ตอนที่ 9 การที่พาผมไปด้วยมันทำให้คุณขายขี้หน้าขนาดนี้เลยเหรอ
วันต่อมา เป็นเช้าวันใหม่ที่แสงแดดส่องสว่าง
เพราะว่าลี่โม่อวี่ยังอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ด้วย ฉินอีหลินไม่อยากให้เขาทราบเรื่องงานแต่งงานของฉินหลันซู ก็เลยแอบหยิบการ์ดแต่งงานเดินออกไปย่างระมัดระวัง
พอถึงโรงแรมฉินอีหลินก็พบว่าตัวเองมาเร็วเกินไปจริงๆ ตอนนี้ยังไม่ถึงเจ็ดโมงตรง ทั้งห้องโถงยังคงกำลังจัดตกแต่งงานอยู่
ฉินอีหลินยืนมองพนักงานที่กำลังทำงานอยู่ข้างนอกประตู สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนประตูกระจก
คงเป็นเพราะเมื่อวานวุ่นอยู่กับลี่โม่อวี่ก็เลยทำให้นอนค่อนข้างดึก ที่ขอบตาของฉินอีหลินดำอย่างเห็นได้ชัด ต้องแต่งหน้าเบาๆเพื่อปกปิดสีหน้าที่เหนื่อยเพลีย
แต่ว่าหล่อนที่ดูอ่อนเพลียพอบวกเข้ากับการแต่งหน้าบางๆ ฉินอีหลินดูยังไงก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนที่น่าเวทนา
พอคิดแล้วก็วุ่นวายใจ หล่อนมางานแต่งงานนะ ไม่ใช่มาขอความเห็นอกเห็นใจ
พอลี่โม่อวี่ตื่นขึ้นมาเวลาก็เกือบจะเที่ยงแล้ว เขามองไปรอบๆด้วยความสับสน บรรยากาศที่แปลกตาทำให้เขานิ่งไปสักพักว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่
ค่อยๆคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ในเวลานั้นเขาและเห้อห้าวกำลังดื่มกันอยู่ที่ออฟฟิศ หลังจากนั้นเขาก็ดื่มจนเมา เลยให้เห้อห้าวพามาส่งที่อพาร์ทเม้นท์
“ฉินอีหลิน ช่วยเอาน้ำมาให้หน่อย”
เพราะว่าอาการเมาค้างทำให้ลี่โม่อวี่ปวดหัวอย่างแรง จึงบอกให้ภรรยาในนามของเขารินน้ำมาให้หนึ่งแก้ว
แต่ว่ารออยู่นานก็ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาเลย ลี่โม่อวี่เริ่มรู้สึกแปลกๆ
“ฉินอีหลิน?”
หลังจากที่เรียกชื่อผู้หญิงคนนั้นจบ จู่ๆเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้คือวันแต่งงานของคนที่ชื่อฉินหลันซู
ลี่โม่อวี่คิดไม่ถึง สุดท้ายแล้วหล่อนก็เลือกที่จะไม่บอกเขา
เขาทุบเตียงด้วยท่าทางหงุดหงิด ลี่โม่อวี่ในตามีความเคืองโกรธอย่างชัดเจน
ฉินอีหลิน พาฉันไปด้วยมันน่าขายหน้ามากเลยเหรอ?
ในตอนนี้ฉินอีหลินแอบอยู่ที่มุมๆหนึ่งตรงประตูโรงแรม มองดูเหล่าคนที่เคยเป็น “เพื่อนสนิท” มากมายทยอยเดินเข้าไปในงานเรื่อยๆ
หล่อนเริ่มรู้สึกลังเล รู้ดีว่าต้องเข้าไป แต่ไม่ว่ายังไงก็ก้าวเท้าไม่ออก
หล่อนยังจำตอนที่ฉินหลันซูมาให้การ์ดเชิญวันนั้นได้ หล่อนพูดแกมบังคับให้หล่อนพาสามีมาด้วย
แต่หล่อนไม่สามารถพาลี่โม่อวี่มาได้ จะให้พาคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบเขา มาให้คนอื่นหัวเราะด้วยกันกับหล่อนไม่ได้ หล่อนถึงขนาดที่ไม่ยอมบอกลี่โม่อวี่เรื่องที่หล่อนมางานแต่งงานวันนี้
งานแต่งงานของน้องสาว พ่อจะต้องอยู่แน่นอน หล่อนไม่กล้าให้พ่อเห็นหล่อนในสภาพน่าเวทนาแบบนี้
นับตั้งแต่วันที่ไปส่งการ์ดเชิญ ฉินหลันซูก็เอาแต่รอวันนี้ที่มาถึง
ไมใช่เพราะว่ากำลังจะได้เป็นเจ้าสาวของกู้เหวินเฉิง แต่เพราะว่าหล่อนในที่สุดได้ทำให้พี่สาวที่พ่อคอยเอาใจคอยประคบประหงมตั้งแต่เด็กได้เกิดความอับอายอัปยศอดสู
“ฉินอีหลินมาแล้วยัง?”
