บทที่ 61 เธอกลับมาแก้แค้นแล้ว
ฉินอีหลินยืนนิ่งไม่ขยับฟังคุณนายฉินที่พร่ำรำพันอยู่ข้างๆ ในใจรู้ถึงวัตถุประสงค์ของเธอเป็นอย่างดี
สายตายังไม่ละไปจากฉินตงไห่ ยิ้มอ่อนโยนพูดคุยถามไถ่ทั่วไป
“ดีมากเลยค่ะ หลายปีมานี้แม่กลัวว่าฉันจะน้อยใจ เลยดูแลเอาใจฉันมากเป็นพิเศษ”
“งั้นก็ดี ได้ยินว่าเธอยังมีน้องชายอีกคนนี่ เขาไม่ต่อต้านเธอใช่ไหม?”
ฉินตงไห่ได้ยินคนตรงหน้าพูดถึงสิ่งดีๆ และดูท่าทางของเธอก็ไม่เลว ค่อยเบาใจ
“ไม่ค่ะ เสี่ยวเซวียนดีกับฉันมาก จนบางทีเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นพี่ชาย ฉันเป็นน้องสาว”
เอ่ยถึงน้องชายตัวเอง ดวงตาของฉินอีหลินเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มจนปิดไม่มิด ได้พบกับคนตระกูลหลงนั่นเป็นความสุขที่สุดในชีวิตของเธอแล้ว
“พ่อ แม่ ฉันกับอีไห่กลับมาแล้วค่ะ”
ฉินหลันซูเดิมรู้จากแม่แล้วว่าฉินอีหลินกลับมา ก็ไม่อยากเจอหน้าเธอ ในงานเลี้ยงครั้งก่อนมันยังฝังใจเธอมาจนถึงทุกวันนี้
แต่เมื่อได้ยินแม่บอกว่ากลัวว่าพ่อจะยกบริษัทให้คนนอกตระกูลแบบนี้แล้ว จึงลากอีไห่กลับมาด้วยกัน
“หลันซู”
ได้ยินเสียงเท้าก้าวเดิน ฉินอีหลินลุกขึ้นพร้อมเอ่ยเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ครั้งก่อนในงานเลี้ยงยังไม่ทันได้มองชัดๆเลย มา มาให้พี่ดูซิสวยขึ้นรึยัง”
ฉินหลันซูเพียงเดินเข้าประตูมาก็รู้สึกชาไปทั่วหน้า เธอจับยึดแขนเสื้อของสามีเอาไว้แน่น ไม่กล้าปล่อยมือ
พอได้ยินเสียง ฉินหลันซูจึงเชยตามอง เธอตะลึงงัน
เธอราวกับไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้แล้ว
กี่เพ้าสีฟ้าสดใสละเอียดประณีตห่อหุ้มแนบชิดไปกับรูปร่างเพรียวระหง ผมถูกม้วนเป็นมวยหลวม สร้อยไข่มุกและกำไลหยกแวววาวงดงาม ขาเรียวสวยยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูงขับให้ขาสวยมีเสน่ห์มากขึ้น
ตอนนี้เพียงแค่เธอยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับโลกนั้นจืดจาง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ต่างพากันขับให้เด่นยิ่งขึ้น
“หลันซู เป็นอะไรรึเปล่า?”
ฉินอีหลินมองเห็นแววตาตกตะลึงของหญิงสาวตรงหน้า เพียงแค่หลายปีมานี้เธอได้รับสายตาแบบนี้มามากพอแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกอะไร
เธอมองเสื้อไหมพรมสวยคู่กับกางเกงขายาวรัดรูปสีดำ เท้าสวยสวมรองเท้าส้นเข็มยังอยากจะชมเธอ ในที่สุดก็รู้จักแต่งมิดชิดไม่เปิดเผยเนื้อหนังมังสาแล้ว
แต่เมื่อมองใบยังใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มอย่างเข้มจัดนั้น แววตาของเธอพลันปรากฏความเยือกเย็น ห้าปีแล้ว ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดจริงๆ
แน่นอนว่าฉินหลันซูนั้นสังเกตเห็นแววตาเยือกเย็นของฉินอีหลิน เธอนึกถึงเรื่องราวเมื่อห้าปีที่แล้ว ร่างกายพลันสั่นระริกขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ หรือว่าเธอจะกลับมาแก้แค้น?
คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของฉินหลันซูยิ่งซีดขาวมากขึ้น น่าเสียดายที่เธอแต่งหน้าจัดจึงมองไม่ออก
“อีไห่ ไม่ต้องยืนอยู่แล้ว มานั่งเร็วๆ”
ฉินตงไห่มองเห็นว่าเริ่นอีไห่ยังยืนอยู่ตรงนั้น จึงเรียกให้อีกฝ่ายรีบมานั่งลง มองร่างกายอวบอ้วนเคลื่อนตัวมานั่งลงบนโซฟา ราวกับก้อนเนื้อที่ถูกโยนลงโซฟา เขาได้แต่ทอดถอนใจอยู่ในใจ ฉินหลันซูแกว่งเท้าหาเสี้ยนเองแท้ๆ
“เปล่าค่ะ”
มองเห็นสามีตัวเองนั่งลงที่โซฟาแล้ว เธอค่อยกล้าเอ่ยทักตอบกลับฉินอีหลิน
คิดถึงเรื่องนั้นผ่านไปห้าปีแล้ว และร่องรอยต่างๆก็ถูกจัดการอย่างเรียบร้อย แม้ฉินอีหลินจะอยากแจ้งความก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
และถ้าหากเธออยากแก้แค้น การจะฆ่าคนนั้นผิดกฎหมาย อย่างฉินอีหลินคงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นหรอก
คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของฉินหลันซูก็กลับมาเป็นปกติ หญิงสาวยิ้มให้ผู้หญิงตรงหน้าอย่างไร้ความเกรงกลัว
“พี่คะ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ กลับมาครั้งนี้คิดจะอยู่นานแค่ไหนคะ”
“ฉันก็ไม่คิดว่าจะไปนะ”
ฉินอีหลินมองใบหน้าฉินหลันซูที่ชะงักค้างอย่างพอใจ ค่อยๆเดินมาข้างหน้า ยื่นมือไปจับแขนของฉินหลันซูอย่างสนิทสนม นิ้วมือค่อยๆขยับเข้าใกล้แก้มสวยของน้องสาว ใช้น้ำเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน
“จะไปได้ยังไงกัน เรื่องเมื่อห้าปีก่อน ฉันยังไม่ได้เอาคืนเลย จะไปแบบนี้ก็คงไม่ยุติธรรมกับพวกเธอเท่าไหร่”
เสียงยิ้มเยาะเบาๆ ฉินอีหลินทำราวกับแอบซุบซิบกันระหว่างพี่น้อง โน้มตัวชิดข้างหูของฉินหลันซู น้ำเสียงเย็นเอ่ย “หลันซู ยินดีด้วย เธอเป็นคนแรก”
“ห๊ะ!”
ฉินหลันซูคล้ายกับไม่เคยเห็นฉินอีหลินในรูปแบบที่ร้ายกาจแบบนี้ ในสายตาเธอ ฉินอีหลินเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ที่น่ารังแกเท่านั้น
ไม่ว่าทำอะไรเธอก็ดูอ่อนแอและบอบบาง ไม่ว่าตัวเธอเองจะทำเรื่องเลวร้ายมากแค่ไหน ฉินอีหลินก็ยังคงคำนึงถึงความสัมพันธ์พี่น้องแล้วกัดฟันทนต่อไป แต่ตอนนี้เธอลืมไป แม้ว่าจะอ่อนแอแค่ไหนยังไงก็โกรธเป็นเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอไม่ได้เป็นญาติสนิทชิดเชื้ออะไรแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น หลันซู? ทำไมถึงไม่ระวังแบบนี้นะ?”
