ตอนที่ 14 ผมไม่เคยคิดจะอย่า
“คุณไม่ลง ฉันลงเอง”
ฉินอีหลินมองลี่โม่อวี่อย่างโกรธเคือง สะบัดมือเขาออกแล้วเปิดประตูลงจากรถไป
ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็ต้องทำใจอยู่ให้ได้ เธอไม่ใช่พวกขี้กลัวจนหัวหด
ลงจากรถแล้วเธอจึงเริ่มพินิจพิจารณาสถานที่ตรงหน้า
สิ่งก่อสร้างสีขาวสะท้อนเข้าสู้สายตา บริเวณโดยรอบบรรยากาศเขียวชอุ่ม ดอกไม้รับกัน ภายใต้แสงอาทิตย์ที่อบอุ่นสรรพสิ่งต่างพากันเสพสุขกับโลกที่เงียบสงัด
“ยินดีต้อนรับคุณผู้หญิงกลับบ้านค่ะ”
ทันใดนั้น เสียงกังวานดังขั้นทันที หลังจากนั้นหญิงสาวที่งามสง่าในชุดยูนิฟอร์มเข้ามาต้อนรับเธอ
คนนั้นอายุราวๆยี่สิบห้ายี่สิบหก รูปร่างผอมสูง ผมที่ถูกมวยเกล้าขึ้นเผยให้เห็นหน้าผากและลำคอระหง ใบหน้าไม่ได้แต่งอะไรมากมายแต่กลับงดงามเปล่งปลั่ง ดูมีชีวิตชีวาทำให้แววตาของฉินอีหลินวาววับชั่วครู่
ด้านหลังของเธอ เหล่าสาวใช้ในชุดที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่งตัวในชุดสาวใช้ พอเห็นฉินอีหลินยืนอยู่ตรงหน้าจึงโค้งคำนับพร้อมทั้งกล่าวต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง
“ยินดีต้อนรับคุณผู้หญิงกลับบ้านค่ะ”
แค่มองก็รู้ได้ว่าถูกฝึกมา มุมปากลี่โม่อวี่ยกขึ้น เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “นี่คุณทำอะไร”
“นี่ก็ไม่ใช่ต้อนรับนายหญิงคนใหม่หรือไงคะ เพียงแต่เวลาฉุกละหุกไปหน่อย มีหลายอย่างที่เตรียมไม่ทัน”
รอยยิ้มบนใบหน้าของชิวหันเยียนยังคงไม่แปรเปลี่ยน เธอมองสบตาลี่โม่อวี่พร้อมตอบคำถาม
สุดท้าย ชิวหันเยียนค้อมคำนับให้ฉินอีหลิน “หวังว่าคุณผู้หญิงจะไม่ถือสานะคะ”
เมื่อฉินอีหลินได้ยินคำพูดของชิวหันเยียน ชะงักไปชั่วครู่ การจัดเตรียมการต้อนรับแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ฉันชื่อชิวหันเยียน เป็นหัวหน้าแม่บ้านที่นี่”สองมือประสานไว้ด้านหน้าพร้อมกล่าวแนะนำตัว
“ฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมา เป็นระยะเวลาก็ห้าปีกว่าแล้ว คุณผู้หญิงอยู่ที่นี่หากมีเรื่องอะไรเรียกฉันได้เลยค่ะ”
ไม่รู้ทำไม แม้ว่าใบหน้าของเธอคนนั้นจะประดับด้วยรอยยิ้มงดงาม แต่ฉินอีหลินกลับมีความรู้สึกไม่ผ่อนคลายสบายใจเลย
คำพูดของเธอคนนั้นทำให้ตัวเธอเองรู้สึกไม่ดีหรอ ราวกับว่ามีความรู้สึกแสดงความเป็นเจ้าของ ต้อนรับแขกในฐานะนายหญิงของบ้าน
ห้าปีกว่า งั้นเธอกับลี่โม่อวี่ก็อยู่ด้วยกันมาตลอด บางทีอาจจะคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองไปแล้ว
ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ฉินอีหลินกลับรู้สึกสงสัยว่าระหว่างตัวเธอกับลี่โม่อวี่นั้นอยู่ในสถานะไหน ทั้งๆที่ไม่ได้อยากอยู่ด้วยกันแต่ราวกับปมที่ยิ่งแก้ยิ่งพันกันเข้าไปใหญ่
