ตอนที่ 24 อย่าได้มาเปรียบกับผู้หญิงของผมอีกต่อไป
จนถึงเวลาที่ต้องแยกจาก ฉินอีหลินยังดึงสติออกจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ไม่ได้เลย
เกี่ยวมือไปคล้องแขนลี่โม่อวี่ บอกลาทุกคนด้วยรอยยิ้ม มองเห็นความห่างเหินที่คุณนายฉินแสดงออกมา ตลอดจนสายตาที่เหยียดหยามของฉินหลันซู ในใจเธอนั้นปกคลุมไปด้วยความโศกเศร้ารันทด
รอจนโรลส์-รอยซ์คันนั้นหายลับจากสายตา นายท่านฉินจึงหันหลังกลับเข้าบ้านไป
ในเวลาเดียวกัน คุณนายฉินจูงมือลูกสาวเธอฉินหลันซูเดินขึ้นตึกไป
“เหวินเฉิง คุณก็นานๆจะกลับมาสักครั้ง คุยเป็นเพื่อนคุณพ่อหน่อยนะ เขาชอบถามถึงคุณบ่อยๆ”
คุณนายฉินจูงมือลูกสาวไปพลาง บอกกับกู้เหวินเฉิงไปพลาง ไม่รอให้กู้เหวินเฉิงได้ตอบ เธอก็ลากฉินหลันซูเข้าไปในห้องนอน
“ลูกคิดอะไรอยู่ ให้ฉินอีหลินไปฮันนีมูนด้วย”
ไม่รอให้ฉินหลันซูได้ตอบ คุณนายฉินจึงขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ
“เมื่อกี้ที่โต๊ะอาหาร แม่เห็นว่าเหวินเฉิงมองฉินอีหลินอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ลูกก็มาทำแบบนี้ ลูกคิดว่าแต่ละวันของลูกมันชื่นมื่นไปหรือไง”
ฉินหลันซูฟังที่แม่ตัวเองพูด ริมฝีปากหยักโค้ง ที่แท้แม่เธอก็เห็นแล้วนี่นา
เธอนั่งลงบนเตียงพร้อมแสยะยิ้ม พร้อมยกนิ้วขึ้นมานั่งเล่น
“คิดยังไงน่ะหรอ ไม่ใช่ว่าคุณกู้นั้นชอบฉินอีหลินหรือไง”
คุณนายฉินได้ฟังคำพูดของลูกสาวแล้วถึงกับพูดไม่ออก มองดูลูกสาวที่ไม่มีท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อน ขมับของเธอนั้นเริ่มปวดตุบๆ
ทำไมเธอถึงได้มีลูกสาวที่โง่ขนาดนี้
“แม่ ตอนแรกแม่ตรวจสอบกู้เหวินเฉิงจริงหรือเปล่า”
ในใจของฉินหลันซูมีกองไฟที่สุมอยู่ มองไปยังคุณนายฉินพร้อมเอ่ยถามเสียงแหลม
“ทำไม”
มองลูกสาวที่แปลกไปจากปกติของตน หญิงสาวที่เยือกเย็นตรงหน้าพลันผ่อนลมหายใจออกมา
“งานเลี้ยงงานหนึ่ง มีคุณหญิงคุณนายพูดถึงตระกูลกู้ บอกว่าคุณชายใหญ่ตระกูลกู้ยังไม่ได้แต่งงาน พวกเขายังบอกอีกว่า คุณชายน้อยตระกูลกู้นอกจากเรื่องชู้สาวแล้วอย่างอื่นก็ไม่เลว”
พอได้ฟังดังนั้นฉินหลันซูจึงหัวเราะขึ้นมา เสียงดังขึ้นเรื่อยๆใบหน้าหญิงสาวบิดเบี้ยว
“ไม่เลว?”
