ตอนที่ 25 ต่อไปก็มีลูกสักคนไหม
ตกดึก ห้องทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยความมืด
ฉินหลันซูวางสายโทรศัพท์ นั่งนิ่งอยู่บนเตียงฟังเสียงน้ำดังออกมาจากห้องน้ำ กำโทรศัพท์ในมือแน่น
เธอไม่อยากยอมรับ ไม่ยอมที่เธอกับฉินอีหลินต่างกันราวฟ้ากับเหว สิ่งที่เธอได้รับฉินอีหลินจะต้องรับผิดชอบ
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก กู้เหวินเฉิงพันแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผม เขาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมถาม “เมื่อกี้คุณโทรหาใคร”
ตอนที่ประตูถูกเปิดออก ฉินหลันซูรีบปรับอารมณ์ของเธอให้ผ่อนคลายลง ทิ้งโทรศัพท์ลงบนเตียง เธอยิ้มเยาะมองไปยังผู้ชายที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ
“พี่สาวของฉัน ต้องนัดเวลาไปเที่ยวหน่อย เรื่องนี้คุณคงพอจะนึกออกไหม”
กู้เหวินเฉิงได้ยินว่ากล่าวถึงฉินอีหลิน หัวคิ้วจึงขนาดขึ้น แววตาเยือกเย็น
โยนผ้าขนหนูทิ้ง เขาบีบปลายคางเธอแน่น สายตาอันตรายหรี่แคบ
เขาไม่ใช่คนโง่ ตอนนั้นที่งานแต่งพึ่งผ่านไปได้ไม่นาน เขารู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้าเธอยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองสมปรารถนา
“ทางที่ดีคุณอย่ามาลูกไม้กับผมเลย”
“ลูกไม้? ลูกไม้ฉันมีเยอะเท่าคุณหรอ”
มือฉินหลันซูยื่นไปจับมือที่ยึดปลายคางของเธอ แววตาดูไม่ออกว่าดูถูกหรือเยาะเย้ยตนเอง
“มีใครที่แต่งกับน้องสาวแล้วยังห่วงหาพี่สาวอีก”
ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้ากู้เหวินเฉิง
กดน้ำหนักนิ้วมือมากขึ้น เขาพอใจที่ได้ยินฉินหลันซูเอ่ยความคับแค้นใจ ค่อยปล่อยมือพร้อมยืดตัวตรง
เขาไม่คิดว่าผู้หญิงตรงหน้าที่มีความเฉลียวฉลาดไม่พอใช้ จะรู้จักสังเกตขนาดนี้ ไม่ผิด เขาสนใจในตัวฉินอีหลิน แต่ก็พึ่งเคยได้เจอตอนงานแต่งวันนั้น
เขาไม่ตอบโต้ นิ้วมือชี้ไปหาภรรยาตัวเอง ปัดผ่านลำคอระหง กระดูกไหปลาร้างดงาม เคล้นคลึงจุดอ่อนนุ่มที่ผู้หญิงพึงมี
“พวกคุณพี่น้องนิสัยแตกต่างกันสิ้นเชิง หากบอกว่าคุณคือกุหลาบที่มีหนาม งั้นเธอก็คงเหมือนดอกบัว แม้ว่าพวกคุณจะอยู่ด้วยกันมานาน เธอก็ยังคงขาวสะอาด รสชาติของคุณผมได้เชยชิมแล้ว เดาว่ารสชาติของพี่สาวคุณคงไม่เหมือนกัน”
พูดถึงตรงนี้ กู้เหวินเฉิงกดฉินหลันซูลงบนเตียง เคล้นคลึงจุดอ่อนนุ่มส่วนล่างของหญิงสาว ริมฝีปากคลอเคลียชิดใบหู
“แต่ว่า ผมแปลกใจว่า ในเมื่อคุณรู้ว่าผมสนใจในตัวพี่คุณ ทำไมยังชวนฉินอีหลินไปฮันนีมูนกับเราอีกล่ะ”