ลี่โม่อวี่ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะให้ทั้งสองพูดคุยไร้สาระ รีบจูงมือฉินอีหลินเดินตรงเข้าไปในบ้าน พร้อมบอกกับเธอว่า
“เธออยู่ที่นี่มานานแล้ว คุ้นเคยมากกว่าผม มีอะไรก็เรียกใช้เธอได้”
ครั้งนี้ฉินอีหลินทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ได้โต้ตอบเขากลับไป
ลางสังหรณ์บอกเธอว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบเธอ
แววตาของชิวหันเยียนจ้องมองไปยังแผ่นหลังของฉินอีหลิน รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปตั้งแต่ฉินอีหลินหันหลังให้
เธอมองไม่ออกจริงๆว่าผู้หญิงคนนี้มีดีอะไร หน้าตาก็ธรรมดา รูปร่างก็งั้นๆ เธอไม่เข้าใจ ทำไมลี่โม่อวี่ถึงเลือกผู้หญิงที่เทียบเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
คิดถึงตัวเองที่ยอมทนและทุ่มเทมาตลอดหลายปี ลี่โม่อวี่มองไม่เห็นมันเลยแถมยังพาผู้หญิงอื่นมาเป็นนายหญิงของที่นี่อีก เธอยอมไม่ได้
ด้วยความคับแค้นใจ เธอกดโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคน
เพียงได้ยินเสียง ชิวหันเยียนราวกับเจอที่ระบาย เธอระบายออกไปทั้งหมด น้ำเสียงไม่เคยรุนแรงแหลมคมขนาดนี้มาก่อน
“เห้อห้าว เธอทำงานยังไงกันแน่ บอสแต่งงานเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมพึ่งจะมาบอกฉัน”
“ไม่ต้องมาบอกฉันว่าก่อนหน้าเธอก็ไม่รู้ ตั้งแต่เริ่มติดตามบอส ก็เป็นคนคอยจัดการเรื่องเล็กๆน้อยๆให้บอสมาตลอด ฉันทำงานให้บอสมาห้าปีแล้ว เป็นหัวหน้าแม่บ้านมาห้าปี ฉันยังไม่มีสิทธิ์รับรู้เรื่องพวกนี้อีกหรอ”
หลังจากที่ชิวหันเยียนโวยวายจบ เห้อห้าวจึงหัวเราะแห้งๆ ขมวดคิ้วขึ้น
ความคิดของชิวหันเยียนเขารู้ดีเป็นที่สุด บางทีพี่ใหญ่ก็อาจจะรับรู้เช่นกัน หลายปีมานี้ก็อยู่ด้วยกันมาตลอดแต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย นี่เธอยังไม่รู้เจตนาของพี่ใหญ่อีกหรอ
“แม่บ้านชิว เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว คับแค้นใจไปยังไงก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว คุณทำหน้าทีของคุณให้ดีก็พอแล้ว…”
ทำหน้าที่ให้ดีหรอ
ได้ยินคำนี้ สมองเธอก็อื้ออึงทันที
นึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอทำดีกับเขา ลี่โม่อวี่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ และเธอก็เคยชินกับการอยู่ร่วมกันแบบนั้น จนกระทั่งคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นตลอดไป
แต่วันนี้ นับตั้งแต่ช่วงบ่ายที่มีข้าวของเครื่องใช้ผู้หญิงถูกส่งมาที่นี่ ความฝันอันงดงามของเธอได้แตกสลายโดยสิ้นเชิง
“ทำไมกัน” ชิวหันเยียนไม่ได้เค้นถามด้วยความโกรธอีกแล้ว น้ำเสียงแธอเปลี่ยนเป็นเศร้าขึ้นมาทันทีบ่งบอกถึงความเจ็บปวด