ฉินหลันซูกัดปากแน่น ยื่นมือไปรูดซิปชุดเดรสของเธอ แผ่นหลังของเธอที่เต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำ รอยข่วนสลับทับซ้อน รอยกัดกลาดเกลื่อนทั่วแผ่นผิวละเอียด
คุณนายฉินที่ตอนแรกไม่เข้าใจการกระทำของลูกสาว พลันได้เห็นแผ่นหลังที่ลูกเธอได้รับมันมา เธอปิดปากตัวเองแน่นพร้อมเสียงกรีดร้องตกใจ
“ทำไมเป็นแบบนี้”
ฉินหลันซูใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ตนเองสงบลง เพียงแต่ตอนที่สวมชุดกลับคืน มือที่สั่นเทานั้นเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวและโกรธแค้นในใจเธอ
“นี่คือคนที่แม่บอกว่าไม่เลว? แม่รู้หรือเปล่าว่าเขาวิปริตขนาดไหน?” ฉินหลันซูยิ้มเย็นพร้อมสวมชุดกลับคืน ดวงตาที่มองไปยังแม่ตัวเองนั้นเย็นเยียบ
คุณนายฉินที่ไม่เคยเจอการกระทำป่าเถื่อนแบบนี้ แถมยังมาเกิดกับลูกสาวที่รักของตัวเองอีก “กู้เหวินเฉิง ไอ้คนเลวทรามต่ำช้า”
คุณนายฉินร้องตะโกนราวกับคนไร้สติ
“ไม่ได้ ฉันจะต้องไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ลูกฉันจะมาเจอกับอะไรแบบนี้ไม่ได้”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสูญเสียการควบคุมขนาดนี้ ดวงตาตอนนี้มีแต่ภาพรอยเขียวช้ำเต็มแผ่นหลังของฉินหลันซู ไม่รู้ว่าต้องทุกทรมานขนาดไหนถึงได้มีรอยเก่ารอยใหม่ปนเปกันไปหมดขนาดนั้น
กำลังจะเปิดประตู กลับถูกฉินหลันซูลากกลับมา
ฉินหลันซูไม่ได้ต้องการเห็นแม่ตนเองเป็นแบบนี้ ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ความสัมพันธ์ของสองตระกูลไม่สามารถตัดได้ เธอคิดไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าต้องรับกับความทุกข์ทรมานเหล่านี้
“แม่ออกไปไม่ได้ ออกไปไม่ได้เด็ดขาด กู้เหวินเฉิงไอ้สารเลวนั้นกลัวว่าถ้าพูดออกไป เกรงว่าจะบังคับหนูเขาถ่ายรูปพวกนั้นไปตั้งเยอะ”
เปลือกตาสองข้างหลับลงอย่างสั่นเทา ฉินหลันซูรู้สึกหนาวเหน็บ เป็นความรู้สึกที่ระเบิดออกมาจากกระดูกลึก ราวกับอยู่ในค่ำคืนที่เหน็บหนาว เธอกลับไม่มีบ่าอุ่นให้พึ่งพาได้
“ถ้าหนูพูดเรื่องนี้ออกไป เขาก็จะปล่อยรูปพวกนั้นออกมา แล้วหนูจะอยู่ต่อไปได้ยังไง”
ไหล่ของเธอกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ คุณนายฉินที่อยู่ข้างๆนั้นโกรธจนตัวสั่น อยากจะฉีกกู้เหวินเฉิงให้ละเอียดเป็นชิ้นๆ
แต่พอมาคิดดู สิ่งที่ลูกเธอทำทั้งหมดเพื่อให้ได้แต่งงานกับไอ้สารเลวนี่ เธอโกรธจัด น้ำเสียงแหลมกรีดร้องออกมา
“ถ้าตอนนั้นลูกไม่ทำเรื่องพวกนั้น ไม่ไปวางยาเขา เรื่องราวมันก็คงไม่เป็นแบบนี้ ถ้าจะโทษก็โทษลูกที่หาเรื่องเอง ก็ต้องรับผลที่มันออกมา”