ฉินหลันซูที่ถูกกดลงชั่วครู่พลันตัวสั่น ทุกครั้งที่มีอะไรกับเขามันคือความทุกข์ระทมของเธอ ความเจ็บปวดราวกับโดนฉีกขาด รอยเขียวช้ำ เธอไม่รู้ คงจะมีสักวันที่เธอต้องตายอยู่บนเตียงนี้
ยิ้มปกปิดความรู้สึกนี้ ฉินหลันซูใช้มือผลักคนตรงหน้าออก หยิบชุดนอนของตัวเองแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องอาบน้ำ
“กู้เหวินเฉิง ฉันทำให้เห็นชัดเจนขนาดนี้แล้ว ถ้าคุณยังไม่เข้าใจอีก ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว”
ฉินหลันซูหันหลังให้ชายบนเตียง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที
สิ่งโหดร้ายที่เธอได้รับ เธอก็ต้องให้พี่สาวสุดที่รักของเธอได้ลิ้มลองมันบ้าง
ประตูห้องน้ำปิดลง เสียงน้ำดังผ่านออกมา กู้เหวินเฉิงยกผ้าห่มคลุมขา ในหัวไม่สามารถสลัดภาพฉินอีหลินในชุดสีฟ้าน้ำทะเลนั้นออกไปได้ แม่ร่างในชุดนั้นจะเล็ก แต่ทรวงอกยังคงอวบอัดน่าหลงใหล
บางส่วนในร่างกายร้อนขึ้น เขาตกใจพบว่าเพียงแค่นึกถึง เธอก็ทำให้เขาตื่นได้ขนาดนี้ช่างเป็นสิ่งที่พิเศษจริงๆ
แต่ว่า กู้เหวินเฉิงไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าอะไรเล่นได้อะไรไม่ควรเล่น
ฉินอีหลินไม่ใช่หญิงสาวขี้เหงาแบบนั้น ที่จะมาเรียกร้องให้เขาเล่นด้วย ยิ่งไปกว่านั้น หากฉินอีหลินเหงาจริง คนที่กล้าเล่นกับเธอก็คงต้องวัดกันหน่อยว่ามีอำนาจมากพอที่จะสู้กับ H&J
เสียงน้ำในห้องน้ำเงียบลงแล้ว เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นของฉินหลันซูภายใต้แสงไฟส่องสว่าง แม้จะเห็นเรือนร่างไม่ชัด มุมปากของกู้เหวินเฉิงยกยิ้ม แต่ว่า ในเมื่อผู้หญิงคนนี้บอกเขาแบบนั้น แสดงว่าเธอก็คงมีแผนการแล้ว
เขาเฝ้ารอการฮันนีมูนครั้งนี้อย่างมาก
เวลาทำงานฉินอีหลินมักจะใจลอยอยู่บ่อยๆ เธอไม่รู้ว่าถ้าไปฮันนีมูนจริงๆ เธอจะมองหน้าฉินหลันซูกับกู้เหวินเฉิงได้อย่างไร
แอบมองหลินเซิงเกอที่วุ่นวายอยู่ที่เคาท์เตอร์ เธออดไม่ได้ถอนหายใจออกมา บอกไม่ถูก เรื่องนี้จะให้เธอพูดมันออกมาอย่างไรดี
ทำงานยังได้ไม่เต็มเดือน เธอลางานไปกี่ครั้งแล้ว ตอนนี้เพื่อจะไปฮันนีมูน ต้องลานานถึงสิบกว่าวัน ฉินอีหลินนึกยุ่งยากใจ เธอจะใช้คำพูดอย่างไรกับการลาครั้งนี้
หลินเซิงเกอกำลังยุ่งกับการตรวจเช็กออเดอร์ในช่วงไม่กี่วันนี้ แต่พบว่าบ่อยครั้งที่ฉินอีหลินแอบมองมายังตนราวกับอยากจะบอกอะไรแต่กลับไม่ยอมเอ่ยออกมา
มองดูแล้ว พบว่าฉินอีหลินก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากจึงวางมือและเดินเข้าไปหาเธอ
“ดูคุณใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เป็นอะไรหรือเปล่า มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
ฉินอีหลินปฏิเสธ แต่ก็นึกถึงคำพูดของฉินหลันซูที่พูดในวันที่กลับบ้าน เธอจึงเอ่ยปากยอมรับ “เอ่อ มีค่ะ”
เธอยกมือขึ้นเขี่ยจมูกอย่างเก้อเขิน ใบหน้าแดงระเรื่อ
“คือว่า…เจ้าของร้านคะ ฉันมีธุระนิดหน่อย….อยากลางานสิบห้าวันค่ะ”
ในตอนที่เอ่ยขอ เธอก้มหน้างุด เสียงเบาจนแทบจะฟังไม่ออก หลินเซิงเกอต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะฟังและเดาความต้องการของเธอได้ กำลังจะเอ่ยปาก เด็กน้อยตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
“เจ้าของร้านคะ ฉันรู้ว่าฉันลาเยอะเกินไปหน่อย ถ้าหากคุณลำบากใจ จะไล่ฉันออกเลยก็ได้”
ในตอนที่ฉินอีหลินกำลังยุ่งยากใจนั้น ลี่โม่อวี่กลับเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดีจนมีเวลาว่างนั่งดื่มไวน์อยู่บนเก้าอี้
“พี่ใหญ่ พี่จะไปฮันนีมูนหรอ”
เซียวน่ายมองลี่โม่อวี่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างคาดเดาได้ยาก นานเท่านานกว่าจะหลุดออกมาสักประโยค
เห้อห้าวกลับนิ่งสงบมากกว่าเซียวน่าย ยื่นมือไปดึงคนที่ไม่ตอบสอนคนนั้น ยิ้มด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“แน่นอนอยู่แล้วสิ ต้องไปฮันนีมูนกับพี่สะใภ้ก่อน แล้วค่อยจัดงานแต่งงาน…”
“ต่อไปก็ด้วยมีลูกสักคนไหม”
เซียวน่ายที่นึกขึ้นได้ พยักหน้าอย่างตื่นเต้น ตั้งใจเอ่ยต่อเห้อห้าวด้วยเสียงอันดัง
คล้องมือไปที่คอของเห้อห้าว เอ่ยอย่างหยอกเย้า “เมียจ๋า คุณว่าลูกของเราจะชื่ออะไรดีนะ”
“ไสหัวไปเลยนะ พี่ใหญ่ เซียวน่ายลวนลามผม”
เห้อห้าวแสดงสีหน้ารังเกียจให้เขาไปหมัดหนึ่ง เงยหน้าไปฟ้องพี่ใหญ่ของเขา
แต่เพียงแค่เงยหน้า เขาพบว่าลี่โม่อวี่กำลังเหม่อลอยพร้อมโคลงแก้วไวน์ในมือไปมา ใบหน้ามีรอยยิ้มประดับ ไม่เหมือนแต่ก่อนสวมหน้ากากนึ่งขรึมน่าหลงใหล นั่นเป็นควบอบอุ่นอ่อนโยนและความสุขที่ส่งผ่านออกมาจากใจ
แต่ก่อนเวลาที่อยู่ด้วยกันสามคน สองคนนี้ก็มักจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเรียงหน้าเย้าแหย่ลี่โม่อวี่ เขาเคยชินกับสองคนนี้ไปแล้ว
แต่ครั้งนี้ ในตอนที่เขาได้ยินพวกเขาพูดถึงการแต่งงานมีลูกแล้ว สมองของเขาก็หยุดคิดถึงฉินอีหลินในชุดแต่งงานสีขาวอีกทั้งยังอุ้มลูกไว้ไม่ได้เลยจริงๆ
สถานการณ์นี้ราวกับว่าเขากำจัดมันออกไปไม่ได้เลยสักนิด
ท่าทางของลี่โม่อวี่ทำให้เห้อห้าวตกใจอยู่ไม่น้อย เขาผลักคนข้างๆ
“เฮ้ย นายว่า พี่ใหญ่ไม่ใช่หลงรักฉินอีหลินแล้วจริงๆนะ”