างไสวเหมือนเก่า กลับปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศกอย่างหนัก อาการป่วยอย่างอ่อนแรงแบบนี้ สำหรับซ่านเชียนหยวนถือเป็นเรื่องปกติ
แต่สำหรับเด็กๆแล้ว นี่เท่ากับแสดงว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว
“การหลบหนีของเจ้าในตอนนี้ แตกต่างอะไรจากเมื่อก่อน?” ซ่านเชียนหยวนก้าวเข้ามาข้างหน้าหนึ่งก้าว เอาตัวนางยัดเข้าไปในผ้าห่มเหมือนเดิม พร้อมพูดว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าจากไปโดยไม่ลาสักคำเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ตอนนี้เสด็จอาให้ชิงจือมา ก็เพื่อไม่ให้เจ้าหนีไปอีก”
“เจ้าต้องพูดกับเขาด้วยตัวเอง ไม่ใช่การหนี และก็ไม่ได้หลอกลวง”
ซ่านเชียนหยวนจ้องมองดูกู้อ้าวเวยอยู่อย่างเงียบๆ ไม่เว้นแม้แต่ความเปราะบางกับความลังเลที่ปรากฏในดวงตาของนาง แล้วก็เลียนแบบฉีหรัวซ่านจินจื๋อ พูดกับนางด้วยน้ำเสียงแข็งว่า “ไปเล่นกับพวกเขากัน ข้าประคองเจ้า”
“ฉีหรัวจะหึงเอา”
กู้อ้าวเวยหลบมือของเขา แล้วก็หยิบถ้วยยาขึ้นมาดื่มจนหมด
ถือเก้าอี้ตัวเล็กแล้วก็เดินออกไปข้างนอก ฟังเสียงเด็กๆเล่นกันอย่างสนุกสนาน นางอมยิ้ม หลังจากห่มตัวเองไว้ด้วยผ้าอุ่นๆแล้วก็ไปนั่งแทนที่กู้ซวง ยิ้มพูดกับนางว่า “ไปเล่นด้วยกันสิ ข้านั่งดูอยู่ที่นี่”
กู้ซวงมองเห็นชิงจือวิ่งก้าวเดินมา จึงเดินออกไปอย่างรู้ตัว
“ท่านแม่”
พร้อมกับเสียงร้องเรียกของชิงจือ กู้อ้าวเวยอ้าแขนรับคนที่กระโจนเข้ามากอดแนบอก เด็กหนุ่มน้อยสูงขึ้นแล้วไม่น้อย กล้ามเนื้อบนร่างกายก็แน่น และหนักขึ้นไม่น้อย
“ชิงจือสูงขึ้นอีกแล้ว ทั้งๆที่เมื่อก่อนยังเป็นเด็กเล็กอยู่เลย”
กู้อ้าวเวยประคองเขามายืนตรงหน้าอย่างดีใจ ช่วยปัดหิมะที่เกาะติดบนหัวให้เขา มองดูใบหน้าของเขาที่ไม่มีความเป็นทารกน้อยแล้ว พร้อมทั้งมองพิจารณาดูตาคิ้วของเขาอย่างละเอียด แล้วก็หัวเราะพร้อมพูดว่า “ทำไมโตมาเหมือนท่านตาเลย”
“ท่านยายก็พูดแบบนี้”ใบหน้าน้อยๆของชิงจือแดงระเรื่อ
“แม่บุญธรรมลำเอียง” หยินซี่งตะโกนร้องขึ้น กลับกระโจนเข้าไปหากู้ซวง พร้อมพูดว่า “น้าซวง บนหัวข้าก็มีหิมะ เยอะมากด้วย”
กู้ซวงปัดหิมะบนหัวให้เขาอย่างไม่รู้จะทำยังไง แล้วก็ดึงเซียวเซียวมาปัดหิมะบนตัวให้ด้วย ชิงจือจะนวดเท้าให้กับกู้อ้าวเวย กู้อ้าวเวยกลับจับหิมะขึ้นมาหนึ่งก้อนแล้วโยนใส่หน้าชิงจือ พร้อมพูดว่า “เจ้าแมวน้อย”
“ท่านแม่นิสัยไม่ดี”เซียวเซียวหัวเราะเสียงดัง จับหิมะขึ้นมาเป็นก้อน แล้วก็โยนใส่หัวชิงจือ
เด็กชายคนหนึ่งโต คนหนึ่งเล็กต่อสู้กันขึ้นมาทันใด ส่วนหยินซี่งกับกู้ซวงถือว่าซวยไปพร้อมกับปลาในบึง ต่อสู้กันชุลมุนอยู่ในเรือน