คุณนายฉินตะโกนอย่างโกรธจัด ปากเธอได้แต่พร่ำสั่งสอนลูกสาวของตัวเอง เลือดนั้นได้หยดลงในใจ ถ้าไม่เป็นเพราะฉินอีหลิน ลูกสาวของเธอคงได้รับความรักจากพ่อมากกว่านี้ ถ้าไม่ใช้เพราะฉินอีหลิน ลูกสาวของเธอคงไม่ต้องแต่งกับกู้เหวินเฉิง ยิ่งไม่ต้องมารองรับความโหดร้ายแบบนี้
เธอโกรธ เกลียดฉินอีหลินที่โผล่มาในบ้านตระกูลฉิน คิดมาถึงตรงนี้ฉินอีหลินยัยเด็กนอกคอกคนนั้นกลับได้ดีกว่าลูกสาวเธอทุกอย่าง ใจเธอโกรธจนจะเป็นบ้า ไม่ได้ ต้องทำลายเธอให้สิ้น
ได้ยินคำพูดของแม่ ฉินหลันซูตกใจเบิกตาโพลง เธอไม่กล้าเชื่อว่าแม่ที่รักเธอจะกล้าพูดกับเธอแบบนี้
กู้เหวินเฉิงสัมผัสได้ว่าแม่ยายของตนนั้นผิดแปลกไป เขาได้แต่หาข้อแก้ตัวบอกกับนายท่านฉิน เขาตั้งใจจะขึ้นไปตามฉินหลันซูกลับบ้าน
เขาไม่ได้โง่ รับรู้ว่าแม่ยายไม่ได้พอใจในตัวเอง
ไม่คิดว่าเมื่อมาถึงประตู เขาจะได้ยินประโยคนั้น “กู้เหวินเฉิง ไอ้คนเลวทรามต่ำช้า” หัวคิ้วพลันขมวดขึ้น เขาตั้งใจลงน้ำหนักเท้าให้หนักขึ้น แง้มประตูเรียก “หลันซู เวลาพอสมควรแล้ว ได้เวลากลับแล้ว”
เขาไม่สนใจว่าแม่ยายจะรู้เรื่องนั้นหรือไม่ ในเมื่อเพื่อลูกสาวของตัวเองยังไงเธอก็ไม่กล้าพูดออกไป ถึงแม้เธอจะอยากพูดออกไป ก็คงต้องคิดหนักหน่อยระหว่างความสัมพันธ์ร่วมมือของสองตระกูล
“แม่ เรื่องนี้แม่ก็ทำเป็นไม่รู้ เรื่องของหนู หนูจัดการเองได้”
หญิงสาวที่สงบสติอารมณ์ได้แล้วจัดระเบียบตัวเองให้เรียบร้อย เดินกลับออกไปพร้อมกับกู้เหวินเฉิง
นั่งอยู่บนรถ ในใจของฉินหลันซูยังมีความสงสัย
ในเมื่อแม่เธอรู้ว่าเรื่องชู้สาวของกู้เหวินเฉิงแบบนั้น แล้วทำไมยังแนะนำเขาให้ฉินอีหลิน
ยังนึกถึงเมื่อก่อน ยังชื่นชมเขาต่อหน้าพ่ออีก ที่แท้ คนที่ต้องตกกับดักนี้คือฉินอีหลิน?
อีกด้าน ฉินอีหลินที่นั่งอยู่ข้างๆลี่โม่อวี่ที่กำลังตั้งใจขับรถไม่พูดไม่จา
เธอกัดริมฝีปากเบาๆ เงยหน้าขึ้นมา ถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจ
“เมื่อกี้ ทำไมคุณถึงตอบรับเรื่องฮันนีมูนกับฉินหลันซู”
ลี่โม่อวี่ที่กำลังตั้งใจขับรถ ได้ยินคำถามของหญิงสาวข้างๆ หางคิ้วกระตุก ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้ม กล่าวออกไปตามตรง
“ผู้หญิงของผมจะถูกคนอื่นเปรียบเทียบต่อไปได้ยังไงกัน ก็แค่ไปเที่ยวไม่ใช่หรอ”
ได้ฟังที่เขาบอก ในใจเธอรู้สึกผิดหวัง เธอคาดหวังอะไรอยู่นะ
พวกเธอก็แค่การแต่งงานในข้อแลกเปลี่ยน และที่เขาตอบรับหลันซู ก็เพื่อจะเอาชนะผู้หญิงคนหนึ่ง
ดังนั้น เธอยังจะวอนขออะไรอีกล่ะ
พยายามรักษารอยยิ้ม ฉินอีหลินเอ่ยออกไปเบาๆ
”อืม ก็แค่ไปเที่ยวเอง”