ตอนที่ 15 ศัตรูหัวใจ
ลี่โม่อวี่พูดจบ ไม่สนใจฉินอีหลินที่นิ่งงัน มุ่งตรงออกจากห้องไป
คำพูดของเขาดังก้องอยู่ในหัวของเธอ ความเจ็บแปลบบนข้อมือคอยย้ำเตือนเธอที่ใบหน้าซีดเซียวบอกให้รู้ว่าทั้งหมดนี้มันคือเรื่องจริง
ในใจที่กำลังสับสน ได้ฟังสิ่งที่ลี่โม่อวี่เอ่ยออกมา ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจ ได้แต่เม้นริมฝีปากแน่นซ่อนทุกสิ่งอย่างไว้ในหัว ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
เดิมทีเธอคิดว่าตัวเธอเองที่เป็นคนคุมเกมการแต่งงานครั้งนี้ เพียงแค่จ่ายเงินให้เขามากพอ การแต่งงานครั้งนี้ก็จะต้องอยู่ในการควบคุมของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างจะราบรื่นและสมบูรณ์แบบ
แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าฐานะของลี่โม่อวี่จะกลับตาลปัตรขนาดนี้
เปรียบเงิน เขามีเงินมากกว่าตระกูลฉินเป็นอย่างมาก เปรียบอิทธิพล เพียงจามครั้งเดียว ฮ่องกงก็สามารถเกิดพายุได้ แล้วเธอจะทำอย่างไรดีล่ะ
ใช่ เธอยอมรับว่าเขามีเหนือกว่าเธอในทุกๆด้าน
ฉินอีหลินจมอยู่กับความขัดแย้งกันเองในหัวของเธอ อนาคตจะทำอย่างไรต่อ เธอยังไม่รู้อะไรเลย
ขณะที่ชิวหันเยียนเดินขึ้นมา ก็เห็นฉินอีหลินที่มีท่าทางเจ็บปวด มุมปากค่อยๆยกขึ้นฉาบไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อสักครู่ที่ทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันเธอล้วนได้ยินทั้งหมดไม่ตกเลยสักคำ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไม่ได้ดีดั่งเช่นที่เห้อห้าวบอกกับเธอ
แต่เธอยังคงแปลกใจ ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถอะไรกันถึงทำให้ลี่โม่อวี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ขนาดนั้น
“พวกคุณทะเลาะกันหรอ”
ชิวหันเยียนไม่รอให้ฉินอีหลินได้เอ่ยปาก เดินตรงไปนั่งโซฟาตัวข้างๆ จับมวยผมดำขลับพร้อมเอ่ยถาม
ตอนนั้นเองที่ฉินอีหลินรับรู้ว่าชิวหันเยียนมาอยู่ตรงนั้น ความรู้สึกที่แสดงออกบนใบหน้าค่อยๆเลือนหาย แต่เสียดายที่ชิวหันเยียนพลันได้เห็นมันไปแล้ว เธอเยาะหยันอยู่ในใจ
“ดูเหมือนว่าคุณผู้หญิงจะอารมณ์ไม่ดี ฉันเองไม่เคยเห็นบอสโกรธอะไรขนาดนี้มาก่อน คุณช่างมีฝีมือเหลือเกิน”
ชิวหันเยียนถากถาง ปลายคางเชิดขึ้นมองท่าทางของฉินอีหลิน เอ่ยปากเย้ยหยัน
ฉินอีหลินปรับอารมณ์ให้เป็นปกติตั้งนานแล้ว ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม ในตานั้นไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ เธอนิ่งเงียบอยู่แบบนั้นมองไปยังชิวหันเยียน เธออยากรู้จริงๆผู้หญิงคนนี้จะพูดอะไรกันแน่
ฉินอีหลินไม่ได้ตอบโต้ทำให้ชิวหันเยียนลำพองใจเป็นอย่างมาก ลี่โม่อวี่ไม่อยู่ เธอจะให้โอกาสนี้สั่งสอนให้คนที่มา ได้รู้และเข้าใจสภานะของตัวเอง
เธอแสดงออกราวกับเป็นห่วงเป็นใยคนตรงหน้า พูดต่อว่า
“แต่ก่อนคุณอวี่เขามีผู้หญิงมากมาย คุณก็คงจะรู้ดี ไร้เดียงสา แพรวพราว มีความรู้ความสามารถอีกทั้งมีความเป็นผู้ใหญ่ มีหลายรูปแบบ…”
ชิวหันเยียนตั้งใจหยุดคำพูดไว้ตรงนั้น ยกยิ้ม ไม่แสดงท่าทีใดๆ
ฉินอีหลินนึกไม่ถึงว่าชิวหันเยียนจะเรียกขานลี่โม่อวี่อย่างสนิทสนมเช่นนี้ หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน บอกใบ้ให้คนตรงหน้าได้พูดต่อไป
“คุณอวี่เขาก็เหมือนเดินผ่านหมู่ดอกไม้เหล่านั้น ไม่ได้สนใจใครที่เข้ามา ยังมีพวกที่คิดว่าตัวเองสะสวย ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง สุดท้ายทำให้คุณอวี่โกรธ สุดท้ายก็โดนไล่ไปหมดไม่เหลือเลยสักคน..”
