บทที่ 1111 กำลังพอดี
เจอกันที่หอเยาเยว่ เพียงแค่สองพี่น้อง
ท้องฟ้าสดใสในฤดูหนาว แม้แต่ในห้องพิเศษชั้นสองของหอเยาเยว่ ก็ดูกว้างขวางสว่างไสว เจอกันตรงหน้าต่างยังปักไว้ด้วยกิ่งดอกเหมย บนโต๊ะเก้าอี้สลักไปด้วยภาพเทพธิดาบนสวรรค์ ไม่ประดับตกแต่งด้วยสิ่งอื่นอีก ทำให้ยิ่งดูผ่อนคลายและสง่างามมากยิ่งขึ้น
หลายวันนี้ซ่านเซิ่งหานยุ่งอยู่กับงานราชการจนเท้าแทบไม่ติดพื้น ตอนนี้ถูกซ่านเชียนหยวนเรียกออกมา ใต้ขอบตาดำคล้ำไปหมด เยว่ในฐานะที่เป็นสนมก็ไม่ได้ติดตามอยู่ทุกวัน แต่ให้เฟิงเยว่ติดตามอยู่ข้างกาย อย่างสุภาพเรียบร้อย
“วันนี้น้องสี่ตามข้ามา มีเรื่องอะไรหรือ?”ซ่านเซิ่งหานยกเหล้าดอกท้อในฤดูใบไม้ผลิขึ้นมาดื่ม ค่อยๆถอนหายใจออกมา พร้อมทั้งสั่งคนอุ่นเหล้าให้อุ่นแล้วก็ยกขึ้นใหม่
เมื่อกี้ซ่านเซิ่งหานตากหิมะหนาวเหน็บมาจากในราชสำนัก เสื้อผ้ายังไม่ทันเปลี่ยน ระหว่างคิ้วเผยให้เห็นถึงความอ่อนล้า
“เพื่อเรื่องของกู้อ้าวเวย ไม่รู้ว่าเสด็จพี่สามจะยอมช่วยเหลือไหม”
“ต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว”
เมื่อพูดเสร็จ แววตาซ่านเซิ่งหานสว่างไสวขึ้น พร้อมตอบรับอย่างยินดี
ซ่านเชียนหยวนกลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะตอบตกลงได้อย่างทันทีเช่นนี้ จึงพูดขึ้นว่า “เสด็จพี่สามไม่ถามข้าหรือว่าด้วยเรื่องอะไร?”
“ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเวลาใด เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับนาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือส่วนรวม ข้าก็ควรมีส่วนร่วม”
ซ่านเซิ่งหานวางจอกเหล้าว่างเปล่าลงบนโต๊ะอย่างแรง ความสุขุมเยือกเย็นที่มีในยามปกติ ตอนนี้กลับกลายเป็นความใจร้อนอย่างอดทนไม่ไหว
“ตอนนี้นางถูกขังอยู่ในจวนอ๋องจิ้ง สุขสบายดีหรือเปล่าไม่รู้ อยากขอให้เสด็จพี่สามช่วยไปดูให้ข้าที”
ซ่านเชียนหยวนเอามือทั้งสองประสานกันแล้วยกขึ้นในระดับหน้าอก พูดตามคำพูดของฉีหรัวออกมาทุกคำ
วิธีพูดเช่นนี้ ไม่เป็นการทำให้เกิดความบาดหมางระหว่างเสด็จพี่สามกับเสด็จอา และก็ไม่เป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเพื่ออะไร หากซ่านเซิ่งหานยังจะถามอะไรอีก เขาก็ยังมีข้ออ้างบิดเบือนคลุมเครืออีกมากมาย เสด็จพี่สามฉลาดหลักแหลม จะต้องรู้อยู่แล้วว่า คำพูดของเขานั้นบ่งบอกถึงความจริงอย่างไร
ซ่านเซิ่งหานเงียบสงบลง ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ค่อยเงยหน้าขึ้นมามองดูซ่านเชียนหยวนพร้อมพูด ว่า “น้องสี่ น่าสนใจจริงๆ”
“น่าสนใจ?”ซ่านเชียนหยวนพูดทวนขึ้น
กลับได้ยินซ่านเซิ่งหานสะบัดแขนเสื้อแล้วลุกขึ้น เอามือทั้งสองประสานกันแล้วลุกขึ้นพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ชอบน้องชายอย่างเจ้า และก็ไม่ชอบเสด็จอา ชอบเพียงนิสัยของกู้อ้าวเวย แต่เพราะว่านางไม่เคยต้องการอะไรจากข้า ขออะไร ก็แลกเปลี่ยนด้วยสิ่งของ ไม่เคยเอาความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง”
