บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 1108

ตอนที่ 1108

บทที่ 1108 ถูกด่ากราดไปทั่ว

ในช่วงเริ่มต้นหิมะของเมืองเทียนเหยียน ภัยพิบัติจากหิมะในเมืองค่อยๆคลี่คลายลง

ซ่านเชียนหยวนก็ว่างออกมาจากกองเอกสารราชการที่ส่งมาจากวังด้วย ยังได้ย้ายคนในจวนที่ค่อนข้างไว้ใจได้เฝ้าดูแลจางเหยียงซานไว้ จะซ่อนเขาไว้ในเรือนผู้หญิงหลังเล็กด้านหลังไม่ใช่เรื่องที่ดี ตนเองจึงพาคนไปยังจวนอ๋องจิ้ง

คนใช้ชายร่างกำยำหลายสิบคนตามอยู่ด้านหลัง กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้เรื่องนี้

เมื่อมาถึงด้านนอกจวนอ๋องจิ้ง ก็ถูกเฉิงเอ้อพาคนมาขัดขวางพวกเขาไว้

“เสด็จอ๋องจงผิง ช่วงนี้ท่านอ๋องของเรามีงานราชการรัดตัว เพิ่งนอนหลับพักผ่อนไปเมื่อกี้”

เป็นคำพูดที่ฟังดูดีมาก ซ่านเชียนหยวนกลับมองพิจารณาดูเฉิงเอ้อที่อยู่ตรงหน้า เด็กน้อยที่ไม่เชื่อฟังในตอนนั้น ตอนนี้ได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งของเฉิงซานแล้ว

แต่ยังไง เขาก็เทียบเฉิงซานไม่ได้

ซ่านเชียนหยวนเลิกคิ้วสูง เดินเข้าไปข้างในโดยไม่คำนึงถึงการถูกห้าม ดาบตรงเอวของเฉิงยียังไม่ทันได้ชักออกมา ดาบของซ่านเชียนหยวนก็หลุดออกจากฝ่ามือแล้ว เมื่อดาบยาวออกจากฝักก็กระทบเข้าหากัน ในขณะที่เฉิงยีอึ้งไปเพียงชั่วพริบตา ซ่านเชียนหยวนก็ต่อยจนเขาล้มกองอยู่บนพื้น มองดูเขาอย่างดูแคลน พร้อมเสียงกำหมัดแน่นดังขึ้น

“ไม่ได้ลงมือมานานหลายปี จึงไม่มีคนรู้ว่าข้าเองก็เคยผ่านสึกสนามรบมาจนโต?”

“ข้าน้อยไม่กล้า”

เฉิงยีรีบลุกขึ้นมาโค้งคำนับ แล้วก็ไม่กล้าล่วงเกินอีก

ซ่านเชียนหยวนเดินเข้าไปด้านในอย่างคุ้นเคย ต้นไม้ต้นหญ้าทุกต้นยังคงเหมือนเช่นเคย มีเพียงเรือนที่กู้อ้าวเวยเคยอาศัยอยู่ถูกทำลายจนกลายเป็นพื้นราบ มีเพียงศิลาสลักชิ้นหนึ่งกับดอกไม้ดอกหญ้า ปกติจะไม่ให้ใครได้เข้าไป กลับมีคนมาดูแลตัดหญ้าดูแลดอกไม้ทุกเดือน

นอกจากนั้น ก็มีเพียงลานชิงโยวที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่

ถึงแม้ซ่านเชียนหยวนจะไม่เห็นความงดงามภายใน แต่ก็สามารถเห็นได้ว่าลานชิงโยวนี้ไม่เข้ากันกับจวนอ๋องจิ้งที่ดูน่าเกรงขาม ส่วนสถานที่อื่นกลับดูธรรมดา มีเพียงระเบียงด้านนอกลานชิงโยวนี้ ที่แขวนเต็มไปด้วยโคมไฟ แม้แต่ระเบียงด้านข้างสระน้ำก็ถูกขุด แล้วก็ปลูกดอกบัวเต็มสระ รอดอกไม้บานในช่วงฤดูร้อนปีหน้า

ซ่านเชียนหยวนเดินคิดอยู่อย่างเหม่อลอย เขายังไม่เคยทำอะไรเพื่อฉีหรัวถึงขนาดนี้

คิดอยู่อย่างเพลินๆ แล้วก็เดินเหม่อลอย

ยังไม่ทันได้เหยียบขึ้นไปบนระเบียงนั้น ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมากมายรอบด้าน แล้วก็หลบเมื่อรับรู้ได้ถึงความอันตราย มีลูกศรขนนกบินผ่านหน้าไป พร้อมทั้งถูกทหารองครักษ์ด้านนอกระเบียงนั้นล้อมรอบอยู่เป็นชั้นๆ เหมือนเตรียมการไว้แต่แรกแล้ว

“ใครกล้าไม่ให้เกียรติท่านอ๋องของเรา?”

