ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 8

ตอนที่ 8

ตอนที่ 8 กลัวว่าจะรู้สึกหลงรักผู้ชายคนนี้

ลี่โม่อวี่มองฉินอีหลินด้วยสวยตาเย็นชา ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินผ่านหล่อนแล้วจากไป

ผู้หญิงเซ็กซี่คนนั้นที่กำลังจะอ้าปากด่าอีกรอบ พอเห็นว่านักลงทุนของตนได้เดินหนีไปแล้ว ก็รีบวิ่งตามไป

เดินมาได้สองก้าว หล่อนก็หันหัวกลับมาพูดเตือนฉินอีหลิน: “อย่าให้ฉันเห็นเธออีกนะ ไม่อย่างนั้น ฉันทำจะทำให้เธอรู้สึกเสียใจที่เจอฉัน”

พูดจบ หล่อนก็หันกลับไปควงแขนของลี่โม่อวี่อย่างแนบแน่นเดินดูของต่อ

แต่ทว่าทางฝั่งนี้ฉินอีหลินที่มองผู้หญิงคนนั้นเดินจากไป ตาก็แดงขึ้น ตัวหล่อนเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากจะร้องออกมา แค่รู้สึกว่าเสียใจมาก รู้สึกไม่ยุติธรรม

โจวม่านเหวินที่รู้เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด รู้ว่าหล่อนได้รับความไม่เป็นธรรม ก็เดินมาปลอบที่ข้างๆตัวหล่อน คิดไม่ถึงว่าพอยิ่งปลอบฉินอีหลินก็ร้องออกมาจริงๆ

“อีหลิน หยุดร้องได้แล้ว โอ๋ๆ ไม่ร้องๆ ทำไมพวกเราจะต้องไปใส่ใจคนประเภทนั้นด้วยล่ะ”

โจวม่านเหวินใช้สะโพกชนๆฉินอีหลิน แกล้งทำหน้าตลกๆกับหล่อน

ฉินอีหลินไม่ได้ร้องเพราะถูกผู้หญิงคนนั้นแกล้ง แต่หล่อนแค่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม

หล่อนแค่คิดว่านี่เป็นครั้งแรกของหล่อนที่ถูกลี่โม่อวี่ทำแบบนี้ หล่อนถูกแม่ไล่ออกจากบ้านมาก็เพราะเรื่องแต่งงาน

แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่แต่งงานแล้วก็ให้เงินสองแสนห้าหมื่นกับลี่โม่อวี่ แต่ผู้ชายคนนี้กลับยังทำงานเป็นบาร์โฮสอยู่

ถ้าเขารักที่ทำบาร์โฮสก็ทำไป หล่อนก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่ยังไงซะหล่อนก็เป็นภรรยาในนามของเขาอยู่ เขาเห็นหล่อนถูกแกล้งต่อหน้าต่อตาแต่ไม่ช่วยเลยสักนิด

ฉินอีหลินรู้ดีว่าตัวเองต่อให้แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้ จริงๆแล้ว โปรไฟล์ที่เป็นบาร์โฮสของลี่โม่อวี่ หล่อนก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อยู่ดี เขาก็ยังเป็นบาร์โฮสอยู่วันยังค่ำ

แต่ว่าหล่อนแค่รู้สึกไม่พอใจ ในใจเต็มไปด้วยความสับสน อยากจะระบายออกมา

“พอได้แล้ว อีหลินเธอหยุดร้องได้แล้ว” โจวม่านเหวินมองดูเพื่อนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมด้วยความเป็นห่วง แต่พูดยังไงฉินอีหลินก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย จู่ๆก็นึกถึงเรื่องๆหนึ่งขึ้นมาได้

“ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้เธอต้องไปงานแต่งงานเหรอ? ถ้าเกิดร้องจนตาบวมขึ้นมา พรุ่งนี้จะออกจากบ้านยังไงล่ะ”

