สถานที่เกิดภัยพิบัติ ผู้คนตื่นตระหนกตลอดทั้งวัน
ต้นฤดูใบไม้ผลิภัยพิบัติแคว้นชางหลานถูกระงับ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ คนบริสุทธิ์ที่ต้องตายก็มีจำนวนนับหมื่นคน ระหว่างนี้องค์ชายสามก็ได้จัดพิธีพระศพให้กับฮ่องเต้ เมืองในทุกแคว้นต่างก็สร้างหอคอยสูงเพื่อเซ่นไหว้ฟ้าดิน คำทำนายมหันตภัยไฟจากฟ้าถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ความคับข้องใจบนถนนสายยาวปกคลุมไปด้วยหิมะ องค์ชายสามสั่งคนฟื้นฟูกำแพงหิมะ อีกด้านหนึ่งก็ได้จัดการกับความอยุติธรรมในแผ่นดิน
อ๋องจิ้งที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขในวันนั้น กลับปิดประตูไม่ออกมา แม้กระทั่งภัยพิบัติสงบลง องค์ชายสามเพิ่งขึ้นครองราชย์ นิรโทษกรรม ปล่อยตระกูลตงฟางไปไม่ให้ได้รับตำแหน่งขุนนางอีก คืนความยุติธรรมให้กับตระกูลฉาง ต้องห้ามวิชาพิษกู่อู
เมื่อซ่านเซิ่งหานขึ้นครองราชย์ ฉางอีฉินก็เป็นแม่ของแผ่นดิน อาศัยอยู่ในวังหลังพร้อมอาการป่วยไม่ได้ออกมา เยว่เข้าวังมาเป็นกุ้ยเฟย เป็นตัวแทนดูแลวังหลัง ส่วนตงฟางฮองไทเฮา ไม่อยากอาศัยอยู่ในพระราชวัง จึงไปอยู่ที่อารามไป๋หม่าขอพรให้กับฮ่องเต้องค์ก่อน ขอพรเมื่อโอรสมังกรสวรรค์สิ้นแล้ว ภัยพิบัติก็ขอให้สูญสิ้น
เวลานี้ภายหลังเสด็จขึ้นครองราชย์ ซ่านเซิ่งหานสั่งคนเรียกซ่านจินจื๋อซ่านเชียนหยวนเข้ามาร่วมสังสรรค์
ดอกไม้บานสะพรั่งในสวนหลวง เต็มไปด้วยดอกไม้ดั่งในฤดูใบไม้ผลิอย่างไม่เคยเกิดภัยพิบัติ ขันทีนางกำนัลถูกเปลี่ยนเป็นคนใหม่ เต็มไปด้วยใบหน้าแปลกใหม่ เดินไปเดินมาทั่วทุกทิศ ซ่านจินจื๋อยังเปลี่ยนกลับมาสวมเสื้อชุดสีดำ บีบถ้วยแล้วอยู่เงียบๆ ในระหว่างที่กำลังเม่อลอย ซ่านเชียนหยวนไปขึ้นมาหนึ่งที พร้อมทั้งใช้แตะตรงเอวของเขาเบาๆ
ซ่านจินจื๋อค่อยได้สติกลับมา เงยหน้ามองดูซ่านเซิ่งหาน
ตอนนี้เป็นถึงฮ่องเต้แล้ว ซ่านเซิ่งหานจึงไม่สวมชุดเสื้อผ้าซอมซ่อเหมือนเมื่อก่อนนั้นอีกต่อไป สวมชุดคลุมมังกร ทำให้แลดูกลายเปลี่ยนเป็นสุขุม เสียดายที่ซ่านจินจื๋อถูกตามใจมานานหลายปี ไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตาแต่แรกแล้ว เวลานี้จึงเพียงแค่วางถ้วยในมือลง
“มีธุระอะไร?”
“ตอนนี้เสด็จอาซ่อนกู้อ้าวเวยไว้ในจวนน้องสี่ รู้ไหมว่าเพื่อให้คนในพระราชสำนักมั่นใจ อีกไม่กี่วันก็จะสั่งให้น้องสี่ไปยังอินโจว ระหว่างทางจะต้องไปเยี่ยมเสด็จพ่อ”
เมื่อซ่านเซิ่งหานพูดถึงกู้อ้าวเวย ก็อดทนอดกลั้นไว้ ไม่ได้ถือโทษซ่านจินจื๋อ
ในเหตุการณ์พิษระบาดในครั้งนี้ ซ่านจินจื๋อค่อยช่วยคุ้มกันให้เขาได้นั่งบนบัลลังก์นี้ ทำให้ขุนนางที่อยู่ฝ่ายสนับสนุนอ๋องจิ้งต่างก็ผิดหวังมากมาย แต่ก็เพราะซ่านจินจื๋อทำถึงขนาดนี้ ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์หลายวัน ก็ได้ส่งคนเอาตราสั่งการทหารมาให้ แม้แต่ตำแหน่งอ๋องจิ้งก็ไม่เอาแล้ว
ซ่านเชียนหยวนได้ยินเช่นนี้ จึงพูดขึ้นอย่างตั้งใจว่า “ข้ากับเสด็จอาหากยังอยู่ในเมืองเทียนเหยียน จะทำให้ขุนนางบางส่วนไม่พอใจ แต่ตอนนี้จางเหยียงซานบอกว่านางปลอดภัยดีทุกอย่าง เสด็จอาคิดดีแล้วหรือยังว่าจะไปแห่งหนใด?”
ได้ยินคำว่าหนใดใดสองคำนี้ ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วขึ้นมาทันที แล้วก็คิดอะไรไม่ออกขึ้นมาในทันใด
เขาเป็นท่านอ๋องมาครึ่งชีวิต ตอนนี้จะให้เขาหาที่อยู่ใหม่ที่เงียบสงบ เขากลับคิดอะไรไม่ออก
เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่ากู้อ้าวเวยชอบที่ไหน
“พวกเจ้าลองคิดดูก่อน แล้วค่อยเดินทางไปก็พอ” ซ่านเซิ่งหานอดทนมองท่าทีตัดสินใจไม่ถูกของซ่านจินจื๋อไม่ไหว จึงพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าทั้งสองชำนาญการศึก หากรอเมื่ออนาคตชายแดนเกิดปัญหา ข้ายังจะต้องเรียกพวกเจ้ากลับมา”
ตราสั่งการทหาร ถูกวางอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง
ซ่านจินจื๋อกลับหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่กลัวข้าคิดกบฏแย่งชิงบัลลังก์หรือ?”
“คนในแผ่นดินนี้ใครจะมาเป็นก็ไม่เป็นไร ขอให้เป็นกษัตริย์ที่ดีก็พอ” ซ่านเซิ่งหานอมยิ้ม พร้อมทั้งล้วงเอาหินหยกรูปแมวน้อยอันหนึ่งออกมาวางไว้บนโต๊ะ และพูดว่า “ข้าฝากให้กับนาง แล้วข้าจะส่งทูตไปจัดการเรื่ององค์หญิงแคว้นเอ่อตัน จะไม่ให้นางต้องเสียเปรียบแม้เพียงนิด”
ในใจซ่านจินจื๋อไม่ค่อยพอใจ แต่สุดท้ายกลับก็ต้องเก็บแมวน้อยนี้ไว้
ไม่ว่ายังไง คนข้างกายต่างก็รอคอยให้นางฟื้นขึ้นมา
ความตั้งใจที่ดีนี้เก็บไว้ก็ไม่เป็นไร
ซ่านเชียนหยวนที่ยืนอยู่ด้านข้างเบิกตาโต ดูไม่ออกเลยว่าคนตรงหน้าที่ช่วยรับของให้กับภรรยาของตนนั้นจะเป็นเสด็จอาของตน เวลาสั้นๆเพียงหนึ่งเดือนนี้ ต่อให้เย็นจนร่างกายได้รับบาดเจ็บซ่านจินจื๋อ ก็ไม่ยอมขยับห่างโลงน้ำแข็ง จนเมื่อได้ยินจางเหยียงซานพูดขึ้นว่าทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดี ถึงค่อยไปพัก
พิษกู่ของยู่จือสามารถประคองอยู่ได้เพียงสี่ห้าปี หลังจากกำหนดประมาณสี่ปีที่จะจากไปจัดการคนตระกูลยู่ให้เรียบร้อย
ในระหว่างนั้นหยุนหว่าน ก็ได้เขียนจดหมายมาบอกว่าต่อไปตระกูลหยุน จะไม่เหยียบย่ำเข้ามาในแผ่นดินแคว้นชางหลานอีก ขอเพียงให้เรื่องนี้จบลง
เรื่องทุกอย่างต่างก็เตรียมพร้อมหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงรอที่จะไป
หลังจาก ซ่านเซิ่งหานกลับไปได้ไม่นาน ซ่านจินจื๋อก็ถามซ่านเชียนหยวนว่า “ต่อไปอินโจวยกให้เจ้าปกครอง ให้ข้าอยู่ด้วยได้ไหม?”
“อยู่ด้วยได้อยู่แล้ว”ซ่านเชียนหยวนพยักหัว
“อินโจวกิจการค้าขายเยอะ เป็นสถานที่อุดมสมบูรณ์”ซ่านจินจื๋อถามขึ้นอีก
ซ่านเชียนหยวนทำได้เพียงพยักหัว
เวลานี้กลับเห็นซ่านจินจื๋อตบบ่าเขาเบาๆ พร้อมพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลายปีนี้ข้าก็จะหาทำอะไรในแผ่นดินเขตการปกครองของเจ้าบ้าง”
ซ่านเชียนหยวนตกตะลึง คิดจะเปลี่ยนใจก็ไม่ทันเสียแล้ว
เมื่อซ่านจินจื๋อพูดแล้วก็ถือว่าเป็นไปตามนี้ จากนั้นก็เดินผ่านซ่านเชียนหยวนไปหาฉีหรัว ทั้งสองคนปรึกษารายละเอียดอะไรต่างๆ หลังจากนั้นก็เซ็นสัญญากันอยู่หลายฉบับ ซ่านเชียนหยวนยังไม่ทันได้แอบดูสัญญานั้นอย่างละเอียด ซ่านจินจื๋อก็ได้เตรียมตัว เตรียมพร้อมที่จะย้ายออกไปจากเมืองเสร็จเรียบร้อยแล้ว
มีเพียงม้าสีดำที่เดินอยู่บนถนนตลอดทาง บนหลังกลับว่างเปล่าไม่มีคน
ซ่านจินจื๋ออยู่ด้านข้างรถม้า ข้างกายมีสัญลักษณ์ของสถานที่อินโจวมากมาย และมีโลงน้ำแข็งอยู่ข้างๆ
กู้อ้าวเวยยังคงอยู่ในสภาพก่อนที่จะนำลงไปในโลงน้ำแข็ง ตรงมุมขอบตาและคิ้วก่อเป็นเกล็ดชั้นบางๆ ของน้ำค้างแข็งสีขาวเหมือนหิมะ บนเส้นผมประกายไปด้วยคริสตัล ทำให้ซ่านจินจื๋อยิ้มไม่ออก ทำได้เพียงมองดูใบหน้าของนางอยู่บนโลงน้ำแข็ง
“หากเช่นนี้คือการอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า ข้าก็ยอม”
ไม่มีใครบอกเขา ว่ากู้อ้าวเวยจะสามารถเปิดขึ้นมาได้จริงหรือไม่
ในใจเขาก็รู้ดี สีหน้าของจางเหยียงซานกับยู่จือต่างก็แสดงท่าทีหนักใจ คิดว่าโอกาสที่นางจะฟื้นขึ้นมา แทบไม่มีความหวัง