ไม่รู้ทำไม ฉินอีหลินยิ่งฟังก็ยิ่งนึกขำ แม้แต่ความอึดอัดใจก่อนหน้านี้ยังสลายหายไปหมด ฝ่ายตรงข้ามแสดงออกมาชัดเจนขนาดนี้ เธอจะปล่อยให้แสดงอยู่คนเดียวได้อย่างไร
“แม่บ้านชิว ดูคุณจะเข้าใจเขาดีจริงๆนะคะ”
ชิวหันเยียนเห็นว่าเป็นไปตามสิ่งที่ตนต้องการ มุมปากยกยิ้มระเริงใจ สายตาไม่ได้ปิดบังเลยสักนิด
“คุณว่าสองคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาตั้งห้าปีกว่า ยังมีอะไรที่จะไม่รู้อีกล่ะ คุณผู้หญิง ฉันขอเตือนคุณอย่าง ทางที่ดีอย่าทำให้คุณอวี่โกรธเลย ไม่แน่ว่าวันไหน… ฉันไม่ต้องพูดคุณคงเข้าใจนะคะ”
ฟังเพียงเท่านี้ ฉินอีหลินทำไมจะไม่รู้ว่าชิวหันเยียนต้องการอะไร
หากทั่วไป จะมีแม่บ้านที่ไหนเจอนายหญิงครั้งแรกแล้วจะ “มีความหวังดี” มาเตือนตั้งแต่เจอกันว่าเจ้านายของตนผ่านผู้หญิงมามากขนาดไหน ทั้งยังมีผู้หญิงไม่น้อยที่ต้องจบไม่สวยยังไง
ฉินอีหลินไม่โกรธอะไรแถมยังขำด้วยซ้ำ เธอไม่ได้เก็บความหวังดีเล็กๆน้อยๆของชิวหันเยียนมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ
“ในเมื่อพูดซะน่ากลัวขนาดนี้แล้ว ฉันว่าฉันกลับไปอยู่ว่างๆสบายๆคนเดียวที่คอนโดดีกว่า”
ชิวหันเยียนเห็นท่าทางผ่อนคลายของฉินอีหลิน แถมยังไม่โต้ตอบอะไรเลยสักคำ ท่าทางไม่ยี่หระทำให้หัวคิ้วของชิวหันเยียนต้องขมวดเข้าหากัน รอยยิ้มบนใบหน้าได้เลือนหายไป
“คุณผู้หญิง ของที่อยู่คอนโดถูกย้ายมาที่นี่หมดแล้ว คุณพักอยู่ที่นี่อย่างสบายใจจะดีกว่า”
ฉินอีหลินถอนหายใจเบาๆ ลี่โม่อวี่ช่างทำอะไรได้รวดเร็วซะจริงๆ ทำอะไรไม่ได้จึงหันไปถาม “งั้นให้ฉันพักที่ไหนคะ”
แสงเย็นเยือกส่งผ่านมาทางสายตาของชิวหันเยียน แต่ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ที่สำคัญลี่โม่อวี่ก็ได้สั่งไว้แล้ว เธอไม่อาจปฏิเสธได้
ทำได้เพียงค่อยๆผายมือ ชี้ไปที่ห้องนอนชั้นบนตึกอย่างไม่เต็มใจ “คุณผู้หญิงก็ต้องพักห้องเดียวกับคุณอวี่แน่นอนอยู่แล้ว”
ฉินอีหลินไม่ได้ใส่ใจอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของชิวหันเยียน ไม่สนว่าจะเป็นห้องของใคร ยังไงก็คงดีกว่าการอยู่กับชิวหันเยียนตามลำพัง เธอลุกขึ้นยืนและเดินผ่านชิวหันเยียนตรงไปที่ห้อง
ก้าวได้เพียงไม่กี่ก้าว ฉินอีหลินเหมือนพึ่งนึกอะไรได้ หันกลับมายิ้มยิงฟันให้ชิวหันเยียน
“แม่บ้านชิว คุณชอบลี่โม่อวี่ใช่ไหมคะ”
แม้ว่าเป็นประโยคคำถามแต่ฉินอีหลินใช้น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจในการเอ่ยออกไป สัญชาตญาณของผู้หญิงไม่ผิดแน่นอน เจตนาร้ายและความหวังดีเล็กๆน้อยๆของชิวหันเยียนก็สามารถอธิบายทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
ชิวหันเยียนไม่คิดว่าฉินอีหลินจะกล้าถามออกมาตรงๆแบบนี้ เธอค่อยๆเงยหน้า จ้องมองไปที่ดวงตาของฉินอีหลิน ไม่เอ่ยอะไรออกมา
ไม่พูดคงดีกว่าพูดออกมา ฉินอีหลินยิ้มเธอไม่ได้กลัวความหวังดีของคนตรงหน้าสักนิด อุบายเล็กๆน้อยๆ แต่ตอนนี้เธอกำลังคิดถึงความสัมพันธ์ตลอดห้าปีของคนทั้งคู่
มีบางอย่างที่บอกไว้ก่อนก็ดี
“แม่บ้านชิว ลืมบอกไป ฉันไม่ได้ชอบลี่โม่อวี่ ถึงจะแต่งงานกันแต่ก็ไม่ได้บ่งบอกถึงอะไรได้หรอกนะ”
“ตำแหน่งนายหญิงสกุลลี่ ฉันคิดว่าฉันคงยืมใช้ได้ไม่เกินหนึ่งปีหรอก ไม่สิ บางที่อาจไม่ถึงหนึ่งปีเลยด้วยซ้ำ ฉันหวังว่าคุณคงจะไม่มองศัตรูผิดคนหรอกนะ”
ใบหน้าของชิวหันเยียนไร้ความรู้สึก ในใจกลับมีคลื่นซัดสาดแรง เธอไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ฉินอีหลินบอกนั้นเป็นความจริง
ถ้าหากเป็นการแต่งงานหลอกๆจริง ลี่โม่อวี่จะยอมให้เธอไปอยู่ที่คอนโดแถมยังยอมให้เธอเข้าห้องด้วยงั้นหรอ
พูดตามความจริงนี่เป็นครั้งแรกที่ฉินอีหลินได้เดินเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของลี่โม่อวี่ ทว่าคือการเดินจากโลกที่สว่างไสวเข้าสู้กรงขังที่มืดสนิท
ฉินอีหลินรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง เดินไปเปิดผ้าม่านตรงหน้าเตียง แสงสว่างสาดส่องเข้ามาในห้อง เธอจึงได้เห็นหน้าตาของห้องอย่างถนัดตาซึ่งห่างไกลจากที่เธอจินตนาการไว้มาก
ข้าวของเครื่องใช้ในห้องล้วนธรรมดา นอกจากของจำเป็นโต๊ะเก้าอี้แล้ว ก็แทบจะไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย ตั้งแต่ผนังยันพื้นพรมล้วนเป็นสีโทนมืดทึบ
แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้บนเตียงยังเป็นสีดำ มีเพียงสิ่งเดียวที่สีสันโดดเด่นสดใสไม่เข้ากับห้องเลยคือกระเป๋าเดินทางของเธอเอง
ฉินอีหลินถอนหายใจ ช่างเถอะ อย่างมากก็คงต้องรอลี่โม่อวี่กลับมาก่อนค่อยคุยกับเขาให้รู้เรื่อง
การแต่งงานครั้งเธอไม่รู้เลยว่าควรจะรักษาสัญญาให้ครบหนึ่งปีหรือว่าต้องหย่าตอนนี้เลย