คนที่อยู่ด้านหลังซ่านเชียนหยวนตะโกนร้องขึ้น เมื่อพูดจบก็ถูกตบหน้าไปหนึ่งที จนเกือบตกลงไปในหนองน้ำ กลับถูกซ่านเชียนหยวนดึงขึ้นมาไว้ทัน

“เสด็จอารับแขกแบบนี้กันหรือ?”ซ่านเชียนหยวนมองตามที่ลูกศรที่ลอยบินมา แล้วก็มองเห็นซ่านจินจื๋อที่สวมเสื้อคลุมสีดำ เหมือนเพิ่งกำลังออกมาจากลานชิงโยว ด้านหลังมีองครักษ์ที่ไม่เคยเห็นหน้าถือธนูไว้ในมือ มีลูกศรอยู่บนสตริง เพ่งเล็งมาที่เขา

ซ่านจินจื๋อส่งสายตาสั่งให้คนคนนั้นวางธนูลง แล้วก็เดินมาอย่างเชื่องช้า

ทิ้งลูกน้องที่ยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงแล้ว ซ่านเชียนหยวนมองดูเขาที่กำลังเดินมาหา แล้วก็พูดขึ้นว่า “ภายใต้เท้าองค์กษัตริย์ จวนอ๋องจิ้งมีองครักษ์เฝ้าอยู่อย่างนั้นแน่น และก็ต้องป้องกันข้าที่เป็นคนรุ่นหลังถึงเพียงนี้เลยหรือ?”

“หากเจ้ายังเชื่อถือข้าที่เป็นเสด็จอา จะไม่กระทำเช่นนี้”

ซ่านจินจื๋อเดินมาหยุดตรงหน้าเขา ตบไหล่เขาราวกับตอนที่เขาอยู่ชายแดน ตอนนั้นเป็นการตบเพื่อให้เขาวางใจที่จะไปสนามรบพร้อมกับเขา ตอนนี้กลับเป็นการใช้ให้เขาจากไป

ในใจไม่พอใจ ยังไงซ่านเชียนหยวนก็ไม่สามารถปัดฝ่ามือนั้นออกไปจากไหล่ ทำได้เพียงพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร? เฉิงยีที่อยู่ด้านนอกประตูเฝ้าอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนภายในจวนก็มีลูกธนูมากๆยิงต้อนรับ รู้ทั้งรู้ว่าตอนนั้นก่อนที่ในใจเจ้ายังไม่มีนาง ข้าก็เป็นเพื่อนกับนางอยู่แล้ว ตอนนี้เสด็จอากีดกันขนาดนี้ กลัวว่าข้าจะทำร้ายนาง หรือเป็นการเปิดเผยความคิดอันหมกมุ่นไม่เหมาะสมของเจ้า?”

“ความหมกมุ่น?”

ซ่านจินจื๋อพูดทวนสองคำนี้ด้วยเสียงต่ำ ลิ้นม้วนพันกัน แล้วก็หัวเราะออกมา

ยกมือขึ้น พวกองครักษ์ที่อยู่รอบด้านต่างก็ล้อมรอบซ่านเชียนหยวนไว้ เหมือนรับรู้ได้ถึงคำพูดของซ่านจินจื๋อว่าไม่คำนึงถึงราชวงศ์อีกแล้ว ชักดาบออกจากฝัก ต่อให้ซ่านเชียนหยวนมีฝีมือการต่อสู้ที่ดี แต่ตอนนี้มีเพียงจะถูกดาบแต่ละเล่มวางอยู่บนคอเท่านั้น

มาถึงขั้นนี้แล้ว ซ่านเชียนหยวนรู้ดีว่าไม่ควรร้องเอะอ่ะโวยวาย ทำได้เพียงมองดูซ่านจินจื๋อแล้วก็สั่งองครักษ์ด้านข้างถอยออกไป

เมื่อก่อนหากสวมอยู่ในชุดดำ ซ่านจินจื๋อก็จะกลายเป็นเหมือนดั่งยมบาลอยู่ในสนามรบ การสวมชุดดำในตอนนี้ กลับเผยให้เห็นเพียงความเยือกเย็น ความอาฆาตที่พร้อมจะพุ่งไปข้างหน้าเหมือนในตอนนั้น ตอนนี้กลับเหลือเพียงความสุขุม ยิ่งทำให้ซ่านเชียนหยวนเดาใจไม่ถูก

“ทุกครั้งที่ข้าจะทำอะไร เสด็จอาก็จะมาห้ามข้าตลอด” ซ่านเชียนหยวนค่อยๆหันตัวมา แต่ดาบยาวที่อยู่บนไหล่ไม่ได้ขยับเลย จนเกือบที่จะบาดผิวหนังตรงคอของเขา จึงได้แต่ขมวดคิ้วมอง พร้อมพูดว่า “ตอนที่ข้าห้ามเจ้าไม่ให้ทำร้ายนาง ตอนนี้ข้ามีหลักฐานชัดเจน ที่มาวันนี้ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหัวสมองทื่อๆของข้าคิดไม่ผิด?”