รถม้าค่อยๆเดินทาง ซ่านเชียนหยวนกับฉีหรัวนั่งอยู่บนรถม้า แล้วก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “เจ้าคิดว่าสักครู่ หากข้าไปเจอเสด็จพ่อ เสด็จพ่อจะฆ่าข้าที่เป็นลูกอกตัญญูคนนี้ไหม”
ฉีหรัวส่ายหัว พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ข้าว่า เสด็จพ่อของเจ้าดีกับเจ้าอยู่ไม่น้อย แต่ในฐานะที่เป็นกษัตริย์ เขากลับยึดติดกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่ยอมปล่อย แม้จะทำงานด้านการปกครองอย่างหนัก แต่ก็ได้แอบฆ่าคนอย่างมากมาย กระทำเรื่องต่างๆนานากองอยู่อย่างนับไม่ถ้วน หากตอนนั้นกลับไปอย่างไม่เป็นไร กลับจะยิ่งถูกด่าชื่อเสียงฉาวโฉ่ เวลานี้อาศัยความที่ว่าโอรสมังกรสวรรค์กลับสวรรค์ ปกปิดการกระทำที่บ้าคลั่งของตระกูลยู่ ทำให้ผู้คนที่สิ้นหวังกลับมามีความหวัง หากเขาเป็นฮ่องเต้ที่ดีคนหนึ่ง จะไม่มีทางตำหนิเจ้าแน่”
ทางนี้พูดอยู่อย่างมีเหตุผล ซ่านเชียนหยวนก็ทำได้เพียงพยักหัวรับรู้ และยังคงเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ
เวลานี้ต้วนโฉงได้ถูกส่งไปยังหมู่ตึกนานแล้ว
ซ่านเชียนหยวนอยากที่จะพาคนเข้าไปข้างใน ต้วนโฉงกลับปฏิเสธ พูดตะโกนข้ามกำแพงว่า “ให้จินจื๋อเข้ามาด้วย”
ซ่านเชียนหยวนถูกปฏิเสธอย่างน่าสงสาร ฉีหรัวตบบ่าของเขาเพื่อเป็นการปลอบโยน พร้อมสั่งคนไปตามซ่านจินจื๋อมา
ซ่านจินจื๋อพูดพึมพำกับกู้อ้าวเวยอยู่หลายประโยค แล้วค่อยลงมาจากรถม้า
เดินเข้าไปภายในลาน เดิมเสด็จพี่ที่ร่างกายผ่ายผอม เวลานี้มีผมขาวขึ้นแล้ว สวมเสื้อผ้าไว้บนร่างกายอย่างลวกๆ ทั้งข้างนอกข้างในกลับเต็มไปด้วยองครักษ์กับคนใช้ พูดว่าเป็นการดูแลแต่จริงๆแล้วเป็นแค่คำปลอบใจ ความจริงแล้วคือเป็นห่วงว่าเขาจะออกไปก่อความเดือดร้อน
ซ่านเซิ่งหานแย่งชิงบัลลังก์ กลับทำร้ายพ่อของตนเองไม่ลง และก็ไม่กลัวว่าอนาคตจะมีคนรู้ เมื่อมีความแข็งแกร่งที่จะทำให้คู่ต่อสู้ยอมจำนน กลอุบายเสี่ยงแบบนั้นก็ไม่จำเป็น
ต้วนโฉงเห็นซ่านจินจื๋อแล้วก็อึ้ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ข้าคิดไม่ถึง ว่าจะมีวันที่เจ้าหักหลังข้า”
“หลังจากที่เสด็จพี่คิดจะฆ่าอ้าวเวย ข้าก็ไม่คิดที่จะให้เจ้ากลับไปอย่างปลอดภัยแล้ว”
พูดจบ ประตูใหญ่ด้านหลังซ่านจินจื๋อค่อยๆปิดลง
ต้วนโฉงหรี่ตาลง รู้สึกเหมือนบานประตูสองข้างนี้กระทบอยู่กลางใจ