ตอนที่ 42 คุณจะไปจากพี่ใหญ่ไหม
ฉินอีหลินไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ดี เพื่อต่อสู้กับอำนาจสิทธิของครอบครัวก็ดี หรือเพียงเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีความสำคัญมาแค่ไหน สุดท้ายแล้วมู่หลิงก็จงใจที่จะกระตุ้นอารมณ์ของเธอ ถึงจะพอใจกับท่าทางจอมปลอมของเธอ
ยิ้มเล็กน้อย ฉินอีหลินทำราวกับว่าไม่เข้าใจ จับมือผู้หญิงตรงหน้าเช่นเดียวกัน ด้วยใบหน้าที่สับสนมึนงง
“อ่ออ ไม่เป็นไรค่ะ ทิ้งแล้วก็ทิ้งไปเถอะ พอดีเลยที่สามีของฉันไม่ชอบเสื้อผ้าพวกนี้มานานแล้ว บังคับให้ฉันซื้อใหม่ คุณไม่ต้องรู้สึกผิด ยังไงก็ต้องเอาของเก่าทิ้งไป คุณทิ้งหรือฉันทิ้งก็เหมือนกันค่ะ”
พูดจบ ฉินอีหลินเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของมู่หลิงเปลี่ยนไปในทันที
จริงๆแล้วดูจากภายนอกฉินอีหลินเป็นคนที่น่ารังแก แต่ถ้าใครคิดที่จะข่มหัวเธอ ต้องดูว่าตอนนี้อารมณ์เธอเป็นยังไง
“ดึกมากแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อน เชิญคุณตามสบายเลยค่ะ”
ยิ้มพร้อมกล่าวคำอำลาผู้หญิงตรงหน้า หันหลังเดินออกไป
ทันทีที่ออกจากคอนโด ฉินอีหลินรู้สึกหนาว เป็นครั้งแรกที่เธอไม่มีบ้านให้กลับ แม้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยถูกตระกูลฉินไล่ออกจากบ้าน แต่ในขณะเดียวกันลี่โม่อวี่ก็ยอมรับเธอ
ตอนนี้แม้แต่ ลี่โม่อวี่ก็ไม่ปกป้องเธออีกแล้ว เธอยังจะพึ่งใครได้
ฉินอีหลินอยากที่จะโทรไปหาผู้ชายคนนั้น ถามเขาว่าจะเอายังไง จะแก้ไขเรื่องนี้ยังไง
แต่โทรศัพท์ของเธอ ดันมีเสียงแจ้งเตือนปิดเครื่อง
ตอนเช้าตรู่ ของวันที่ 2 ……พยายามโทรไปหา….. ดีที่ครั้งนี้ติดต่อได้
“ลี่โม่อวี่ ฉันอยากคุยกับคุณ คุณว่างตอนไหนคะ?”
“คุณเข้ามาที่บริษัทผมเถอะ”
ลี่โม่อวี่เงียบอยู่นาน พูดออกมาแค่ประโยคเดียวเท่านั้น
ความเงียบที่เริ่มอึดอัด บรรยากาศตอนนี้ทำให้….. ฉินอีหลินเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง
ถอนหายใจออกมาเงียบๆ เธอวางสาย แล้วโทรหาหลินเซิงเกอลางานอีกแล้ว ที่จริงแล้วฉินอีหลินก็ลำบากใจที่จะพูดออกมา
“คุณผู้หญิงคะ ต้องขอโทษด้วยค่ะ ถ้าไม่ได้นัดไว้ ก็เข้าพบประธานลี่ไม่ได้ค่ะ
พนักงานงานต้อนรับยิ้มแย้มตอบกลับอย่างมืออาชีพ ใบหน้าขอโทษเดินพุ่งเข้ามากล่าวกับฉินอีหลิน
คนที่อยากเธอประธานลี่มีเยอะมาก ถ้าให้เจอทุกคนละก็ นั้นเธอก็ไม่ต้องทำงานนี้แล้ว ท่านประธานก็คงให้เธอกลับไปอยู่บ้าน
“พี่สะใภ้?”
เซียวน่ายถือเอกสารเดินเข้ามา ทันใดนั้นก็เห็น รูปร่างหน้าตาที่ดูแล้วคล้ายกับพี่สะใภ้ของตัวเองยืนอยู่ที่แผนกตอนรับ จึงเดินเข้าดูใกล้ ๆ คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้คือฉินอีหลินจริงๆ
“สวัสดีครับ”
พอดีกับที่ฉินอีหลินรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ไม่รู้จะพูดกับพนักงานต้อนรับยังไงดี
ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังมาจากด้านหลัง
เธอจำได้ ในงานแต่งของฉินหลันซูผู้ชายคนนี้เป็นคนประกาศตัวตนที่แท้จริงของลี่โม่อวี่ต่อสาธารณชน ให้เธอและคนจำนวนมารับรู้ ว่าแท้จริงแล้วลี่โม่อวี่ไม่ใช่ชายหนุ่มเลี้ยงวัวจนๆที่ใครเข้าใจกัน
เซียวน่าย มองเห็นพี่สะไภ้หน้าซีดเซียว ในใจก็สงสัยว่าเธอคงรู้เรื่องที่มู่หลิงกลับมาแล้ว ที่สำคัญตอนนี้เธอยังพักอยู่ที่คอนโดเก่า
เขาจำได้ เมื่อก่อนผู้หญิงคนนั้นเคยอยู่ที่นั้นมาโดยตลอด
. เซียวน่ายหงุดหงิดแทนฉินหลันซูอย่างมาก เขามองมู่หลิงไม่มีความรู้สึกที่ดีไม่เหมือนแบบที่มองพี่สะใภ้ตัวเอง อ่อนโยน เข้ากับคนได้ง่าย
“คุณมาหาพี่ใหญ่ใช่ไหม เขาอยู่ชั้นบนสุด ผมพาคุณไป”
เซียวน่ายยิ้มอย่างสุภาพอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีพฤติกรรมที่ โอ้อวดถือดี หรือไม่เจียมตัวเลยแม้แต่น้อย
นิสัยนี้ทำให้ในใจเซียวน่ายยิ่งเพิ่มคะแนนให้อีกเป็นหลายเท่า
“นั้นรบกวนคุณด้วยค่ะ”
ฉินหลันซู.ยิ้มแสดงความขอโทษ เดินตามผู้ชายคนนั้นเข้าไปในลิฟท์ จริงๆแล้วเรื่องที่เธอต้องไปพบลี่โม่อวี่ ก็ยังกังวลอยู่ไม่น้อย
ครู่หนึ่ง จนเธอคิดถึงใบหน้าที่ไม่สบายใจของ.ลี่โม่อวี่ ก็คิดอยากที่จะเดินหนีออกไป
เซียวน่ายมองดูผู้หญิงบอบบางข้างกายจิตใจสับสน บีบเอกสารที่อยู่ในมือแน่น เห็นกระดูกที่โผล่ออกมาอย่างชัดเจนเพิ่มแรงมากขึ้นจนผิดแปลกไป
เขามั่นใจว่า มู่เนี่ยนอวี่เป็นลูกของลี่โม่อวี่ เมื่อกี้นี้เขาเพิ่งไปรับผลตรวจมาด้วยตัวเอง และผลที่ออกมากับสิ่งที่มู่หลิงพูดออกมาทั้งหมด เป็นเรื่องจริง
“พี่สะใภ้ คุณจะไปจากพี่ใหญ่หรือเปล่า?”