ซ่านเชียนหยวนมองดูเสด็จพี่คนนี้อย่างนิ่งงัน รู้สึกว่าลมด้านข้างเหมือนจะค่อนข้างแรงยิ่งขึ้น
กิ่งดอกเหมยในแจกันหักตกลงพื้น ถูกลมพัดมาหล่นอยู่ข้างเท้าซ่านเชียนหยวนส่วนเฟิงเยว่คนนั้น กลับโน้มตัวลงมาเก็บกิ่งไม้นี้ขึ้นมา แล้วเก็บไปไว้ที่เดิม
ซ่านเซิ่งหานจากไปอย่างไม่หันหน้ากลับมา เฟิงเยว่พูดกับซ่านเชียนหยวนอย่างเคารพนอบน้อมว่า
“ท่านอ๋องรับรู้ถึงความต้องการของคุณหนูกู้เป็นอย่างดี เดิมไม่ได้อยากที่จะแย่งคนกับใคร แต่ตอนนั้นอ๋องจิ้งรังแกเหยียดหยามคุณหนูกู้ครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้เขากลับขังคุณหนูกู้ไว้ในจวนไม่ให้ออกมา เป็นการทำให้ท่านอ๋องวางใจไม่ลง” เฟิงเยว่เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าจนใจ มองสบตากับซ่านเชียนหยวนอย่างกล้าหาญพร้อมพูดขึ้นว่า “อีกอย่าง คุณหนูกู้ก็ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรกับท่านอ๋อง เสด็จอ๋องจงผิงกับคนอื่น กลับอาศัยความรู้สึกนี้มาเรียกร้องอีก ท่านอ๋องของข้าไม่น่าสงสารหรือ”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้….”
“ไม่ว่าเสด็จอ๋องจงผิงหมายความเช่นนี้หรือไม่ ตอนนี้ท่านอ๋องของข้า ก็จะไม่ปล่อยให้เสด็จอ๋องจิ้งทำอะไรตามใจเช่นนี้อีกแล้ว ของเสด็จอ๋องจงผิงปกป้องตัวเองให้ดี อย่าได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าท่านอ๋องไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง”
สีหน้าเฟิงเยว่เย็นชา ทิ้งคำพูดประโยคนี้ไว้แล้วก็เดินตามซ่านเซิ่งหานไป
แล้วก็เหลือเพียงซ่านเชียนหยวนนั่งอยู่ในหอเยาเยว่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายคนเดียว พูดอะไรไม่ออกอยู่เนิ่นนาน
ไม่ว่าจะเป็นความรักปักใจของซ่านจินจื๋อ หรือความรับผิดชอบของซ่านเซิ่งหาน ต่างก็วางใจไม่ลง
“หรือว่าข้า…กระทำผิดอีกแล้ว?”ซ่านเชียนหยวนยังคงคิดไม่ออก
ระหว่างพวกเขาสองคน ต่างก็ต้องการหัวใจของกู้อ้าวเวย หรือต้องการตัวกู้อ้าวเวย
……
ภายในจวนอ๋องจิ้ง มีคนมารายงานเรื่องที่องค์ชายสามกับอ๋องจงผิงนัดเจอกัน
ซ่านจินจื๋อไม่ได้สนใจ กลับว่างงานราชการในมือแล้วก็ไปหากู้อ้าวเวย เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็นั่งลงพิงไฟให้ร่างกายอบอุ่นอยู่ข้างเตาไฟอย่างน่าสงสาร พูดขึ้นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ตอนนี้เชียนหยวนถึงกับไปขอร้องให้ซ่านเซิ่งหานช่วยเหลือ เพื่อพลาดเจ้าไปจากข้า”
มือกู้อ้าวเวยที่กำลังหยอกล้ออี้จื๋อหยุดชะงัก พร้อมพูดขึ้นอย่างจนใจว่า “แล้วยังไง? ตอนนี้พวกเราสองแม่ลูกปลอดภัยดี พวกลูกๆก็ถูกพวกเขาพาออกไปจากเมือง ต่อให้รู้ข่าวซึ่งกันและกันแล้วยังไง?”
“ในจดหมายของเจ้าเคยพูดถึงอี้จื๋อ หากซ่านเซิ่งหานรู้เรื่อง….”
“เขาไม่ทำ”
กู้อ้าวเวยพูดตัดคำพูดของเขา
ซ่านจินจื๋อก็โกรธจนสายตาทั้งคู่เย็นชา เฉิงยีส่งสายตาให้กับกู้อ้าวเวยก็ไม่มีประโยชน์ กู้อ้าวเวยกลับจ้องมองตาเขา เพราะพูดขึ้นว่า “โกรธอีกแล้วหรือ?”