ฉินหลันซูอยู่ในห้องเจ้าสาวด้วยจิตใจที่อยู่ไม่สุข ตอนนี้เพียงสิ่งเดียวที่ทำให้หล่อนตื่นเต้นได้ ก็คือพี่สาวที่รักของหล่อน
ฉินหลันซูมองคนใช้ที่ส่ายหัวไปมา ในตาเยือกเย็นขึ้น ถ้าเกิดวันนี้ฉินอีหลินไม่มาล่ะก็ งานแต่งงานของหล่อนก็จะขาดสีสันเลยน่ะสิ
ฉินหลันซูไม่สนว่าตัวเองกำลังใส่ชุดเจ้าสาวอยู่ หล่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องโถงทันที พอถึงประตูทางเข้าก็ไม่เห็นฉินอีหลินอย่างที่คิดไว้
แววตานิ่งขรึม ในขณะหล่อนกำลังจะโทรศัพท์ สายตาก็เหลือบไปที่ประตูกระจกเห็นคนคนหนึ่งที่แต่งกายแบบสามัญชนทั่วๆไป รูปร่างท่าทางแบบนั้นมันก็คือพี่สาวของหล่อนนั่นเอง หล่อนก็ยิ้มขึ้น
ฉินอีหลินรู้ดีว่าตนเองแต่งตัวได้โทรมๆธรรมดาๆ เลยไปแอบไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปในห้องโถง
“พี่”
ฉินหลันซูเอ่ยปากเรียกไปทางฉินอีหลิน พลางเดินไปควงแขนของหล่อนเข้าไปในโรงแรมอย่างสนิทสนม
ฉินหลันซูเห็นชุดของพี่สาวของตนอยู่นานแล้ว แต่แกล้งทำเป็นเพิ่งมาเห็น
“พี่ น้องสาวของพี่แต่งงานทั้งที ทำไมถึงใส่ชุดที่โทรมขนาดนี้ล่ะ”
ฉินหลันซูทำปากมุ่ยๆพร้อมพูดบ่นขึ้น สายตาเหยียดหยามและดูถูกอย่างเห็นได้ชัด
ฉินอีหลินมองดูฉินหลันซูที่กำลังควงแขนหล่อนอย่างสนิมสนม ฉินหลันซูพูดเสียดสีหล่อนด้วยสายดูถูก
ฉินอีหลินพูดไม่ออกว่าตอนนี้กำลังรู้สึกอะไรอยู่ ฉินหลันซูเกลียดหล่อนขนาดนี้เลยเหรอ? แล้วเมื่อก่อนที่ทำดีกับหล่อนคือสิ่งที่ฉินหลันซูแสร้งทำขึ้นเหรอ?