พอได้ยินคำพูดของเพื่อนร่วมงาน ฉินอีหลินก็นึกถึงเรื่องพรุ่งนี้ขึ้นมาได้

ถ้าเกิดหล่อนร้องจนตาบวมไปงานแต่งของหลันซูล่ะก็ ถึงตอนนั้นจะต้องยิ่งทำให้คนเข้าใจผิดหล่อนมากขึ้นไปอีก แถมยังทำให้ฉินหลันซูหัวเราะเยาะหล่อนอีกด้วย

พอคิดได้แบบนี้ ฉินอีหลินก็เงียบเสียงทันที แต่ตายังคงแดงๆอยู่

โจวม่านเหวินเห็นหล่อนหยุดร้องได้สักทีก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

“ถ้าอย่างนั้น เอาดอกไม้มาให้ฉัน ยังไงก็ใกล้จะเลิกงานแล้ว เธอกลับไปก่อนเถอะ ฉันไปส่งของเอง ถ้าเกิดลูกค้ามีข้อคิดเห็นอะไร ฉันค่อยโทรศัพท์หาเธอก็แล้วกัน”

ฉินอีหลินรู้ว่าสภาพของตัวเองตอนนี้ถึงไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าเกิดให้ลูกค้าเห็นหล่อนล่ะก็จะทำให้ไม่พอใจก็ได้ ก็เลยไม่ปฏิเสธ เอาดอกไม้ส่งให้กับโจวม่านเหวิน ฉินอีหลินยิ้มขอบคุณ: “ม่านเหวิน ขอบคุณมากนะ งั้นฉันกลับไปพักผ่อนก่อน”

ลี่โม่อวี่มองอั้ยโน่เอ๋อร์ที่ประจบประแจงเขาไม่หยุด เมื่อก่อนก็รู้สึกเข้าตาดี แต่ตอนนี้ท่าทางแบบนี้ทำให้เขารู้สึกขัดหูขัดตาอย่างบอกไม่ถูก

โดยเฉพาะรองพื้นหน้าเตอะบนหน้าของหล่อน แววตาที่ดูสอพลอเกินจริง ท่าทางที่ออกนอกหน้านั่น

ลี่โม่อวี่เห็นแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน

พอเห็นฉินอีหลินออกไปจากห้างและเรียกรถกลับไปแล้ว ลี่โม่อวี่ก็หันตัวเดินจากไปทันทีโดยไม่สนใจผู้หญิงข้างๆ

หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน จิตใจของฉินอีหลินก็ยังคงฟุ้งซ่าน หล่อนรีบหาไรกินแล้วก็ขึ้นนอนพักบนเตียง

ขณะที่กำลังจะหลับแล้ว จู่ๆข้างนอกห้องนอนก็มีเสียงดังขึ้น

ฉินอีหลินที่คิดว่ามีโจรแอบเข้ามาในบ้าน ก็ค่อยย่องๆด้วยความกลัวไปที่ประตูอย่างระมัดระวัง เปิดแง้มประตูออกดู ก็เห็นคนคนหนึ่งกำลังแบกลี่โม่อวี่มาด้วยสภาพที่เมาปลิ้น

ฉินอีหลินคลายมือที่กำแน่นออก ยืดตัวขึ้นด้วยความโล่งใจ แล้วถอนหายใจ: หล่อนเข้าใจผิดไปเอง

หล่อนยืนคิดลังเลอยู่นาน สุดท้ายฉินอีหลินก็ไปเอาเสื้อมาใส่ทับอีกตัว แล้วเดินออกมาหาลี่โม่อวี่

พอเปิดประตูออก หล่อนยืนมองลี่โม่อวี่ที่เมาปลิ้นด้วยความสงสัย: “เกิดอะไรขึ้นอีก ทำไมเขาดื่มจนกลายเป็นสภาพนี้?”

“พี่สะใภ้”

เพราะว่าไม่เคยเจอฉินอีหลินมาก่อน เห้อห้าวก็คิดว่าจะเรียกฉินอีหลินว่ายังไงดี ในขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้น เขาก็ได้ยินฉินอีหลินพูดขึ้นมาพอดี

พอเห็นฉินอีหลินที่ใส่ชุดนอนอยู่ ก็คิดว่าตอนที่ตนเองกำลังจะเปิดไฟแล้วเผลอไปชนกับข้าวของเข้าทำให้ไปปลุกฉินอีหลินจนตื่น: “วันนี้พี่ใหญ่สภาพจิตใจไม่ค่อยดี ก็เลยดื่มเยอะไปหน่อยครับ”

พอได้ยินว่าพี่สะใภ้ ฉินอีหลินก็รู้สึกแปลกๆนิดหน่อย ถ้าลี่โม่อวี่ไปกินเหล้าเมามาจากข้างนอก แล้วจะมาส่งเขาที่นี่เพื่ออะไร?

“นายคือเพื่อร่วมงานของเขาใช่ไหม?” ฉินอีหลินถามขึ้น: “เอ่อ ปกติแล้วเขาไม่ได้พักอยู่ที่นี่”

ฉินอีหลินยิ้มแห้งๆมองคนสองคนตรงหน้า บ่งบอกเป็นนัยว่าเห้อห้าวมาผิดที่แล้ว อยากที่จะให้เห้อห้าวรีบพาลี่โม่อวี่ออกไปจากที่นี่

เห้อห้าวที่พอได้ยินคำว่า เพื่อนร่วมงาน คำนั้นแล้ว มุมปากก็กระตุกขึ้นเอง

ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าคนนี้คิดว่าพี่ใหญ่ของตนเป็นบาร์โฮสไม่พอ ตอนนี้ยังเรียกตัวเองเป็นเพื่อนร่วมงานของ “บาร์โฮส” อีก

มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแย่ไปกว่ากันเลย

เขาไม่กล้าที่จะอธิบาย เห้อห้าวได้แต่พยักหน้า ราวกับยอมรับว่าเป็น “เพื่อนร่วมงาน” กันจริงๆ

“จริงๆแล้วพี่ใหญ่ให้ผมมาส่งที่นี่ ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็จะดึกเกินไป แน่นอนว่าผมไม่กล้าทิ้งเขาระหว่างทางอยู่แล้ว”

เห้อห้าวพูดพลางแบกลี่โม่อวี่เข้าไปในห้องนาน แล้วก็เอาเขาทิ้งลงบนเตียง

“พี่สะใภ้ มันดึกมากแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้ว ผมขอตัวก่อนแล้วกัน”

เห้อห้าว ขยับฝีเท้าเดินออกไปโดยที่ไม่ได้มองสีหน้าของฉินอีหลินเลย

พี่ใหญ่ ผมช่วยพี่ได้เท่านี้ หลังจากนี้จะตื่นหรือว่าไม่ตื่นก็อยู่ที่พี่จะเลือกแล้ว อันนี้ผมช่วยไม่ได้จริงๆพี่ชาย

ฉินอีหลินยืนขมวดคิ้วมองลี่โม่อวี่ที่สภาพเมาปลิ้น ในใจก็เริ่มรู้สึกเซ็งขึ้นมา

ตอนนี้มันก็กลางดึกแล้ว พรุ่งนี้เช้าตรู่หล่อนก็ต้องไปงานแต่งงานของฉินหลันซูอีก

ฟ้าคงคิดว่าชีวิตหล่อนตอนนี้ว่างมาก ทำไมถึงได้เอาเรื่องมาให้หล่อนไม่หยุดไม่หย่อนขนาดนี้?

ลี่โม่อวี่กึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกได้ว่าเห้อห้าวเอาตนเองมานอนบนเตียง

เขาได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคย หลังจากนั้นก็ยกขาสองข้างขึ้นมาพาดแล้วพลิกตัวนอนอย่างเต็มที่ ลี่โม่อวี่ในที่สุดก็อยู่ในท่าที่สบายตัว หลังจากนั้นเขาก็นอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจ

“นี่ นายไม่ถอดรองเท้า จะทำให้ผ้าปูที่นอนสกปรกนะ”

ฉินอีหลินที่กำลังไม่รู้ว่าต้องจัดการกับผู้ชายที่เมาอยู่คนนี้ยังไง หล่อนคิดไม่ถึงว่าเขาพลิกท่าแล้วเอาเท้าทั้งสองขึ้นมาไว้บนเตียงด้วยตัวเอง

ฉินอีหลินถอดรองเท้าของลี่โม่อวี่อย่างเลี่ยงชะตากรรมไม่ได้ หลังจากนั้นก็เอาผ้าขนหนูไปชุบน้ำให้เปียก มาเช็ดหน้าเช็ดมือให้กับเขา

“ทำไมฉันถึงโชคร้ายขนาดนี้เนี่ย”

หลังจากที่ฉินอีหลินเช็ดให้เขาเสร็จ ก็ยืนกัดฟันมองลี่โม่อวี่อยู่ข้างเตียง แล้วกะจะหอบเอาผ้าห่มไปนอนบนโซฟาที่ห้องรับแขก

หลังจากที่ก้มเอวลงห่มผ้าให้กับลี่โม่อวี่แล้ว ในขณะที่ฉินอีหลินกำลังจะออกไป ก็ถูกลี่โม่อวี่คว้าข้อมือเอาไว้

“เห้ย!”

ฉินอีหลินยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ ลี่โม่อวี่ก็ใช้แรงดึงผู้หญิงที่ยังคงยังคงตกใจลงมาบนเตียง แล้วก็กอดอยู่ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น

“นายจะทำอะไร?”

ฉินอีหลินที่จู่ๆก็ถูกลี่โม่อวี่กอดไว้ ร้องตะโกนออกมา แต่ว่าพอเห็นสีหน้าที่ดูอบอุ่นของเขา ก็สัมผัสได้ว่า จริงๆแล้วเขาคงเหนื่อยมากๆ

“มู่หลิง มู่หลิง เธออย่าไปนะ”

ลี่โม่อวี่กอดฉินอีหลินไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น เขาคิ้วก็ขมวดจนย่น

ฉินอีหลินพอเห็นเขาแบบนี้แล้ว ในใจก็พูดอะไรไม่ออก เหมือนกับมีเข็มจิ้มอยู่ตลอดเวลา

จริงๆแล้วเขาไม่ได้อยากจะเป็นบาร์โฮส แต่เพราะว่าคนที่ชื่อมู่หลิงจากเขาไป เขาก็เลยเลือกเดินเส้นทางสายนี้

บางทีลี่โม่อวี่ก็ไม่ได้จะไร้อารมณ์ขนาดนั้น ถ้าคิดกลับกันแล้ว เพราะว่าเขารักมากเกินไป ดังนั้นพอรู้สึกผิดหวังกับผู้หญิง สุดท้ายก็เลยเป็นบาร์โฮสที่รักสนุกแต่ไม่ผูกพันธุ์

พอลองๆคิดดูแล้ว ในหัวของฉินอีหลิน ก็คิดถึงตอนที่พวกเรามีอะไรกันสองครั้งที่ผ่านมา ตอนที่ลี่โม่อวี่ทำอะไรกับหล่อนมันก็คือแค่รักสนุก

ฉินอีหลิน มองลี่โม่อวี่ที่กำลังนอนหลับอยู่ หล่อนกัดริมฝีปากอย่างรู้สึกเสียใจ ต้องก้มหน้ายอมรับว่าหล่อนก็เป็นแค่ของทดแทนในสายตาของลี่โม่อวี่

บางทีห้องห้องนี้ก็คือความทรงจำของลี่โม่อวี่กับผู้หญิงคนนั้น ดังนั้นเขาก็เลยรู้สึกผูกพันและอยู่แต่ในห้องนี้ตลอด

พอคิดถึงตอนที่เขาพึมพำชื่อของมู่หลิง ตนเองก็รู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่หัวใจ ฉินอีหลินก้มมองต่ำลง หล่อนไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกแล้ว หล่อนกลัวจะหลงรักผู้ชายคนนี้เข้าจริงๆ

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท