บทที่ 1125 ยากที่จะให้อภัย
แม้แต่ลมหนาวในฤดูหนาวยังอิสระ
ซ่านต้วนโฉงสั่งคนสร้างป้อมสูงแต่ไม่ได้อยู่ข้างริมน้ำหมู่บ้านประมงนั่น แต่ตั้งอยู่ข้างบนขึ้นไปอีก ซ่อนอยู่ในป่าทึบ พ่อค้าที่เดินทางน้ำมีคนเคยเห็นอยู่ แต่ก็เป็นส่วนน้อย
กู้อ้าวเวยพาคนเข้าไปในป่า ต้นไม้ใหญ่ที่บดบังเมฆและแสงแดดเต็มไปด้วยใบไม้ที่แห้งตาย เป็นเหมือนกรงเงาขนาดใหญ่ มีเพียงบนพื้นที่มีร่องรอยการเดินทางของคนกับรถ แสดงให้เห็นว่าภายในนี้มีความลึกลับอะไรบางอย่าง ตรงที่ม้าเดินผ่านมีเสียงใบไม้แห้งแตกหักดังขึ้น จมูกได้กลิ่นขมของดินจนอยากอาเจียน
“อุ๊บ!…แหวะ”
ตอนนี้กู้อ้าวเวยกระชับบังเหียนในมือไว้แน่น อย่างเหนือบ่ากว่าแรง ใช้ปลายนิ้วกดหน้าอกสองครั้ง ค่อยอดกลั้นความปั่นป่วนในกระเพาะไว้ได้ ตรงหน้าก็มืดมัว ยิ่งทำให้ไม่กล้าเอาแต่ใจเหมือนอย่างเมื่อกี้
ผู้คนด้านข้างเห็นถึงความผิดปกติจึงต่างก็ล้อมรอบเข้ามา ผู้ชายที่ใช้สองเท้าวิ่งมาตลอดด้านหลังกลับเร็วยิ่งกว่า ปรากฏอยู่ด้านหลังของนางอย่างเหงื่อท่วมหัว ดึงบังเหียนไว้แน่นแล้วก็หมุนหนึ่งรอบ แขนทั้งสองข้างโอบกอดนางไว้แนบอก พร้อมพูดว่า “ไม่สบายตรงไหนไหม?”
“เจ้าลงไป”กู้อ้าวเวยถีบเท้าของเขาแรงๆหนึ่งที
ม้ารู้สึกได้ถึงการขยับของคนด้านบน ส่งเสียงร้องฟ่อแล้วก็จะวิ่งออกไป โชคดีที่ซ่านจินจื๋อใช้มือข้างหนึ่งดึงไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ใช้แรงดึงม้าที่นิสัยไม่ดีนี้ไว้ จึงไม่ได้วิ่งกระโจนออกไป
“เวลาสายมากแล้ว หากยังดื้อข้าก็จะไม่อดทนแล้วนะ”
ยู่จุนยื่นหัวออกมาจากรถม้า แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ถูกยู่จุนข่มขู่ กู้อ้าวเวยไอหลายทีแล้วก็ไม่ดิ้นรนอีก ซ่านจินจื๋อที่อยู่ด้านหลังค่อยโล่งอก เพราะเขากำลังเป็นกังวลว่ากู้อ้าวเวยจะแผลงฤทธิ์ยังไงอีก คนคนนั้นกลับขยับซบแนบอกของเขาอย่างไม่พูดไม่จา
ยกมือวางอยู่บนหลังมือของเขา
เหมือนตอนที่ซ่านจินจื๋อบีบนวดมือถือของตนตอนนั้น บีบนวดอยู่อย่างเบาๆ
“ไปเร็ว”กู้อ้าวเวยขมวดคิ้ว
“ได้”ซ่านจินจื๋อข่มความตื่นเต้นภายในใจไว้ สะบัดบังเหียนด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป พานางมุ่งหน้าเข้าไปยังป่าลึก
คนรอบๆสามารถมองเห็นเพียงกู้อ้าวเวยเหมือนต้องการดึงมือซ่านจินจื๋อไว้ แล้วดึงบังเหียนด้วยตนเอง
ต้นไม้สูงใหญ่หายไปจากสายตา เสียงของแม่น้ำเจิ้งสุ่ยไหลดังเข้ามาในหู ทันใดนั้นก็มองเห็นเบื้องหน้าที่กว้างขวาง ต้นไม้ที่อยู่ใกล้น้ำถูกตัดโค่น ถอนรากถอนโคน บนพื้นดินเรียบง่าย กลับไม่ละเอียดอ่อนเหมือนภาพที่มองเห็นในตอนแรก แต่เหมือนกับการหาช่างฝีมือดีมาสร้างป้อมแท่นหินขนาดใหญ่ไว้
ช่องเติมน้ำและช่องจ่ายน้ำทั้งหมดอยู่ในระยะที่มองเห็นได้ และบนขอบของแท่นหินนี้ มีการสร้างด้วยไม้ยกพื้นสูงเป็นป้อมแห่งหนึ่ง โต๊ะบุนวม อาหารอร่อยทุกอย่าง
กู้อ้าวเวยถูกซ่านจินจื๋ออุ้มลงจากม้า เมื่อปลายเท้าลงแตะพื้นแล้ว นางก็ใช้ข้อศอก ศอกตรงท้องน้อยของซ่านจินจื๋อ จนได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ค่อยผละออกไปจากอ้อมกอดของเขาอย่างเป็นอิสระ เดินไปข้างหน้าหลายก้าว
ซ่านจินจื๋อนวดตรงที่ถูกศอกเมื่อกี้ แล้วก็ไม่กล้าเดินไปข้างหน้าอย่างบุ่มบ่าม
ยู่จุนเดินลงมาจากรถม้า สั่งคนเอาเสื้อคลุมไปคลุมสวมให้กับกู้อ้าวเวยอย่างห่วงใย เห็นนางกำลังมองดูแท่นหินนั่นอย่างเหม่อลอย จึงยิ้มพร้อมเดินไปข้างหน้า ใช้ปลายนิ้วมือที่อบอุ่นคว้าจับมือที่เย็นเฉียบของนางไว้ เอาทังโผจื่อวางบนมือของนางหนึ่งอัน พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “แท่นหินนี้เป็นอย่างไร?”
“ไม่เป็นอย่างไร”
แล้วก็เอาทังโผจื่อนั่นโยนคืนให้กับยู่จุน กู้อ้าวเวยหันหน้ากลับมามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อฮ่องเต้ให้ความสนใจยาอายุวัฒนะขนาดนี้ แล้วทำไมเขาไม่มาด้วยตนเอง กลับให้อ๋องจิ้งมา?”
กู้อ้าวเวยพูดออกมาเช่นนี้ แล้วก็ทำเป็นปัดตรงเอวของตนเอง ตรงที่ถูกซ่านจินจื๋อโอบกอดเมื่อกี้
ยู่จุนพยักหัว พร้อมพูดขึ้นอย่างค่อนข้างพอใจว่า “เขามีงานยุ่งมาก และก็ไม่ค่อยชอบเรื่องยาอายุวัฒนะนี้ ที่ทำลงไปทุกอย่างก็เพราะเพื่อข้า ตอนนี้ข้าฟื้นขึ้นมาแล้ว เขาจึงไม่สนใจอยู่แล้ว”
“แล้วทำไมถึงหยูนซีไม่มา?”กู้อ้าวเวยถามขึ้นอีก
“หลายปีมานี้นางทานยาไปเยอะมาก หากอาการป่วยกำเริบเป็นบ้าขึ้นมา ข้าก็เอาไม่อยู่” ยู่จุนล้วงหยิบปิ่นหยกออกมาหนึ่งอัน แล้วดึงนางให้นั่งลงบนแท่นไม้สูงใกล้ๆ พร้อมคุกเข่าอยู่ด้านหลังนาง ใช้หวีหยกด้ามหนึ่งช่วยหวีผมให้กับนาง พร้อมมองดูตรงขอบฟ้าที่แสงค่อยๆหรี่มืดลง เมฆดำกำลังเคลื่อนตัวมาในระยะไกล จึงค่อยพูดขึ้นว่า “น้ำแข็งหิมะ ห้ามเลือดได้เป็นอย่างดี”
“ใช่หรือ?”กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เหมือนนางจะไม่เคยเขียนอะไรเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม
“หิมะรอบสุดท้ายเพิ่งตกสิ้นสุดลง เวลานี้ เหมือนจะกำลังตกมาอีกหนึ่งรอบ” ยู่จุนขยับแนบชิดข้างหูของนาง กระซิบพูดขึ้นว่า “เจ้าเชื่อไหมว่าข้าสามารถนับช่วงเวลาฟ้าดินได้?”
ไม่เชื่อ…..
สองคำนี้ม้วนพันอยู่ตรงปลายลิ้น แล้วก็ถูกกลืนกลับเข้าไปในท้อง
กู้อ้าวเวยมองดูซ่านจินจื๋อนั่งลงตรงด้านข้างอยู่อย่างไกลๆ ส่วนพวกคนใช้พวกนั้นกำลังช่วยกันกางเต็นท์ เหมือนว่ากำลังจะเตรียมต้านรับลมพายุหิมะ
เมฆลมเปลี่ยนผัน เพียงแค่ชั่วพริบตา
ลมพายุเริ่มพัดรุนแรง ขอบฟ้าสีดำกลายเปลี่ยนเป็นสีดำทมิล เมฆปกคลุมดวงอาทิตย์จนฟ้ามืดเหมือนดั่งกลางคืน ยู่จุนถึงขั้นสั่งคนเอาโคมไฟไปวางรอบๆ
รถม้าคันหนึ่งกำลังค่อยๆวิ่งมาแต่ไกล เสียงล้อรถม้าดังขึ้น ทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมอง
องค์ชายเก้าซ่านต้วนเฟิงที่ไม่เห็นเนิ่นนานเดินลงมาจากรถม้า ยังคงสวมชุดชาวฮั่นเหมือนอย่างเมื่อก่อน เพียงแต่ตอนนี้สีหน้าเขียว เส้นเลือดสีเขียวนูนยื่นออกมาจากตรงลำคอและหน้าผาก ภายในดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย มือทั้งคู่ที่ใช้งานบ่อยถูกพันไปด้วยเส้นไหมสีดำอย่างหนาแน่น
มีคนอุทานออกมาอย่างตกใจ กู้อ้าวเวยกลับค่อนข้างไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
สถานการณ์แบบนี้ นางก็เคยลองมาด้วยตัวเองแล้ว
พิษถุงน้ำดีหงส์ถือเป็นพิษที่รุนแรงที่สุดในโลก จนถึงตอนนี้ มีเพียงสูตรยาที่นางคิดค้นขึ้นมาได้เท่านั้นที่สามารถถอนพิษได้ แต่พิษถุงน้ำดีหงส์ในกายของนางตอนนี้ ก็ถือว่ายังไม่ได้ถูกถอนไปจนหมดสิ้น ยังมีพิษหลงเหลือ และยังไม่มียาที่สามารถรักษาให้หายได้ในตอนนี้
ซ่านจินจื๋อเห็นซ่านต้วนเฟิงในสภาพแบบนี้ แล้วหันมามองกู้อ้าวเวยด้วยสีหน้าคิ้วขมวด
นี่คือสิ่งที่กู้อ้าวเวยอยากให้เขาเห็นหรือ?
และภายในรถม้า กู้เฉิงถูกพาลงมาพร้อมรถเข็น แล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองดูกู้อ้าวเวยเหมือนกัน
ทำให้ได้กู้อ้าวเวยได้เห็นถึงแขนข้างหนึ่งของเขาที่หายไป ขุนนางทรยศชาติในตอนนั้น ตอนนี้ร่างกายพิการอย่างเลวร้าย เหมือนแก่กว่าสิบปี ผมกลายเป็นสีขาว ดวงตาทั้งคู่ไร้ชีวิตชีวา
“ได้จุ้ยเวี่ยนมาไหม?”ยู่จุนถามขึ้น
“ถูกส่งมาแต่แรกแล้ว”
ได้ยินเสียงคนที่ตอบ กู้อ้าวเวยหันไปมองดูซ่านจินจื๋ออย่างตกตะลึง
ซ่านจินจื๋อยกมือโบกเล็กน้อย เฉิงยีเฉิงเอ้อก็ได้พาตัวเมี่ยวหารกับซูพ่านเอ๋อออกมาพร้อมกัน ซูพ่านเอ๋อเงยมองดูบนป้อมสูง ส่วนเมี่ยวหารที่อยู่ด้านข้างกลับมีท่าทีสงบเงียบ มองดูแท่นหินนั่นด้วยสายตาไม่กะพริบ เหมือนจะจดจำภาพนั้นให้จำฝังใจ
คนใหม่คนเก่าต่างก็อยู่ตรงหน้า ในใจกู้อ้าวเวยกลับไม่พอใจ และพูดขึ้นว่า “ซูพ่านเอ๋อกับเมี่ยวหารอยู่ในมือของเจ้า?”
“ซูพ่านเอ๋อยังต้องชดใช้ให้กับเจ้า จึงจับตัวมาแต่แรกแล้ว ต่อมาข้าส่งเจ้าไปให้ยู่จุน นางจึงให้ข้าใช้ซูพ่านเอ๋อเป็นตัวประกัน เพื่อแลกกับจุ้ยเวี่ยน” ซ่านจินจื๋อบอกเล่าตามความจริง มองดูนางอย่างรักใคร่ พร้อมพูดว่า “ข้าทำทั้งหมดก็เพราะเพื่อเจ้า”
“ข้ารู้ แต่ก็ยากที่จะให้อภัย”กู้อ้าวเวยหันหน้าหลบสายตาเขา นิ้วมือกำทิ่มลงบนฝ่ามือ เจ็บปวดทรมานจนแทบทนไม่ไหว
สายตาซ่านจินจื๋อเศร้าลง แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก