ตอนที่ 3 ผู้ชายที่อ่อนแอมากจนทำให้คนรู้สึกเอ็นดู
พอลี่โม่อวี่เดินจากไปฉินอีหลินก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หายใจออกอย่างช้าๆ หล่อนหันหัวกลับไปสำรวจห้องนี้ต่อ
ห้องไม่ใหญ่มาก กำแพงรอบๆเนื่องจากเวลาผ่านไปนานทำให้ผนังเริ่มลอกออก เพราะว่าไม่มีคนอยู่นานแล้ว ทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ
สภาพห้องทำให้ฉินอีหลินแอบถอนหายใจเบาๆ รีบไปหยิบผ้าขนหนูหนึ่งผืนจากห้องมาคลุมผมตัวเองไว้ หลังจากนั้นก็เริ่มทำความสะอาดฝุ่น
ฉินอีหลินแค่อยากจะทำความสะอาดห้องให้สะอาด แต่คิดไม่ถึงว่างานที่ดูเหมือนจะสบายๆ พอทำแล้วกลับเหนื่อยขนาดนี้ พอฉินอีหลินทำความสะอาดห้องเสร็จ ท้องฟ้าก็มืดแล้ว
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉินอีหลินที่เหนื่อยเพลียมากๆในที่สุดก็ได้ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างสบายใจ
ในอีกด้านหนึ่งลี่โม่อวี่ที่กำลังขับรถอยู่ มองไปยังทางข้างหน้าด้วยสายตาเย็นชา แผลเป็นที่อยู่ที่หน้าผากกับนัยน์ตาที่ดูเย็นชายิ่งทำให้ดูน่ากลัวมากขึ้น
ในเวลานี้จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ว่าไง”
“วันนี้อากาศไม่เลวเลย ว่าไหมพี่” เสียงที่ดูมีความสุขของเห้อห้าวดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์
“ถ้ายังพูดไร้สาระอีกฉันจะวางสายแล้ว”
“อย่านะๆ ผมจะบอกว่า ผมได้ยินคนมันคุยกันว่า พี่พาผู้หญิงคนหนึ่งไปที่อพาร์ทเม้นท์” เห้อห้าวเกาหัวพร้อมถามพี่ชายของตนด้วยความสงสัย
เขารู้ดีกว่าใครว่าอพาร์ทเม้นท์หลังนั้นเป็นเขตหวงห้ามของลี่โม่อวี่!
แต่ตอนนี้ ดันมีผู้หญิงเข้าไปอยู่ได้อย่างสบายๆ จะไม่ให้เขาอยากรู้อยากเห็นได้อย่างไร?
ลี่โม่อวี่หันไปมองใบทะเบียนสมรสสีแดงที่วางอยู่บนที่นั่งในรถ
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผ่านไปแล้วเหรอ? การแต่งงานครั้งนี้มันก็ไม่เหมือนกันแล้วไม่ใช่เหรอไง?”
พอเห้อห้าวได้ยินคำตอบก็แทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
แต่งงาน? พี่ใหญ่แต่งงานแล้ว?
พอถามเสร็จ เห้อห้าวก็ได้ยินเสียงตู๊ดๆจากในสายดังขึ้นมาแทน: “วางสายไปแล้ว?”
ลี่โม่อวี่เอามือถือโยนไว้ที่ข้างๆ เท้าเหยียบคันเร่งสุดแรง
สองสามวันที่ฉินอีหลินอยู่อพาร์ทเม้นท์ก็ไม่เห็นลี่โม่อวี่เลย ถ้าเกิดว่าไม่รู้ว่าห้องนี้ไม่ใช่ของตัวเอง หล่อนคงแทบจะลืมลี่โม่อวี่คนนี้ไปแล้ว
ฉินอีหลินได้แต่ถอนหายใจแล้วนอนมองเพดานอยู่อย่างนั้น
ฉินอีหลินรู้ดีว่าไม่สามารถ “ยึดครอง” บ้านของลี่โม่อวี่เป็นเวลานานได้ แต่ว่าหล่อนสองสามวันมานี้ไปสมัครงานก็ไม่มีใครรับเลย
หล่อนได้แต่นอนอยู่บนเตียง เงินที่อยู่ที่ตัวตอนนี้ก็ใกล้จะใช้หมดแล้ว ถ้าเกิดยังหางานไม่ได้อีกล่ะก็……
เพราะว่าช่วงนี้วิ่งหางานจนเหนื่อย นอนคิดไปคิดมา ฉินอีหลินก็เลยเผลอหลับไป
ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหน หล่อนก็รู้สึกหายใจลำบาก ราวกับว่ามีภูเขาลูกหนึ่งกำลังทับอยู่บนตัว
ฉินอีหลินที่กำลังหลับสนิทอยู่นั้นจู่ๆก็ตื่นขึ้นมา มือก็จับโดนผู้ชายที่มีกินเหล้าคละคลุ้งกำลังนอนทับอยู่บนตัวหล่อน
ในขณะที่กำลังจะเรียกก็ได้ยินเสียงหายใจของลี่โม่อวี่ หล่อนเอามือดันคนที่อยู่บนตัวออกอย่างสุดแรง กะจะให้เขาลุกขึ้นมาจากตัวเอง
ลี่โม่อวี่กลับไม่เปิดโอกาสให้หล่อนเลย เขาเอามือกอดผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างล่างตัวไว้แน่น
