พายุหิมะพัดมาอย่างฉับพลัน ฝูงชนต่างก็ร้องตกใจ
ความเจ็บปวดที่คาดหวังยังไม่มายู่จุน กู้อ้าวเวยก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
ลูกธนูยังคงคาอยู่บนธนู แต่มีดสั้นในแขนเสื้อซ่านจินจื๋อ กลับคาอยู่บนคอต้วนโฉง คราบเลือดที่พร่างพรายพราวในสายลมและหิมะแลดูแสบตา เลือดสีแดงไหลเปื้อนผ่านใบมีดเล่มเล็กลงมา ต้วนโฉงถูกบังคับให้เอนไปด้านหลัง ใบมีดคมกลับบาดเข้าไปยิ่งลึก
ต้วนโฉงคิดไม่ถึง คนแรกที่นำมีดมาจ่อบนคอของตน จะเป็นน้องชายของตนเอง
กู้อ้าวเวยก็คิดไม่ถึง
นางเดินเซไปข้างหน้าหลายก้าว
ซ่านจินจื๋อทำร้ายพี่ชายที่ตนเคารพ เพื่อตนเองได้อย่างไร
ทุกคนหวาดหวั่นไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ซ่านจินจื๋อยังคงอยู่ในท่าที่กำมีดเล็กไว้ เหมือนจับตะเกียบในเวลาปกติ สายตาที่มองดูกู้อ้าวเวยกลับอ่อนโยน มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่โบกให้กับกู้อ้าวเวยเบาๆ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่มีทางยอมแพ้”
คำง่ายๆเพียงสี่คำ ทำให้กู้อ้าวเวยโกรธอย่างมาก จนแทบจะหายใจไม่ออก
ทำได้เพียงไออยู่หลายทีเพื่อกลบเกลื่อน เห็นสายที่มุ่งมั่นของซ่านจินจื๋อ จึงค่อยเดินหน้าไปหาเขาอย่างกล้าหาญ แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ยู่จุนก็ได้ดึงชายกระโปรงของนางไว้ ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เมื่อไปทางด้านนั้น พวกเขามีแต่จะให้เจ้าหายาถอนพิษ ถึงตอนนั้น เจ้าก็ยังคงเป็นของเล่นของตระกูลซ่าน”
“แล้วแต่เจ้าจะพูด”
กู้อ้าวเวยสะบัดมือของนางออก วิ่งเหยาะๆผ่านศพมากมายที่กองบนพื้นไป
โผล่เข้าไปสู่อ้อมกอดของซ่านจินจื๋อ ภายใต้สายตาของผู้คนที่จ้องมองอยู่ ซ่านจินจื๋อรีบโอกกอดนางไว้อย่างตกใจ ไม่สนใจที่หญิงสาวค่อยๆกดมืออีกข้างที่ถือมีดไว้ลงมา กู้อ้าวเวยซบอยู่ตรงลำคอของเขาด้วยรอยยิ้ม ข้างหูเหลือเพียงเสียงลมหายใจ ยังมีเสียงหายใจอย่างเร็วของซ่านจินจื๋อ
“จับตัวพวกเขาไว้”
ต้วนโฉงก้าวถอยหลังไปหลายก้าว พร้อมพูดสั่งขึ้น
แค่เผลอไปครู่เดียว ซ่านจินจื๋อก็ตอบโต้ไม่ทันแล้ว กู้อ้าวเวยยังโอบกอดเขาไว้แน่น กอดรัดมือเท้าของเขาไว้ แทบใช้แรงทั้งหมดที่มีของตนผลักเขาล้มลงพื้น พร้อมซบแนบอกเขาไว้
คมดาบนับสิบเล่มต่างพุ่งมา ยู่จุนที่อยู่ไกลทำได้เพียงมองดูต้วนโฉงอยู่อย่างเงียบๆ ทำท่ามือบ่งบอกว่าเงียบ
ซ่านจินจื๋อโอบเอวของนางไว้อย่างระวัง พร้อมพูดว่า “ลงมา”
“ตอนนี้ได้กลายเป็นสภาพแบบนี้แล้ว ทำให้แตกหักกันไปข้างหนึ่งเลยดีไหม” กู้อ้าวเวยมองดูซ่านจินจื๋อจากที่สูง มือข้างหนึ่งยันกายลุกขึ้นมา แต่ยังคงกอดเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าสามารถฆ่าต้วนโฉงกับซ่านเซิ่งหาน แย่งบัลลังก์ฮ่องเต้มาเพื่อปกป้องข้า พวกเด็กๆก็จะปลอดภัย”
ซ่านจินจื๋อโอบกอดนางไว้ กลับรู้สึกว่าตรงคอเย็นเฉียบ
ลมหายใจของนางที่หายใจออกมาล้วนเป็นลมหายใจที่เย็น
เสียงพูดของนางกลับเสียงดัง แนบชิดหน้าอกของซ่านจินจื๋อด้วยลมหายใจที่รุนแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าต้องการเจ้า ไม่ได้ต้องการเจ้าที่ไม่ชอบฮ่องเต้….”
“ดึงนางขึ้นมาแล้วพาไปยังห้องยา”
เสียงต้วนโฉงดังขึ้น กู้อ้าวเวยรู้สึกได้ถึงมีคนคว้าแขนของนางไว้ กลับถูกซ่านจินจื๋อปัดออกด้วยเสียงเยือกเย็น กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆ มือข้างหนึ่งจับคอเสื้อซ่านจินจื๋อไว้แน่น พร้อมพูดขึ้นว่า “พาข้าไปหาจางเหยียงซาน…..”
“ได้”
นางได้ยินเสียงซ่านจินจื๋อตอบรับ
จากนั้นข้างหูก็เหลือเพียงเสียงที่วุ่นวาย กู้อ้าวเวยรู้สึกได้ถึงตนเองถูกอุ้มขึ้นไปบนม้า และก็ได้ยินเสียงธนูลอยผ่านอากาศทางด้านหลังดังขึ้น
สุดท้าย ยังมีเสียงหัวใจที่เต้นรุนแรงแนบหลัง
ตรงปากเหมือนยังอุ่นๆอยู่ แต่เสียงหัวใจเต้นทางด้านหลังเหมือนรุนแรงขึ้น
นางไม่ใช่คนของที่นี่ตั้งแต่แรก จะตาย ก็ไม่ควร
“อ้า….ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแสงสายัณห์ของตะวันรอนจริงๆ….”
นางไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว และมองไม่เห็นสิ่งใด
แต่ในที่มืดกลับยังมีมือข้างหนึ่งของคนคนหนึ่ง กำจับมือนางไว้แน่น
ยู่จุนที่อยู่ด้านหลังคอยฟังเสียงกรีดร้องรอบๆตัวอยู่อย่างต่อเนื่อง ยังคงมองดูต้วนโฉงผ่านศพที่กองเต็มพื้นอยู่ไกลๆ มองดูเขาที่สวมชุดมังกรสีเหลือง กำลังค่อยๆเดินมาอย่างเชื่องช้า ค่อยๆหยิบดาบยาวออกมาจากศพมาถือไว้ในมือ แกว่งเล่นไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยยกขึ้นมาจ่อตรงคอ
“ข้ารู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เจ้าอยากที่จะรู้ที่ซ่อนของยาพิษมหันตภัยไฟจากฟ้าจากข้า”
“ตอนนี้ เจ้าเข้าใจหรือยัง?”
ยู่จุนหัวเราะพร้อมพูดกับต้วนโฉง
“เจ้าถามข้าว่า ยินยอมที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ในป่าอย่างสงบกับข้าไหม…ข้ารับปากเจ้า” ต้วนโฉงโยนดาบยาวในมือทิ้งไปอย่างไม่อยากเชื่อ ยกมือทั้งคู่พร้อมเดินไปหายู่จุน พูดด้วยสายตาอ่อนโยนว่า “ข้ารักเจ้ามาก ไม่เหมือนหยูนซีกับผู้หญิงในวังหลัง….”
ยู่จุนกลับหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพอะไร ข้ารู้ว่าข้าจะต้องตาย แต่น้องชายของเจ้ากลับไม่เหมือนกัน หากเขามีชีวิตได้อย่างไม่เป็นบ้า มหันตภัยไฟจากฟ้าจะสามารถแก้ได้”
ต้วนโฉงชะงักฝีเท้า ภายในดวงตาก่อเกิดความสงสัย
เพียงครู่เดียว ยู่จุนก็หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเขาฆ่าตัวตายเพราะความรัก เจ้าก็รอความตายไปพร้อมกับทุกคนเถอะ”
“ไม่ว่ายาพิษ หรือสงคราม เมื่อโลกสงบสุขย่อมตกสู่ภายใต้ความบาปนับร้อยปี ถือว่าสมเหตุสมผล”
เลือดสาดกระเซ็น ดาบยาวในมือยู่จุนตกลงบนกองหิมะพร้อมกับร่างกายของนาง
สาวงามจบชีวิตลง ต้วนโฉงกลับสั่งคนจัดการที่นี่อย่างหมดหวัง แล้วไปตามอ๋องจิ้ง
ตั้งแต่เริ่มแรก คนที่จะวางยาพิษก็ไม่ใช่ยู่จุนคนเดียวที่จะสามารถทำได้ แต่มาถึงตอนนี้ เพียงเพราะสิ่งใดที่พูด หรือทำไปแล้วนั้น ยากนักที่จะไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ น่าขำที่ตอนนั้นยู่จุนยังคิดจะยืมมือต้วนโฉงเพื่อพลิกแผ่นดิน ส่วนต้วนโฉงยิ่งหวังอยากที่จะรู้แหล่งซ่อนยาพิษกับคนที่วางยาพิษจากยู่จุน ความจริงแล้งยู่จุนก็ไม่รู้ นางเป็นเพียงคนที่ทำตามพระประสงค์คนหนึ่งเท่านั้นเอง
ตอนนี้หวางกงกงเพิ่งตามมาถึง เห็นเลือดส่งกลิ่นคาวเต็มพื้น จนแทบกลิ้งไปยังแทบเท้าต้วนโฉง
“ฮ่องเต้ เสด็จอ๋องจิ้งเข้าเมืองกันไปหมดแล้ว มุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องจงผิง”
“ขัดขวางเขา…..” ต้วนโฉงคิดถึงคำพูดของยู่จุนเมื่อกี้ สักพัก แล้วก็เปลี่ยนเป็นพูดว่า “ปล่อยเขาไป แล้วก็ไปตามหมอหลวงในวังไปถอนพิษ สั่งคนไปปราบปรามคนตำบลเหยสุ่ยที่เหลือให้สิ้น คนที่เหลือไปล้อมรอบจวนอ๋องจงผิงไว้ หากพรุ่งนี้เช้าอ๋องจิ้งยังไม่ออกมา ให้บุกเข้าไปในจวน เอาตัวหมอที่ชื่อจางเหยียงซานออกมา”
“ขอรับ”หวางกงกงออกคำสั่งพร้อมทั้งกลิ้งคลานไป
ต้วนโฉงรีบไปจากที่ตรงนี้ เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็รีบหวนกลับมา โน้มตัวลงอุ้มผู้หญิงที่อยู่บนพื้นหิมะขึ้นมาอย่างอ่อนโยน เกล็ดหิมะร่วงตกลงบนคอที่เต็มไปด้วยเลือดของนางจนจางหายตัวไป ต้วนโฉงกลืนน้ำลายลงคอ เดินไปได้หายก้าวแล้วค่อยกลั้นใจที่พลุ่งพล่านไว้ได้
เกิดมาแล้วก็เป็นศัตรูกัน วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน สุดท้ายแล้วก็จบลงเช่นนี้
ปล่อยให้เลือดของยู่จุน เปื้อนชุดคลุมมังกรสีเหลืองบนตัวของเขา พานางออกไปจากที่นี่ทีละก้าว
“ฮ่องเต้ ในพระราชวังส่งข่าวมา….”หวางกงกงไปแล้วก็หวนกลับมาอีก
“พูดมา”สายตาต้วนโฉงเย็นชา
“แม่นางหยูนซีมอบสูตรยาฉบับหนึ่งให้กับองค์ชายสาม แล้วก็….ฆ่าตัวตายแล้ว”
ต้วนโฉงชะงักฝีเท้า ถามขึ้นอีกว่า “สูตรยาอะไร?”
“บอก….บอกว่าเป็นยาถอนพิษ ยังฝากข้อความไว้กับองค์ชายสาม….” เวลานี้หวางกงกงเหงื่อไหลท่วมหัว กลับยังคงพูดออกมาภายใต้สายตาที่ข่มขู่ของต้วนโฉงว่า “บอกว่า ความจริงใจคือความจริง ความสามารถเป็นความเท็จ”
“ใช่หรือ?”
พืมพำอยู่ประโยคหนึ่ง ต้วนโฉงยังคงอุ้มยู่จุนไว้แน่น พูดขึ้นอย่างเสียสติว่า “ตระกูลต้วน เกรงว่าคงจะพลาดแบบนี้”