จริงๆแล้วเขาอยากถามฉินอีหลินในวันนี้มู่หลิงกลับมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงคนนั้นมีลูกกับสามีของเธอ เธอจะทำยังไงต่อไป
แต่ปากของเขา ดันไปถามออกไปแบบนั้น
ฉินอีหลินได้ยินคำถามนี้ก็ยิ้มให้เซียวน่ายอย่างอ่อนโยน แต่ก็ไม่ได้ตอบ
พอดีกับที่ประตูลิฟท์เปิดออก . เซียวน่ายก็เลิกถามคำถามนี้ พาผู้หญิงข้างกายไปที่ห้องทำงานของลี่โม่อวี่
เคาะประตู เซียวน่ายให้ฉินอีหลินเดินเข้าไปก่อน ตามด้วยเขา จากนั้นก็เอาผลตรวจดีเอ็นเอ วางลงบนโต๊ะของลี่โม่อวี่
“พี่ใหญ่ ฉันยังมีเอกสารที่ยังจัดการไม่หมด ขอตัวกลับก่อน พี่สะใภ้ ผมไปก่อนนะ”
“อืม เมื่อกี้นี้ขอบใจมากนะ”
ลี่โม่อวี่ไม่ได้สนใจ ฉินอีหลินพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เซียวน่าย จากนั้นก็เดินออกไป
เมื่อประตูปิดลงอีกครั้ง ฉินอีหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความรู้สึกที่ซับซ้อนค่อยเบาบางลง นำเอาหนังสือจดทะเบียนหย่า 2 ใบ ออกมาจากกระเป๋า
หางตาเหลือบมองเอกสารที่เซียวน่ายวางไว้ ผลตรวจดีเอ็นเอแสดงความเป็นพ่อที่แท้จริงทิ่มแทงสายตาฉินอีหลิน.ด้วยความเจ็บปวด เธอแกล้งยิ้ม …. ฉินอีหลินไม่ต้องการให้ลี่โม่อวี่เห็นความเจ็บปวดและความเศร้าของตัวเอง ยิ้มอย่างอวดดีเป็นสิ่งที่เธอแสร้งทำมันทั้งหมด เธอไม่อยากแสดงความอ่อนแอแม้แต่นิดเดียวต่อหน้าผู้ชายคนนี้
“ทั้ง 2 ฉบับนี้เป็นหนังสือจดทะเบียนหย่า ฉันเซ็นมันเรียบร้อยแล้ว คุณลองอ่านดู ถ้าไม่มีปัญหา คุณก็เซ็นได้เลยค่ะ”
ลี่โม่อวี่ไม่ได้มองหนังสือจดทะเบียนหย่าที่วางอยู่บนโต๊ะแม้แต่น้อย เขาจ้องมองฉินอีหลินอย่างเยือกเย็น ราวกับเดาอารมณ์ออก ยกมุมปากจนทำให้แผลเป็นที่ปรากฏอยู่บนดวงตาขยับขึ้น “ที่คุณมาหาผม ก็เพราะอยากคุยเรื่องนี้”
ฉินอีหลินจับกระเป๋าถือเอาไว้แน่น ไม่พูดอะไรออกมา จริงๆแล้วเธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร
ลี่โม่อวี่ไม่ใส่ใจกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ เงยหน้ามองผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง
ผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย หยิบหนังสือจดทะเบียนหย่าขึ้นมาขยำ ทิ้งลงไปในถังขยะ
“ผมจำได้ ว่าตอนแต่งงานมีใครบางคนสัญญาไว้กับผม เมื่อไหร่ที่หย่ากัน เธอจะนำเงินที่เหลือ 250,000 หยวน โอนเข้าบัญชีผม ฉินอีหลินถ้าคุณอยากจะหย่าขนาดนี้ ผมก็ไม่ทำให้คุณลำบากใจ คุณแค่เอาเงิน 250,000 หยวน มาคืนให้ผมตอนนี้ ผมจะยอมหย่ากับคุณ”
ลี่โม่อวี่ลุกขึ้นยืน เดินไปตรงหน้าภรรยาตัวเอง จับจ้องผู้หญิงที่ไม่ได้เจอมาหลายวัน มองสังเกตใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
เธอไร้เรี่ยวแรง เป็นเพราะเขารึเปล่า