ไม่ว่าฉินอีหลินจะขัดขืนสักเท่าไรก็ดูเหมือนเขามีท่าทีที่จะไม่ปล่อย ลี่โม่อวี่ที่ดื่มจนเมาก็เผยตัวตนที่แท้จริงของเขา จริงๆแล้วเขาเหมือนเด็กน้อยอ่อนแอที่ไร้ซึ่งที่พึ่งพาคนหนึ่ง เขากอดหล่อนอยู่นาน สีหน้าดูชื่นชอบและพอใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ฉินอีหลินพบว่าลี่โม่อวี่ที่ดูอ่อนแอในตอนนี้คงจะมีเรื่องที่ทำให้สะเทือนจิตใจอยู่ไม่น้อย หล่อนกะจะเอามือไปกอดผู้ชายที่อ่อนแอจนทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกเอ็นดูคนนี้
แต่หล่อนกลับคิดไม่ถึงว่าลี่โม่อวี่พูดชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งที่ข้างหูของหล่อนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกคิดถึง
ฉินอีหลินในเวลานั้นก็เปิดตากว้าง มือที่มีทีท่ากำลังจะกอดก็เปลี่ยนเป็นขัดขืนทันที
“ลี่โม่อวี่ นี่นาย……”
ริมฝีปากที่เพิ่งจะพูดไปได้สองสามคำก็ถูกลี่โม่อวี่ปิดปากเอาไว้ ประโยคที่ยังไม่ได้พูดออกมาก็เปลี่ยนเป็นเสียงอู้อี้แทน
ชายที่เมาจูบหล่อนเข้าอย่างแรง ลี่โม่อวี่ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวหันหลบอะไรทั้งนั้น กันทุกทางที่ฉินอีหลินจะดิ้นหนีได้
“มู่หลิง”
ลี่โม่อวี่ราวกับสัตว์ป่าที่โกรธคลั่งเพราะถูกทำร้าย เขาขย้ำลงบนคอเนียนๆของฉินอีหลินด้วยความรุนแรง
“ลี่โม่อวี่นี่นายเมาจนบ้าไปแล้วเหรอ? ฉันคือฉินอีหลินไม่ใช่มู่หลิงอะไรนั่น ถ้านายอยากที่จะหาคนนั้น นายจะมาโวยวายอะไรที่นี่เพื่ออะไร?”
คอของฉินอีหลินเจ็บจนแทบจะไม่รู้สึกแล้ว หล่อนใช้มือกันลี่โม่อวี่สุดแรง ไม่อยากให้เขากระทำตนอีก
ลี่โม่อวี่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น รู้สึกถึงมือที่กำลังจับหน้าตัวเองยู่มันเป็นอุปสรรค เขาขมวดคิ้วด้วยความรำคาญแล้วใช้มือจับข้อมือของคนที่นอนอยู่ด้านล่างขึงไว้บนเตียง
“ปล่อยฉันนะ”
ฉินอีหลินพบว่า เสื้อผ้าที่สวมอยู่ที่ตัวกำลังถูกผู้ชายที่บ้าคลั่งด้านหน้าถอดออกทีละชิ้นๆ
“ไอคนชั่ว!”
ลี่โม่อวี่คิดถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แล้วรีบลุกขึ้นไปที่ห้องรับแขก มองเห็นภายในห้องที่เปลี่ยนไปภายในเวลาสั้นๆสองสามวัน ทำให้เขานิ่งไปสักพัก
แสงแดดนอกหน้าต่างสาดเข้ามาพอดี ฉินอีหลินที่จะตื่นขึ้นมาก็ถูกแสงแดดที่สว่างจ้าแยงตาทำให้ลืมตาไม่ได้
พอเริ่มตั้งสติได้ หล่อนก็พบว่าบนร่างกายมีร่องรอยของความรุนแรง แล้วเสื้อผ้าที่ใส่ก็หลุดลุ่ย หน้าเริ่มแดงผ่าว
พอเดินเข้าไปในห้องรับแขก ฉินอีหลินก็ได้กลิ่นควันที่อยู่ภายในห้อง แล้วก็พบว่าลี่โม่อวี่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา มือหนึ่งคีบซิการ์ สองตาจ้องมองอยู่ที่โต๊ะกาแฟอย่างนิ่งสงบไร้ความรู้สึก
สภาพของลี่โม่อวี่ในตอนนี้ทำให้ฉินอีหลินนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ความบ้าคลั่งของผู้ชายคนนี้ ถึงแม้ว่าตนเองจะร้องไห้ขอให้หยุดเขาก็ไม่แม้แต่จะฟัง ในใจก็รู้สึกโกรธเดือดดาล พุ่งเข้าไปอยู่ข้างหน้าของลี่โม่อวี่กระชากซิการ์จากในมือของเขาออก
“ลี่โม่อวี่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน นายมีอะไรจะอธิบายไหม!”
หล่อนไม่รู้จริงๆว่า ทำไมตัวเองถึงโดนผู้ชายคนนี้กระทำอีกแล้ว
โดยเฉพาะพอคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็น “บาร์โฮส” ในใจของฉินอีหลินก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมา
ด้วยความที่หล่อนโกรธเกินไป ฉินอีหลินเผลอลืมไปเลยว่ากะอิแค่คนที่ทำงานเป็นบาร์โฮสจะมีปัญญาสูบซิการ์ได้ยังไง
ลี่โม่อวี่ไม่มีทีท่าว่าจะตอบฉินอีหลิน เขาเพียงแค่มองหญิงสาวที่ยืนโกรธอยู่ตรงหน้าอย่างนิ่งๆ เหมือนกับว่าไม่ได้มองหล่อนตรงๆ
ฉินอีหลินพบว่าผู้ชายบนโซฟาสีหน้ายังคงเย็นชา แต่สายตายังคงจ้องมองอยู่ที่ตนเอง
จู่ๆก็รู้สึกอึดอัด หล่อนรู้สึกว่า สายตาของเขาไม่ได้จ้องมองที่ตัวเอง
แล้วมองใครกันล่ะ?
คนที่ชื่อมู่หลิงคนนั้นเหรอ?