เห้อห้าวไม่ได้มีเวลามาสิ้นเปลืองกับการซักถามของชิวหันเยียนมากขนาดนั้น เขายังมีอะไรต้องทำอีกหลายอย่าง
“แม่บ้านชิว ฉินอีหลินไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ พี่ใหญ่แคร์เธอมาก เขามีความสุขที่อยู่กับเธอ คุณก็อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย”
“ผมรับรองกับคุณได้เลยว่าหากคุณกล้าแหย่พี่สะใภ้ละก็ จุดจบของคุณคงไม่สวยแน่ๆ อ้ออีกอย่าง พี่สะใภ้อยู่คอนโดมาก่อนหน้านี้แล้ว เชื่อว่าถึงผมจะไม่ได้พูดออกไปคุณคงจะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร”
เห้อห้าวเก็บของและพยายามเตือนชิวหันเยียนไปด้วย
พอชิวหันเยียนฟังจบ ความเจ็บปวดในใจยิ่งมีมากขึ้น
ห้าปีก่อน เธอยังอ่อนวัย ในตอนนั้นเพื่อที่จะได้เจอหน้าลี่โม่อวี่ทุกวัน เธอยอมทิ้งมหาวิทยาลัยชื่อดัง ยินดีที่จะเป็นหัาหน้าแม่บ้านให้เขา
ตอนนั้นเธอไร้เดียงสานึกว่าเพียงแค่ได้อยู่เคียงข้างเขา ทำดีกับเขา จะต้องมีสักวัน ถึงที่สุดลี่โม่อวี่จะมองเห็นความดีของเธอ
แต่ตอนนี้…..เธอยากที่จะยอมรับ
ภายในห้อง ฉินอีหลินมองข้อมือที่ถูกลี่โม่อวี่ยึดไว้ อยากจะต่อสู้ดิ้นรน
พอนึกถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ไม่ชัดเจนอะไรเลย “ลี่โม่อวี่ ปล่อยฉันนะ ฉันคิดว่าเราควรต้องคุยกันดีๆแล้วล่ะ”
ลี่โม่อวี่เม้มปากแน่นไม่พูดไม่จา มือที่ยึดข้อมือเธอไว้ไม่ได้อ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย ไม่มีทางให้เธอหลุดจากพันธนาการของเขาได้
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ในเมื่อทั้งสองคนก็เดินมาถึงในจุดนี้แล้ว ยังต้องมีอะไรต้องคุยกันอีก ปล่อยเลยตามเลยไม่ดีหรืออย่างไร
“ลี่โม่อวี่ คุณจะเอายังไงกันแน่ แต่ก่อนเป็นฉันเองที่เข้าใจคุณผิดไป นึกว่าคุณทำอาชีพแบบนั้นเลยแต่งงานกับคุณ ตอนนี้ฉันสำนึกผิดแล้ว เราจะหย่ากันตอนนี้เลยก็ได้”
เพราะเธอไม่บอกเรื่องงานแต่งงานของฉินหลันซู เดิมทีก็รู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว เวลานี้ต้องมาได้ยินฉินอีหลินบอกว่าจะหย่า ความโกรธยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก
นี่สมองของผู้หญิงคนนี้ทำมาจากอะไรกันแน่นะเขามันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ
เริ่มแรกคิดว่าเขาทำงานกลางคืน จะแต่งงานกับเขา ตอนนี้รู้ฐานะของเขาแล้วบอกจะอย่ากับเขา ผู้หญิงคนนี้เสียสติไปแล้วหรือยังไง
แววตาของลี่โม่อวี่แน่วแน่ ผลักฉินอีหลินล้มลงไป กดเธอไว้บนโซฟา สูดกลิ่นกายหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏพร้อมเอ่ย
“หย่างั้นหรอ ฉินอีหลิน ผมจะบอกอะไรคุณให้ ตั้งแต่วันที่เราแต่งงานผมไม่เคยคิดจะหย่าเลยด้วยซ้ำ”