ตอนที่ 43 ฉันพร้อมหย่าแล้ว
ฉินอีหลินขมวดคิ้วจ้องมองลี่โม่อวี่ ผู้บริหาร H&J ผู้ยิ่งใหญ่มีสง่าถึงได้สนใจเงินแค่เล็กๆน้อยๆ เธอไม่เข้าใจ ผู้ชายตรงหน้าคิดยังไงกันแน่
“ฉันคิดว่าคุณคงไม่ใส่ใจเศษเงินเล็กๆน้อยๆ เช่นนี้”
ฉินอีหลินกัดริมฝีปาก พูดออกมาก
“เล็กน้อยมันก็คือเงิน ว่าไปแล้ว เรื่องนี้คุณเป็นคนพูดเอง ทำไม คิดจะกลับคำงั้นเหรอ?”
ลี่โม่อวี่ ยิ้มมุมปากเล็กน้อย เลิกคิ้ว น้ำเสียงเดาไม่ออกว่าพูดจริงหรือล้อเล่นกันแน่
“นั้น….”
ใบหน้าที่ซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงของหญิงเงยหน้าขึ้นจ้องตา ลี่โม่อวี่ไม่ให้โอกาสชายหนุ่มได้ถอยออกไป
“แค่ฉันนำเงิน 250,000 มาให้คุณ คุณก็จะเซ็นใบหย่าให้ฉันแล้วใช่ไหม?”
ลี่โม่อวี่เอนกายเข้าไปใกล้ ผ่อนลมหายใจอุ่นๆเข้าที่แก้มของหญิงสาวตรงหน้า อีกทั้งยื่นมือไปใกล้หูของฉินอีหลิน.ริมฝีปากสัมผัสเข้าที่จุดอ่อนไหวของหญิงสาว ตามด้วยคำพูดที่อ่อนหวาน
“อืมมมม ได้สิ แล้วแต่อารมณ์นะ”
“นี่คุณ”
ใบหูเริ่มชา ฉินอีหลินรู้สึกขนลุกซู่ ระหว่างที่หลบหลีก เธอก็ได้ยินคำตอบของลี่โม่อวี่
ราวกับว่ากำลังโดนล้อ เธอจ้องมองผู้ชายตรงหน้าอย่างโกรธเคือง ไม่รู้ว่าที่เธอต้องเป็นแบบนี้ ในสายตาของลี่โม่อวี่มองเธอเป็นสิ่งของแบบไหนกัน
เธอไม่สนใจหน้าตายิ้มแย้มของชายตรงหน้าอีก บีบกระเป๋าที่ถือในมือแน่น หันหลังออกจากห้องทำงานทันที
ฉินอีหลินเคยคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาไว้มากมาย เช่น เซ็นชื่ออย่างง่ายดาย หรือว่าโกรธจนฉีกใบหย่าทิ้งออกเป็นชิ้นๆ หรือไม่ก็ตัวเองไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่เธอคิดมา ไม่นึกเลยว่าผู้ชายคนนี้จะเรียกเก็บ 250,000 เป็นค่าชดเชยในการเซ็นใบหย่า
เมื่อก่อนเงินที่เคยให้ลี่โม่อวี่ก็คือเงินฝากทั้งหมดของเธอแล้ว แม้ตอนนี้จะทำงานที่ร้านดอกไม้ เธอก็ไม่มีเงินมากพอถึงขนาดนั้น
กลับไปยืมเงินตระกูลฉิน?
นึกถึงใบหน้าของมารดาและฉินหลันซูขึ้นมาทันใด เธอส่ายหัวปฏิเสธความคิดนี้ทันที
อีกทั้งเธอไม่มีเพื่อนที่สามารถให้ถือยืมเงินได้ถึง 250,000 หยวน
จับผมไปมาอย่างกลัดกลุ้ม ฉินอีหลินเดินไปร้านดอกไม้ด้วยจิตใจหดหู่ ไม่ว่าจะกลุ้มใจแค่ไหน เธอก็ต้องทำงาน หากเธอตกงานละก็ คงไม่มีแม้แต่เงินที่ซื้อจะข้าวกิน
ฉินอีหลินจิตใจไม่อยู่กับตัว เธอไม่ได้สังเกตว่าด้านหลังของเธอ มีรถคันหนึ่งขับตามเธอมาตลอดทางจนถึงร้านดอกไม้
“นายไปหาข้อมูลของประธาน H&J มาให้ฉันดูหน่อย โดยเฉพาะเรื่องที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลูกฉินอีหลิน
เบาะหลังรถ ผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายงดงาม สวมแว่นกันแดด เคาะเข่าตัวเองเบาเบา จนกระทั่งผู้หญิงที่อยู่ด้านนอกเดินเข้าไปในร้านดอกไม้ เธอจึงเอ่ยขึ้น
ถ้าลูกของเธอไม่มีความสุข งั้นเธอก็ต้องพาเธอไปด้วย
ลูบมุมปากอย่างอ่อนโยน คุณผู้หญิงรูปร่างสง่างามหยุดการกระทำทุกอย่าง แว่นกันแดดขนาดใหญ่ปกปิดความกังวลที่อยู่ภายใต้สายตาของเธอ
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างสง่า “.ฉินตงไห่ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
ฉินอีหลินไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น เธอคิดไม่ตกถึงเรื่องเงิน 250,000 หยวน
ถอนหายใจออกมาด้วยความกังวล เธอยื่นมือไปจับโจวม่านเหวินที่กำลังเดินผ่านไปพอดี
“ว๊ายยย . ฉินอีหลินเธอทำฉันตกใจแทบบ้า”
โจวม่านเหวินกำลังคุยโทรศัพท์กับแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบหาดูใจกันอย่างหวานแหวว โดยจับไว้โดนไม่ทันตั้งตัว เกือบโยนโทรศัพท์ทิ้ง
“ที่รัก ตอนเย็นไว้ค่อยคุณกันนะคะ จุ๊บจุ๊บ”
“เสี่ยวเหวิน
ฉินอีหลินจับมือที่ถือโทรศัพท์ของหญิงสาวไว้แน่น เบะปากเล็กน้อย ทำท่าทางน่าสงสาร โจวม่านเหวินใจละลายไปหลายรอบแล้ว
“เธอเป็นอะไรกันแน่ ดูไม่มีชีวิตชีวาเลย”
โจวม่านเหวินเขี่ยกระเช้าดอกไม้ตรงหน้าฉินอีหลินวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ กอดเพื่อนรักตัวเองพร้อมซักถาม
“เธอรู้ไหมว่างานอะไรที่ทำแล้วได้เงินมาอย่างรวดเร็ว?”
หลินเซิงเกอเพิ่งส่งลูกค้ารายใหญ่ที่หน้าประตู หันหลังกลับได้ยินการสนทนาระหว่างฉินอีหลินและโจวม่านเหวินก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน
เขาเอ่ยตอบคล้ายกับหยอกล้อ “ทำไม คุณอยากย้ายงานแล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่”
ไม่คิดว่าหลินเซิงเกอจะบังเอิญได้ยินเข้า ฉินอีหลินปฏิเสธอย่างเขินอาย “ช่วงนี้ฉันมีปัญหาเรื่องเงิน อยากหางานทำ เพื่อหารายได้พิเศษนะค่ะ”
“พูดไม่อ้อมค้อม เธอทะเลาะกับสามีของเธอใช่ไหม ฉันไม่เห็นสามีเธอมารับเธอกลับหลายวันแล้ว บอกล่วงหน้า ฉันไม่ได้รังเกียจที่จะให้เธออยู่ที่นี่เป็นเวลานาน”
โจวม่านเหวินได้ยินการตอบโต้ของ ฉินอีหลินเอนกายพิ่งศีรษะของเธอแล้วยิ้ม
“หลินเซิงเกอได้ยินคำพูดของโจวม่านเหวิน ขมวดคิ้วแน่น เขาเคยเจอ สามีของฉินอีหลิน
เป็นผู้ชายที่ดูน่าเกรงขาม เป็นตัวของตัวเองที่สุด เขารู้สึกได้ ผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่ดูแลเอาใส่ใจภรรยามาก
“ฉินอีหลินเธอมากับฉันหน่อย”
เรียกเธอมาที่มุมเล็กในร้านห่างไกลจากผู้คน หลินเซิงเกอจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความกังวลแม้ว่าเธอจะพูดน้อย แต่เป็นผู้หญิงแข็งแกร่งคนนึง
“มันเกินอะไรขึ้นกันแน่?”
โจวม่านเหวินมองจากไกลไกล คล้ายกับสองคนกำลังกัดหูกัน ยักไหล่ คุยหวานแหววหยอกล้อกับแฟนตัวเองต่อ
หลังจาก.ฉินอีหลินได้ยินคำถามของหลินเซิงเกอ ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว เธอไม่ชอบให้ใครมาถามเธอเรื่องนี้
“หัวหน้าคะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันจัดการเองได้ค่ะ”
“แต่ตอนนี้คุณเป็นพนักงานในร้านผม ถ้าหากเป็นเพราะเรื่องส่วนตัวของคุณ แล้วทำให้ส่งผลต่อการทำงาน นั้นก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป”
หลินเซิงเกอกล่าวพร้อมหยุดชะงักเล็กน้อย ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วพูดต่อ
“สองสามวันนี้คุณลางานบ่อยมาก เป็นเพราะว่าเธอทะเลาะกับสามีของเธอใช่ไหม?”
ฉินอีหลินถูกผู้ชายตรงหน้าซักถามไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ยิ้มอย่างสุภาพ กล่าว “ก็อาจจะใช่ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ฉันกำลังจะหย่ากับเขาค่ะ”
หลินเซิงเกอมองผู้หญิงที่แสแสร้งว่าไม่เป็นไรตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ปากไม่ตรงกับใจ
เขาไม่รู้ว่า เขาควรจะพูดปลอบใจให้ฉินอีหลินคิดใตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ หรือควรจะเคารพการตัดสินใจของเธอ
หลินเซิงเกอครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
“การหย่ามันเป็นเรื่องใหญ่ คุณลองคิดไตร่ตรองให้ดี อย่าตัดสินใจเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
“หัวหน้าค่ะคุณหวังของร้านซินซินถามคุณว่ากระเช้าดอกไม้จะมาถึงเมื่อไหร่คะ?”
หลินเซิงเกออยากที่จะพูดเกลี้ยกล่อมฉินอีหลิน.อีกสักสองสามคำ พอดีกับที่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ตะโกนเรียก
“ถ้าคุณมีเรื่องลำบาก คุณพูดออกมาได้ พวกเราช่วยกันคิดหาวิธี หลายๆคนช่วยกันคิดยังไงก็ยังดีกว่าคิดคนเดียว”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมา ก้าวเท้าเดินออกไปหน้าเคาน์เตอร์
ฉินอีหลิน.มองร่างของหลินเซิงเกอจากไป ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
เอียงศีรษะมองแสงแดดนอกหน้าต่าง เธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามหัวหน้ายังไง หรือว่าพึมพำกับตัวเอง
“วิธีเหรอ เหอะ เหอะ จะมีวิธีไหน พวกเขามีลูกด้วยกันแล้ว ฉันยังครอบครองตำแหน่งนี้ไปเพื่ออะไร?”