ซ่านเชียนหยวนมองดูตรงหน้าอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก กลับพอว่าไม่มีใครลงมือโยนกู้อ้าวเวย
ส่วนกู้อ้าวเวยก็ลุกขึ้นมา สะบัดหิมะตรงชายกระโปรง แววตาเย็นชา
ช่วงเวลาสั้นๆ รอบกายกู้อ้าวเวยกลายเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นจนถึงกระดูก เหมือนดั่งลมหิมะ ซ่านเชียนหยวนยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น กู้อ้าวเวยค่อยๆพ่นลมหายใจเป็นไอสีขาวออกมา พร้อมพูดว่า “ข้ารู้สึกว่าเรื่องราวไม่ถูกต้อง”
“เจ้าคิดอะไรขึ้นมาได้?”ซ่านเชียนหยวนเดินมาข้างหน้า
“ข้าเพียงแค่รู้สึกว่า ข้าสามารถทำทุกอย่างเพื่อพวกเขาได้”
กู้อ้าวเวยก้าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เดินลงบันไดเข้าใกล้พวกเด็กๆ
แววตาที่เยือกเย็นนั้นกลายเปลี่ยนเป็นลังเลกับเจ็บปวดทรมาน
มองตามสายตาของเขาไป ทันใดนั้นหูของซ่านเชียนหยวนก็ได้ยินเสียงนกหลายตัวในห้องร้องขึ้น แต่ตรงหน้าอุโมงค์ลับนั่น กลับมีทหารองครักษ์ในพระราชวังยืนอยู่นับสิบคน
ซ่านเชียนหยวนหรี่ตามองดูทุกอย่างตรงหน้า แล้วก็พูดอะไรไม่ออก
ส่วนกู้อ้าวเวยได้ดึงชิงจือกับพวกเด็กๆมาไว้ด้านหลัง กู้ซวงก็ยืนอยู่เคียงข้างนาง มองดูองครักษ์ประจำพระราชวังสองคนตรงหน้านั้นอย่างน่าขำ แล้วก็หัวเราะใส่กู้อ้าวเวย
“เสียทีที่ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดว่า เป็นเพียงแค่ข้าคิดมากไป”
ตั้งใจพูดสี่คำสุดท้ายอย่างหนักแน่น
“อี้จื๋อเข้าวังไปแล้ว” คนที่มาพูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ชายชุดดำสะดุดตายืนอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับร้อนรุ่ม มองดูกู้อ้าวเวยที่อยู่ตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง เดินมาถึงตรงหน้าของนาง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ลมหายใจที่คุ้นเคย
อ้อมกอดที่อบอุ่น
เวลานี้กลับทำให้กู้อ้าวเวย รู้สึกเพียงขยะแขยงกับน่ากลัว
ยกมือปักมือทั้งคู่ของเขาที่ยื่นมาตรงหน้า กู้อ้าวเวยเอาตัวชิงจือกับเซียวเซียวหลบไว้ด้านหลัง อย่างไม่อยากเชื่อ ภายในท้องกระอักกระอ่วนอย่างรุนแรง กลิ่นสนิมเต็มฟุ้งอยู่ในปาก
“ข้าทำเพราะหวังดีต่อเจ้า จางเหยียงซานไม่มีความชำนาญ ยู่จุนรู้วิธีการใช้โลงน้ำแข็งดียิ่งกว่าเขา”
ร่างกายของซ่านจินจื๋อแข็งทื่ออยู่กับที่ กลับไม่มีความโกรธเลยสักนิด กลับยื่นมือออกมาอย่างออดอ้อนเอาใจนาง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
“ข้อแลกเปลี่ยนล่ะ?”กู้อ้าวเวยยิ้มเยาะ
“อี้จื๋อเป็นสายเลือดระหว่างเจ้ากับข้า”
ดังนั้นเพื่อช่วยข้า เจ้าส่งอี้จื๋อไปเป็นตัวประกัน
แต่คำพูดประโยคนี้ นางไม่สามารถพูดต่อหน้าพวกเด็กๆ
หากนางไม่อยู่ ซ่านจินจื๋อก็จะเห็นแก่หน้าของนาง ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี
“อ้าวเวย เจ้าสำคัญกว่าทุกคน”
ซ่านจินจื๋อเหมือนรู้สิ่งที่นางเป็นกังวล เดินไปข้างหน้าแล้วก็ดึงนางมากอดแน่บอก ส่วนนางก็จะคำนึงถึงอนาคตของพวกเด็กเด็ก ไม่กล้าที่จะดิ้นรน มีเพียงร่างกายที่แข็งทื่อซบอยู่ในอ้อมอกของเขา
“ชิงจือ พวกเราพาท่านแม่กับพี่ชายพี่สาวของเจ้ากลับไปกัน”
พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เพียงพอที่จะทำให้พวกเด็กๆไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เหมือนพวกเขาสองคนยังรักกันอยู่ เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน
เดิมซ่านเชียนหยวนอยากที่จะกระโจนไปข้างหน้า กลับถูกกู้ซวงที่อยู่ด้านข้างดึงไว้ พร้อมกระซิบพูดขึ้นว่า “มีพวกเด็กๆอยู่ เจ้าอยากให้พวกเขารู้ว่าระหว่างอ๋องจิ้งกับกู้อ้าวเวยมีปัญหากันหรือ?”
ซ่านเชียนหยวนอึ้งอยู่กับที่เหมือนกัน
ทำได้เพียงมองดูพวกเขาพาคนไปต่อหน้าต่อตา และสิ่งที่เขาสามารถทำได้ ก็คือปกป้องกู้ซวงไว้เป็นการชั่วคราว
กู้อ้าวเวยซบอยู่ในอ้อมอกของซ่านจินจื๋อ ดมขวดเซรามิกที่เขายื่นมาให้ แล้วก็อมยิ้ม
“ข้าไม่อยากนอนหลับ”
“เจ้าอยู่ในอ้อมกอดของข้า ปลอดภัยที่สุด”
ซ่านจินจื๋อเอาขวดเซรามิกนั่นยื่นไปข้างหน้าอย่างอ่อนโยน
เดี๋ยวกลิ่นอันจืดจางนั้น แล้วกู้อ้าวเวยก็นอนหลับไป ซ่านจินจื๋อทำท่ามือให้พวกเด็กๆเงียบ แล้วก็โน้มตัวอุ้มคนที่อยู่ในอ้อมกอดขึ้นมา รู้สึกได้ถึงคนที่อยู่ในอ้อมกอดไม่มีน้ำหนักเลย ซ่านจินจื๋อจูบหน้าผากของนางอยู่ภายในรถม้า
พวกเด็กๆต่างก็กลมหน้าหัวเราะกัน
ไม่มีเด็กสักคนรู้ถึงปัญหาที่มีอยู่
ส่วนการกระทำของซ่านจินจื๋อ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งอ่อนโยน นิ้วมือสัมผัสใบหน้าของนางอยู่อย่างแผ่วเบา
“ท่านพ่อ ก็จะทาครีมให้กับท่านแม่หรือ?”
ชิงจือรีบเอาครีมที่ฉีหรัวทาแก้มให้กับตนยื่นไปให้
“อืม”ซ่านจินจื๋ออมยิ้ม แล้วก็ทาครีมบนใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยน
ชิงจือเล่าเรื่องทาครีมบนใบหน้าให้กับพี่ชายพี่สาวคนใหม่อย่างดีใจ ส่วนทั้งสายตาและหัวใจของซ่านจินจื๋อ มีเพียงกู้อ้าวเวยที่อยู่ในอ้อมกอด นิ้วมือกำแน่น จนคนในอ้อมกอดแนบชิดติดกายของตน แววตาที่บ้าคลั่งค่อยผ่อนคลายลง
พวกเขาเคยสูญเสียลูกไปคนหนึ่ง
ตอนนี้สูญเสียไปอีกคนหนึ่งก็ไม่เป็นไร
ขอเพียงกู้อ้าวเวยของเขาสบายดีก็พอ