ฉินอีหลินถูกน้องสาวลากมาถึงห้องโถงใหญ่ พอเหลือบสายตาไปก็เห็นพ่อที่จอนผมสีเริ่มเทาๆขาวๆ ผ่านไปในเวลาไม่นาน นายท่านฉินดูแก่ลงเยอะมาก
“พ่อคะ แม่คะ”
ฉินอีหลินหวนคิดถึงความรักพ่อที่มีต่อหล่อนเมื่อตอนเด็ก ในใจก็เริ่มรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก
ลูกสาวที่เขารักสุดดวงใจดันไปแต่งงานกับบาร์โฮส ฉินอีหลินรู้ดีว่าพ่อจะต้องรับไม่ได้กับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ถึงทำให้ผมขาวเร็วขนาดนี้
ที่ไม่เหมือนกับนายท่านฉินก็คือ คุณนายฉินที่เห็นฉินอีหลินเดินมาทางตนแต่กลับไม่มีท่าทางคิดถึงแม้แต่น้อย
ถึงขนาดที่ว่าตอนที่ฉินอีหลินเรียกหล่อนด้วยความรู้สึกผิด สีหน้าของคุณนายฉินก็ยังคงเย็นชาไม่แยแสฉินอีหลินเหมือนเดิม
นายท่านฉินมองลูกสาวตรงหน้า แม้ว่าหน้าตาของหล่อนจะไม่เปลี่ยน แต่ว่าความหวงแหนที่อยู่ในตามันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน
จู่ๆเขาก็รู้สึกสะเทือนอารมณ์ หญิงสาวตรงหน้าคนนี้โตขึ้นจนไม่ต้องให้เขาไปปกป้องแล้ว หล่อนสามารถออกจากตระกูลฉินไปเลี้ยงดูตัวเองได้แล้ว ยืนหยัดด้วยตัวเองได้แล้ว
นายท่านฉินยิ้มอ่อนๆพยักหัวรับคำทักทาย “พ่อคะ” คำนั้น เขาจ้องมองฉินอีหลินอยู่นาน แล้วจึงพูดขึ้น
“ลูกไปอยู่เป็นเพื่อนน้องในห้องเจ้าสาวสิ วันนี้เป็นวันแต่งงานของน้อง คงจะรู้สึกเครียดอยู่ ไปช่วยอยู่เป็นเพื่อนน้องเขาสักหน่อยก็ดี”
“อื้ม เข้าใจแล้วค่ะพ่อ”
ฉินอีหลินไม่ว่าจะถูกน้องสาวเอาเปรียบเพียงใด หล่อนก็จะไม่บอกพ่อเด็ดขาด หล่อนไม่อยากให้พ่อรู้สึกไม่สบายใจ
“พี่ดูสิ ฉันกะจะจัดงานเล็กๆเท่านั้นเอง ไม่ได้กะใจให้มันดูเว่อวังอะไรขนาดนี้ด้วย แต่ว่าเหวินเฉิงน่ะสิไม่ยอม เขาอยากให้งานแต่งของเรายิ่งใหญ่ที่สุด”
“เอาแต่พูดว่าถ้าเล็กเกินไปกลัวว่ามันจะไม่เหมาะสมกับฉัน ทำตัวอย่างกับเด็กไปได้ ก็แค่งานแต่งงานเอง จะมาเล็กใหญ่อะไรกันล่ะ”
พอมาถึงห้องเจ้าสาว ฉินหลันซูที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งหน้ากระจกแสร้งทำเป็นบ่นๆให้ฉินอีหลินฟัง แต่ว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความสะใจอย่างชัดเจน
ฉินอีหลินที่นั่งกินน้ำชาอยู่หน้าโซฟา พอได้ยินที่ฉินหลันซูพูดมาก็เพียงแค่ยิ้มน้อยๆไม่ได้พูดอะไร
“ใช่แล้วพี่”
ฉินหลันซูดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ หันมามองฉินอีหลินด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ตอนที่พี่หนีไปอยู่กับบาร์โฮสนั่น พวกเราโกรธจะแย่ แต่ว่าพี่ เรื่องแต่งงานของผู้หญิงมันเป็นเรื่องใหญ่มากในชีวิต แล้วพี่กับสามีจะจัดแต่งงานกันเมื่อไร?”
ในใจของฉินหลันซูรู้ดีว่าหล่อนกับผู้ชายคนนั้นไม่มีทางที่จะจัดงานแต่งงานกันได้ แต่ก็ยังจะมาพูดจิกฉินอีหลิน
หล่อนแค่อยากจะลองดูว่าลูกสาวที่พ่อทั้งเคยรักทั้งเคยหวงคนนี้ถ้าเทียบกับหล่อนแล้วจะทำอย่างไร
“พวกเราไม่มีงานแต่งหรอก เพียงแค่ไปจดทะเบียนสมรสกันที่ที่ว่าการเขตเท่านั้น”
ฉินอีหลินรู้เจตนาของฉินหลันซูดี ในใจก็รู้สึกไม่ดีนิดหน่อย จริงๆแล้วหล่อนก็แอบอิจฉาฉินหลันซูที่ได้ใส่ชุดเจ้าสาว
หล่อนกำลังคิดว่าถ้าหล่อนจัดงานแต่งงานกับลี่โม่อวี่ขึ้นมาจริงๆ สมุดเล่มสีแดงหนึ่งเล่ม ใบสัญญาหนึ่งฉบับ พูดกันตามจริงแล้วผู้หญิงทุกคนล้วนมีความฝันที่จะได้เป็นเจ้าสาว หล่อนก็มีเช่นกัน
ไม่ต้องหรูหราอะไรมากมาย ขอแค่ชุดเจ้าสาวสักชุด มีเพื่อนที่แสดงความยินดีกับหล่อนสักกลุ่ม แค่นี้ก็พอแล้ว