“ข้าต่างหากที่เป็นสามีเจ้า”ซ่านจินจื๋อเดินตรงเข้ามาด้านข้างเตียงแล้วก็โอบกอดนางไว้ หิ้วอี้จื๋อขึ้นมาเหมือนไก่น้อย แล้วก็ยกให้หัวหน้าสาวใช้ด้านข้างพาออกไป พร้อมกับจับกู้อ้าวเวยที่ดิ้นรนจะแย่งลูกไว้
“ข้ารู้ แล้วยังไงล่ะ?”กู้อ้าวเวยซบแนบอกเขาอย่างจนใจ
“เจ้ากลับไม่เคยสงสัยในตัวเขา”
“เพราะว่าข้าไม่เคยรู้สึกอะไรกับเขาเลยสักนิด” กู้อ้าวเวยดิ้นรนออกมาจากอ้อมอกของเขา พิงเอนอยู่บนเตียง มองดูเขาพร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ก่อนหน้านี้ข้าก็แปลกใจว่าทำไมข้าถึงไม่เคยสงสัยในตัวเขา ต่อมาถึงค่อยๆเข้าใจ”
“ลองเล่ามาสิ”ซ่านจินจื๋อยิ่งโกรธจัด เจ้ายังกล้าคิดถึงเขา
กู้อ้าวเวยดึงผ้าห่มมาห่มตัวเองไว้ แล้วค่อยพูดขึ้นว่า “เพราะไม่ว่าจะคิดยังไง ระหว่างข้ากับเขาไม่เคยมีความรู้สึกอะไรต่อกัน สิ่งที่เขารักก็คือความอิสระในตัวข้าเท่านั้น ที่ข้าเชื่อใจเขา ก็เพราะหลายปีมานี้เขาทำงานอยู่อย่างเงียบๆ”
“เจ้าชื่นชมเขา….”ซ่านจินจื๋อก็ปืนตามขึ้นมาบนเตียง เหมือนอยากที่จะฟังให้เข้าใจ
“ชื่นชมอยู่แล้ว เขาไม่มีตระกูลมารดาคอยช่วยเหลือ ไม่ได้รับความรักใคร่จากฮ่องเต้ ในฐานะที่เป็นองค์ชายสามารถทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับส่วนรวม กับหลายครั้งที่เขาพาตัวข้าไปแล้วก็ปล่อยกลับมา แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเพียงแค่ค่อนข้างยึดมั่นในตัวข้าเท่านั้น กลับไม่เคยล่วงเกินข้า เอาข้าเก็บไว้ภายในใจ ทุกครั้งที่พาข้าไปก็เพราะรู้สึกว่าเจ้าไม่คู่ควรกับข้า….”
พูดมาถึงตรงนี้ อารมณ์โกรธของซ่านจินจื๋อก็หายไปแล้วกว่าครึ่ง
เหลือเพียงความเอ็นดู นิ้วมือจับวนอยู่ตรงเอวของกู้อ้าวเวย ไม่ใช่คนที่ตัวสูงใหญ่ใบหน้าเย็นชา คงจะทำให้กู้อ้าวเวยเห็นแล้วก็ใจอ่อน ตอนนี้กลับเพียงแค่ผลักเขาแล้วพูดขึ้นอย่างค่อนข้างรังเกียจว่า “เขาเป็นสุภาพบุรุษตัวจริง และก็รู้จักกาลเทศะ และในใจเขาตำแหน่งฮ่องเต้ก็สำคัญยิ่งกว่าข้า คนที่มีเป้าหมายชัดเจน ทำเพื่อชื่อเสียงเกียรติยศได้ถึงขนาดนี้ เพียงรู้ว่าตนเองต้องการที่จะไปทางไหน ก็จะไม่มีจิตใจวอกแวก”
“สรุปแล้ว ดังนั้นเจ้าคิดว่า ขอเพียงข้าไม่ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งฮ่องเต้ของเขา เขาก็จะไม่ทำอันตรายข้า?”
ซ่านจินจื๋ออมยิ้ม เอนพิงบนเตียงแล้วก็โอบกอดกู้อ้าวเวยไว้แนบอก ลูบแขนของนางจนอบอุ่น
“เดิมก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว” กู้อ้าวเวยตบหน้าอกของเขาพร้อมพูดว่า “ขอเพียงเจ้ากับซ่านเชียนหยวนไม่คิดที่จะแย่งบัลลังก์ เขาก็พร้อมที่จะทำความร่วมมือกับพวกเจ้า แต่หากเจ้าทำอะไรให้เขาเข้าใจผิด ทั้งสองก็ยากที่จะร่วมมือกัน ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นความผิดของเจ้าที่หัวสมองเต็มไปด้วยคนรัก”
ทั้งๆที่เป็นการพูดเพื่อปกป้องซ่านเซิ่งหาน ซ่านจินจื๋อกลับฟังดูลื่นหูอย่างมาก จับมือกู้อ้าวเวยไว้ในทันใดแล้วพูดขึ้นว่า
“คนบนโลกพันหมื่นคนมากมาย คนที่อยากเป็นคนเหนือคนมีมากกว่าครึ่ง คนที่ต้องการเพียงคนรักมีมากกว่าครึ่ง เช่นนี้กำลังสมดุลพอดี”