ฉินอีหลินมองดูคนตรงหน้าที่ตกใจจนขาอ่อน ล้มลงไปกองกับพื้น
แสร้งตกใจรีบร้อนคุกเข่าลงไปถามไถ่หญิงสาวที่หวาดกลัวจนตัวสั่นระริก
ในตอนนั้นที่ร่างในกี่เพ้าสีฟ้าสวยจับยึดแขนของฉินหลันซูเอาไว้ ขณะกำลังประคอง ฉินหลันซูได้ยินเสียงร้ายกาจเอ่ยออกมาเบาๆ
“ถ้าเธอไม่อยากหย่าอีกรอบละก็ บอกเรื่องเมื่อห้าปีก่อนกับฉันมาซะดีๆ จำไว้ว่าอย่ามาลูกไม้กับฉัน การที่ฉันจะเหยียบเธอให้จมมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย”
“หลันซู เธอไม่สบายหรือเปล่า”
คุณนายฉินรู้สึกถึงความผิดปกติของลูกสาวตัวเอง เธอนึกว่าลูกสาวเธอออกไปเที่ยวเยอะจนเกินไปจึงเหนื่อยอ่อน แต่เธอไม่คิดว่าที่แท้เป็นผลมาจากการขู่ขวัญของฉินอีหลิน
ไม่ว่าตอนนี้เบื้องหลังของฉินอีหลินจะเป็นยังไง ไม่ว่าเธอมีความเป็นแปลงไปยังไง ในสายตาของฉินหลันซูและคุณนายฉิน เธอก็ยังเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ที่เอาแต่คิดถึงความสัมพันธ์พี่น้อง
อีกด้าน เริ่นอีไห่มองเห็นความสง่างามมีเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่ของผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินเข้ามา จริงๆไม่ใช่ใครจะใส่กี่เพ้าแบบนี้ได้ นอกจากว่ามีต้นทุนในรูปร่างอยู่แล้ว ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นไม่มีรูปร่างที่ดูดีแบบนี้ งั้นก็คงไม่น่ามอง
แต่ผู้หญิงตรงหน้าไม่เพียงแต่รูปร่างงดงาม แต่มีกลิ่นอายให้ความรู้สึกที่เด่นชัดออกมาบอกกับเริ่นอีไห่ว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ง่ายเลย
หรี่ตาลงเล็กน้อย ประธานบริษัทตงเวยกรุ๊ปคนนี้จึงยื่นมือไปยกถ้วยชาชึ้นมาจิบ ถ้าเขาจำไม่ผิด ในงานเลี้ยงครั้งก่อน ผู้หญิงคนนี้เป็นคู่เต้นรำของหลงอี้เซวียน
เขามองผู้หญิงเผด็จการและดูมีขนบธรรมเนียม เมื่อหันกลับมามองใบหน้าตระหนกของภรรยาตัวเอง ดวงตาของเริ่นอีไห่มีแววระอาขึ้นมา
ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ฉินอีหลินบอกลาทุกคนอย่างมีมารยาท
รอจนร่างสวยในชุดกี่เพ้าสีฟ้างามนั้นขึ้นรถเรียบร้อย ค่อยๆหายไปจากสายตาของฉินหลันซู เธอจึงค่อยๆโผล่ออกมาจากด้านหลังของคนข้างๆ หนีมาหลบที่มุมกดต่อสายหาเบอร์ที่ไม่ได้ติดต่อมานานมากแล้ว
“ฮัลโล”
เสียงดนตรีดังสนั่นและเสียงผู้ชายผู้หญิงระเริงสนุกสนานดังผ่านเข้ามาในสาย แต่ฉินหลันซูในตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจบรรยากาศรอบข้างนั้น
พยายามควบคุมมือที่สั่นเทาของตัวเอง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกลัวส่งออกมา “ฉินอีหลินกลับมาแล้ว!เธอกลับมาแก้แค้น!”