“ในเมื่อรู้ตัวว่าสมองทื่อ ก็กลับไปเป็นอ๋องจงผิงของเจ้าให้ดีๆ”

ซ่านจินจื๋อค่อยๆเงยหน้าขึ้น พร้อมรับเอากล่องอาหารจากมือองครักษ์ที่หวนกลับมา และพูดว่า “ตอนนั้นก็คือตอนนั้น ตอนนี้ข้าปฏิบัติต่อนางดีกว่าเจ้าอยู่แล้ว”

“เจ้า”ซ่านเชียนหยวนร้องขึ้นอย่างโกรธจัด แล้วก็หยุดเพราะความเจ็บปวดที่รู้สึกมาจากคอ

ทำได้เพียงมองดูซ่านจินจื๋อถือกล่องข้าว พร้อมกับมีสาวใช้สองคนที่บนมือถือผ้าคลุมหนังจิ้งจอกดำ เดินกลับไปต่อหน้าต่อตา

ก่อนที่รอบด้านที่วางดาบลง เฉิงเอ้อเข้ามาประชิดไหล่เขา พร้อมพูดว่า “ท่านอ๋องไม่เคยส่งอาหารให้คุณหนูกู้ผิดเวลา เสด็จอ๋องจงผิงเชิญกลับไปก่อนเถอะขอรับ”

คำพูดประโยคนี้ยิ่งฟังไม่ขึ้น

ซ่านเชียนหยวนสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปทันที พวกองครักษ์ต่างก็เก็บดาบเข้าฝัก กลับเห็นคนคนนั้นเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว แล้วก็เดินหวนกลับมา จากนั้นก็ตะโกนพูดไปทางด้านลานชิงโยว เสียงดัง จนหลายคนหูอื้อว่า

“อี้จื๋ออยู่ในพระราชวัง อย่าเชื่อคำพูดของเสด็จอา”

“ท่านอ๋อง”ทุกคนพยามยามร้องพูดขึ้น เพื่อกลบคำพูดนั้นลงไป

กลับเห็นซ่านเชียนหยวนหัวเราะพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยว่า “หรัวเอ๋อร์ใช้ให้ข้ามาก่อความวุ่นวาย ในเมื่อก่อความวุ่นวายไม่ได้ ตะโกนพูดไม่กี่ประโยคคงไม่เป็นไร”

ภายในลานชิงโยว เมื่อกี้เพิ่งตื่นมาไม่นาน กู้อ้าวเวยกำลังเอนพิงอยู่บนเตียงอย่างอ่อนล้า ตอนที่ล้างหน้าล้างตาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังสนั่นขึ้นพอดี แล้วก็รีบเอามือปิดหูอี้จื๋อไว้ พร้อมทั้งอึ้งไปทันที

อี้จื๋ออยู่ที่นี่ ทำไมซ่านเชียนหยวนถึงพูดว่าอยู่ในวัง?

นางมองพิจารณาดูใบหน้าของอี้จื๋อ เจ้าเด็กน้อยกลับลืมตาทั้งคู่ขึ้น ยิ้มหัวเราะแล้วก็พลิกตัวลุกขึ้นมาหาอ้อมกอดอันอบอุ่นของกู้อ้าวเวย ปากยังร้องเรียกแม่อย่างอู้อี้

“ได้ยินไหม?”เสียงซ่านจินจื๋อดังอยู่ด้านนอกประตู

ผ้าม่านผืนหนาถูกเขาปัดขึ้นด้วยมือข้างเดียว ในมือยังถือกล่องอาหารกล่องโตไว้ ระยะห่างไกลขนาดนี้ยังได้กลิ่นหอมหวาน

“ทำไมเจ้าไม่พูดกับเขาให้เข้าใจ?”กู้อ้าวเวยอุ้มอี้จื๋อลุกขึ้นมา

ซ่านจินจื๋อจนปัญญา สั่งสาวใช้ด้านข้างอุ้มอี้จื๋อไปป้อนอาหาร แล้วเดินมาตรงข้างเตียงตักอาหาร พร้อมป้อนให้นางทานทีละช้อนด้วยตัวเอง เห็นนางร้องขอเจออี้จื๋ออย่างไม่สบายใจ จึงพูดขึ้นอย่างน่าสงสารว่า “เจ้าคิดถึงแต่อี้จื๋อ ไม่เคยคิดถึงข้าบ้างเลยหรือ?”

“พูดอะไรไปเรื่อย?”กู้อ้าวเวยพูดขึ้นด้วยเสียงตำหนิ

“เขาพูดว่าข้าส่งอี้จื๋อเข้าวังไปอย่างไร้น้ำใจไร้คุณธรรม ยังโทษว่าทำไมข้าไม่พูดกับเขาให้เข้าใจ กลับไม่รู้ว่าจวนฉีมีไส้ศึกของคนอื่นอยู่มากมาย หากมีใครได้ยินจะทำให้เสียแผนทั้งหมด” ซ่านจินจื๋อขยับเข้ามาข้างหน้า พร้อมยิ้มพูดว่า “เพื่อความปลอดภัยของพวกเจ้าสองแม่ลูก ข้ากลับถูกด่าเสียหายแบบนี้”

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท