“ฮ่องเต้ ในเมืองมีคนถูกพิษแล้ว”
หวางกงกงมาอย่างรีบร้อน คุกเข่าเสียงดังอยู่ตรงหน้าต้วนโฉง พูดพร้อมร้องไห้ทั้งน้ำตาว่า “คนที่ใต้เท้าเมิ่งซู่ส่งไป สืบไม่พบความผิดปกติอะไร เมื่อกี้ได้ส่งองครักษ์ลับไปสืบ พบว่าคนที่วางยาพิษ เป็นคนของตระกูลตงฟาง และได้…. ดื่มยาพิษฆ่าตัวตายแล้ว”
ต้วนโฉงโยนสาส์นที่กราบทูลในมือลงอย่างแรง แล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจ
ตระกูลตงฟางรู้แต่แรกแล้วว่าสุดท้ายแล้วจะกลายเป็นคนที่ถูกใครทำอะไรก็ได้ ตอนนี้ยอมที่จะหาคนมาตายร่วมด้วย ถือว่ามีเหตุผลที่ฟังขึ้น
แต่ก็มีเพียงเวลานี้ ต้วนโฉงค่อยคิดถึงระเบียนที่ถูกเก็บรักษาไว้ในพระราชวังกว้างใหญ่แห่งนี้มานานนับร้อยปี
มีขุนนางผู้ภักดีและผู้ชอบธรรมกี่คนที่กลายเป็นกระดูกภายใต้บัลลังก์ของจักรพรรดิ มีขุนนางกี่คนที่พูดจาตรงไปตรงมาจนเลือดกระเซ็นในที่เกิดเหตุ และมีขุนนางกี่คนที่ต้องตายภายใต้ความอยุติธรรม
ทั่วโลกสงบสันติ อาศัยความสมดุลของทั้งสองฝ่าย ความไม่เท่าเทียมต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้ยากที่จะเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้ตระกูลตงฟางยอมถูกพิษ ไม่สนใจชีวิต สถานที่อื่นคนที่ยอมถูกพิษก็เป็นเช่นนี้?
“เตรียมม้า ข้าจะไปหายู่จุน”ต้วนโฉงลืมตาลุกขึ้นมาในทันใด
“แต่ว่าฮ่องเต้….”
“ให้หมอในเมืองทั้งหมดไปช่วยถอนพิษ”ต้วนโฉงเดินผ่านหวางกงกงไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าออกไปนอกพระราชวัง
ฮ่องเต้ออกไปจากพระราชวัง แน่นอนว่ามีคนอื่นมาแทนอยู่แล้ว
ซ่านเชียนหยวนถูกปล่อยออกมาจากการถูกกักบริเวณ ซ่านเซิ่งหานอ้างว่าฮ่องเต้ป่วยนอนติดเตียงเป็นเหตุผล ดูแลจัดการงานราชการภายในพระราชสำนักแทน
ประโยคแรกที่ซ่านเชียนหยวนพูด เมื่อถูกปล่อยออกมาจากตำหนักที่ถูกกักบริเวณ คือถามซ่านเซิ่งหานว่า “เสด็จพ่อบ้าไปแล้ว เสด็จพี่สามล่ะท่านบ้าไปแล้วหรือไม่?”
“ในเมื่อเส้นทางที่เลือกเดินมันไม่เหมือนกัน ก็ไม่สามารถที่จะร่วมงานกันได้” ซ่านเซิ่งหาน เดินผ่านเขาไปยังห้องพระอักษร เห็นนางกำนัลของฮองเฮาตรงไม่ไกลกำลังเดินไปตามที่ต่างๆ เหมือนกำลังจะไปหานางสนมแต่ละคนในตำหนัก จึงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ทำในสิ่งที่เจ้าคิดว่าถูก ถึงแม้เรื่องราวจะเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน ก็ขอให้เป็นไปตามที่ใจเจ้าคิด”
“ทำไมเจ้าพูดเหมือนกับกู้อ้าวเวย?” ซ่านเชียนหยวนถามขึ้นอย่างปวดหัว
“คงเพราะพวกเราต่างก็กำลังสำนึกผิด”
ซ่านเซิ่งหานตบบนบ่าซ่านเชียนหยวนแรงๆหนึ่งที มองดูแผ่นป้ายแผ่นใหญ่ที่เขียนไว้ว่าห้องพระอักษรตรงหน้า พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มว่า “ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ล้วนต้องทำอย่างที่สุด”
……
ม้าวิ่งผ่านป่าผ่านภูเขา มาหยุดอยู่ตรงลานในป่าลึก
ต้วนโฉงมองดูศพที่เกลื่อนเต็มพื้น ซ่านจินจื๋อถือดาบอยู่ในมือยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นเขามาก็แค่ทำความเคารพ สั่งลูกน้องทุกคนหลีกทางให้กับฮ่องเต้
เสื้อคลุมของซ่านจินจื๋อล้วนเปื้อนไปด้วยเลือด ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ด้านข้างเท้ายังมีใบมีดหักสองเล่มแทงทะลุสองศพ จมปักอยู่บนพื้น ส่วนตรงหน้าประตูลาน มีเพียงยู่จุนคนเดียวนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กอย่างน่าสงสาร ก้มหน้าก้มตา เหมือนกำลังรอพวกเขามา
เมื่อมองเห็นต้วนโฉง สายตาของนางก็เป็นประกาย พร้อมพูดขึ้นว่า “หยูนซีล่ะ?”
“หากเจ้าตาย ข้าก็จะให้นางตายไปพร้อมกับเจ้า” ต้วนโฉงดึงบังเหียนไว้แน่น ความรักอันหวานซึ้งเมื่อหลายวันก่อน ความหลงใหลที่มีตลอดหลายสิบปีมานี้ ตอนนี้กลับกลายเป็นท่าทีเย็นชา กลายเป็นสิ่งที่น่าขำที่สุดในโลก
สายตาของยู่จุนค่อยๆหรี่ลง มองดูเขาพร้อมพูดว่า “ต่อให้ข้ามีชีวิตอยู่ ก็ไม่สามารถถอนพิษนี้ได้ และพิษนี้จะส่งไปเท่าไหร่ สามารถคร่าชีวิตประชาชนได้กี่คน ก็เพียงแค่เกี่ยวข้องกับจำนวนคนตระกูลหยุนตระกูลยู่ ที่มีความแค้นต่อราชวงศ์ตระกูลซ่านมานานหลายปีเท่านั้น เพียงแค่นำเอาความแค้นนี้สืบทอดต่อกันมาแต่ละรุ่นเท่านั้นเอง”
พูดเสร็จ สายตาของนางก็ค่อยๆหันไปทางซ่านจินจื๋อ พร้อมพูดว่า “นังหนูของเจ้ามีความสามารถพิเศษ สามารถหาทางออกได้ในสถานการณ์แห่งความตายนี้ นางจะได้เป็นคนเหนือคน ข้าก็จะบอกวิธีต่ออายุให้กับนาง….. ขอเพียงตอนนี้ให้เจ้าข้าต้วนโฉง”
ยู่จุนหันมามองต้วนโฉงอย่างเย็นชา
ส่วนซ่านจินจื๋อก็กำดาบในมือไว้แน่น และหันหน้าไปมองดูต้วนโฉงด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
ม้าภายใต้ร่างกายของต้วนโฉงส่งเสียงร้องขึ้น แล้วเขาก็กระโดดลงมาจากม้า และมองดูม้ากระโดดวิ่งหนีไปภายใต้สายตากดขี่บีบบังคับของซ่านจินจื๋อ
หากซ่านจินจื๋อรู้แต่แรกว่ากู้อ้าวเวยให้ตนเองรอ เพื่อไปพูดคุยกับยู่จุนให้เข้าใจด้วยตนเอง เขาจะไม่มีทางยืนรออยู่หน้าห้องซูพ่านเอ๋อ แล้วให้นางตกอยู่ในมือของยู่จุน
เขามองดูศพตรงหน้าที่แทบจะกองกลายเป็นภูเขา
สิ่งแรกที่รู้สึกก็คือ ต่อให้เขามีวิชาการต่อสู้ที่ดีที่สุดในโลก แต่ก็ไม่สามารถฆ่าคนบ้าในลานนี้ได้จนหมดสิ้น
ผู้คนมากมายกระโดดข้ามกำแพงมา กระทบตีบนดาบของเขา ใช้เลือดเนื้อหักคมดาบในมือของเขา กระตุ้นความอาฆาตของเขา แต่ยังไงก็ไม่สามารถตัดความรู้สึกกดดันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง…. พวกนั้นล้วนเป็นคนแคว้นชางหลานที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นประชาชนที่เขาเคยปกป้องมาจากสนามรบพวกนั้น
ยู่จุนเห็นท่าทีสองพี่น้องที่ยืนนิ่งอึ้ง แล้วก็หัวเราะลั่น
“ใช่ชีวิตของต้วนโฉง แลกกับชีวิตของกู้อ้าวเวย กำลังดี” ยู่จุนเหวี่ยงเท้า พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “พิษในตัวกู้อ้าวเวยมีวิธีสามารถถอนได้ เจ้ากับนางยังมีพวกลูกๆที่สามารถเป็นฮ่องเต้ได้ในอนาคต เสพสุขไปกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งในชีวิตที่เหลือ ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร อยู่กันจนแก่จนเฒ่า……”
“ใช่หรือ?”
เสียงดังชัดเจนดังขึ้นทางด้านหลังของนาง
เสียงวุ่นวายภายในลานเงียบลงทันทีอย่างไร้ร่องรอย คนที่เดิมควรจะสลบไป เวลานี้กลับกำลังก้าวเดินมา
ผู้คนต่างหลีกทางให้กับนางอย่างไม่มีใครขัดขวาง
ยู่จุนอยากถามมากว่านางฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร กู้อ้าวเวยกลับเพียงแค่สลัดเชือกในมือออก นำขึ้นมาดมเบาๆ สายตามองข้ามคนตรงหน้า มองดูซ่านจินจื๋อที่อยู่ห่างไกล
“เจ้าเหลือแผนสำรองไว้ ยังให้จางเหยียงซานก็เหลือแผนสำรองไว้”
กู้อ้าวเวยอมยิ้มที่มุมปาก แล้วก็จุมพิตเบาๆบนสายเชือกสีแดงตรงข้อมือ
เวลานี้ต้วนโฉงค่อยรู้สึกว่าความกดดันรอบๆข้างลดน้อยลง ซ่านจินจื๋อเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย โบกมือเบาๆ แล้วก็มีคนมากมายนับไม่ถ้วนออกมาจากในป่า จำนวนคนที่มีมากกว่าเป็นเท่าล้อมรอบลานนี้ไว้ เขาพูดขึ้นด้วยเสียงค่อนข้างแหบว่า “เจ้ายังจะดื้ออีก รู้ทั้งรู้เรื่องนี้ดีก็ยังจะไปหานางอีก”
“ข้ากลัวเจ้าไม่ตายใจ” กู้อ้าวเวยหัวเราะอย่างจนใจ ยักไหล่ แล้วก็หันกลับไปมองดูพวกคนโง่เขลา ที่คุกเข่าร้องขอยาถอนพิษกับนางทางด้านหลัง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “หากยู่จุนมีวิธีต่อชีวิตจริง แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงได้เห็นข้าเป็นคนที่จะสามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้”
มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่ด้านหน้าท้องน้อย ค่อยๆเดินไปข้างหน้าภายใต้สายตาอันตกกันลืมของยู่จุน
ยืนอยู่นอกลานสีแดงผสมสีขาวนี้ภายใต้ชุดเสื้อคลุมผ้าสีขาวราวกับหิมะ เส้นผมยาวราวกับสายไหมสีเขียวไหลลงมาเหมือนน้ำตก ลมหนาวเหน็บพัดเส้นผมยาวด้านข้างใบหน้ากับด้านหลังของนาง ดวงตาคู่นั้นจ้องมองใบหน้าของซ่านจินจื๋อ พร้อมถามเขาว่า “พิษนี้ จางเหยียงซานหายาถอนพิษได้หรือยัง?”
“ไม่มียาถอนพิษ ตั้งแต่หลังจากที่เจ้าเอาพันธ์นั้นมา จางเหยียงซานก็สามารถหาวิธีบรรเทาได้แล้ว”
หัวใจของซ่านจินจื๋ออันอั้นอย่างแน่น ยังอยากที่จะเดินไปข้างหน้า
สบกับใบหน้าที่กำลังอบยิ้มของกู้อ้าวเวยพอดี ยังได้ยินเสียงสายธนูที่ถูกดึงเต็มเหนี่ยวดังขึ้น
ซ่านจินจื๋อรู้สึกมือเท้าชาไปหมด ฟังเสียงหัวเราะพร้อมล้มลงพื้นหิมะของยู่จุนที่อยู่ตรงหน้า ฟังเสียงพวกคนด้านหลังที่เงียบสงบลงกรีดร้องความตกใจและหนีไป น้ำตาบนใบหน้ากู้อ้าวเวยที่ไหลรินก็ไหลช้าลง ร่วงตกลงมาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับเกล็ดหิมะสีขาว
แขนข้างหนึ่งขวางทางเขาไว้
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจที่จะให้ความดีและความชั่วได้พังพินาศลงพร้อมกัน และจางเหยียงซานก็หาวิธีบรรเทาได้แล้ว งั้นพวกเจ้าก็ถูกฝังอยู่ที่นี่เถอะ”ต้วนโฉงขวางซ่านจินจื๋อไว้ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
กู้อ้าวเวยหลับตา พร้อมพ่นลมหายใจออกมา
“ฮ่องเต้ หากข้าไม่มีประโยนช์…..”
“เป็นจุดจบที่กำลังจะตาย” ต้วนโฉงค่อยๆยกมือขึ้น สายธนูถูกดึงเต็มเหนี่ยว เขายังคงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เมื่อไปถึงแดนแห่งความตายแล้ว เจ้าก็ไปโทษยู่จุน ที่ตัดสินใจกระทำอย่างแน่วแน่ขนาดนี้”