ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 66

ตอนที่ 66

บทที่ 66 ไม่อยากพัวพันไม่ชัดเจนอีกต่อไป

ปอร์เช่ คาเยนน์และโรลส์-รอยซ์คันหรูขับไล่ตามกันราวกับกำลังแข่งรถเสียงดังคำราม เหลือไว้เพียงล่องลอยวิ่งผ่านไป

ดีที่ตอนนี้ดึกมากแล้ว บนถนนไม่มีรถอื่น แต่อาจเพราะไม่มีรถ ลี่โม่อวี่จึงตามฉินอีหลินลำบากเป็นพิเศษ

เขาไม่รู้เลย ว่าตอนนี้ฝีมือการขับรถของผู้หญิงคนนี้จะดีขนาดนี้ ถึงขั้นสามารถแข่งกับเขาได้แล้ว

“ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ”

ลี่โม่อวี่บีบแตรรถส่งสัญญาณให้ฉินอีหลินหยุดรถ แต่รถของหญิงสาวยิ่งขับเร็วขึ้นเรื่อยๆ

สายตามองไปยังข้างหน้าเป็นทางโค้ง ฉินอีหลินกลับไม่ได้ลดความเร็วลงเลยสักนิด เธอกลับเหยียบเบรคดริฟเข้าโค้งไปไม่เกรงกลัว

“บ้าไปแล้ว!”

ลี่โม่อวี่กลัวลนลานอยู่ด้านหลัง แผ่นหลังมีเหงื่อเม็ดเล็กเต็มไปหมด เขาไม่กล้าคิดเลย ถ้าเมื่อสักครู่เธอขับชนข้ามราวกั้นนั้นไป…….

คิ้มคมขมวดแน่น เขาดริฟเข้าโค้งตามเธอไปเช่นกัน เพียงแต่รถของเขานั้นเข้าโค้งได้สวยงามสมบูรณ์แบบ

แสงไฟสาดส่องสลับสูงต่ำวิบวับ ลี่โม่อวี่ไม่หยุดส่งสัญญาณให้หญิงสาวด้านหน้า เพียงแต่รถคันข้างหน้าทำราวกับไม่รับรู้ กระทั่งรถเบี่ยงมาซ้ายมาก ไม่เปิดโอกาสให้ลี่โม่อวี่แซงขึ้นไป

เส้นทางข้างหน้าขยายกว้าง ลี่โม่อวี่เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว จนขึ้นมาเทียบเคียงปอร์เช่ คาเยนน์ของฉินอีหลิน

เขาวางแผนจะขับไปแบบนี้บีบให้หญิงสาวจอดรถ แต่เขาไม่คิดว่า ฉินอีหลินจะเพิ่มความเร็วราวกับไม่ห่วงชีวิตแล้ว

“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้”

โยนโทรศัพท์ลงไปอย่างร้อนรนไม่เป็นสุข ลี่โม่อวี่พบว่าโทรศัพท์ของฉินอีหลินยังคงปิดเครื่อง

เกรงว่าถ้าขับเร็วเกินไปจะทำให้หญิงสาวเป็นอันตราย เขาตั้งใจผ่อนความเร็วลงแล้วตามปอร์เช่ คาเยนน์คันนั้นไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็พยายามคิดหาวิธีให้รถคันหน้านั้นหยุดลง

ชายหนุ่มกำลังคิดหาวิธีแซงเธอพร้อมทั้งพยายามจ้องมองถนนตรงหน้า แต่เขากลับพบว่า ด้านหน้ามีรถพ่วงที่โผล่มากะทันหันพุ่งเข้าหาปอร์เช่ คาเยนน์คันนั้น

ม่านตาหดตัว ลี่โม่อวี่ไม่ทันได้คิดเพิ่มความเร็วขึ้นทันที ชั่วพริบตาก็ผ่านปอร์เช่ คาเยนน์ไป เขาหมุนพวงมาลัยรถหักไปทางขวา แทรกเข้าไประหว่างปอร์เช่ คาเยนน์กับรถพ่วงคันนั้น

โครม

รถโรลส์-รอยซ์พุ่งชนรถพ่วงอย่างรุนแรง เพราะการชนกันอย่างรุนแรงนั้นทำให้รถยุบเข้าข้างใน

การปะทะรุนแรงทำให้ดวงตาของลี่โม่อวี่มืดสนิท หมดสติไป

อีกด้าน เพราะลี่โม่อวี่แทรกเข้ามา แม้รถจะโดนกระแทกแต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก และตัวเธอก็เพียงแค่ศีรษะกระแทรกเล็กน้อย ไม่ได้เป็นอะไรมาก

แต่ตอนนี้ เธอพบว่าเจ้าของรถพ่วงคันนั้นไม่ได้ลงจากรถ แต่กลับรีบขับหนี หายไปต่อหน้าต่อตา

รีบร้อนลงจากรถ ฉินอีหลินไม่มีกะจิตกะใจไปตามเจ้าของรถพ่วงคันนั้น เธอรีบวิ่งเข้าไปหาโรลส์-รอยซ์ กลับพบว่าลี่โม่อวี่หมดสติไปแล้ว และเพราะการชนเมื่อสักครู่ทำให้ประตูรถเปิดไม่ออก

“ลี่โม่อวี่ คุณได้ยินที่ฉันพูดไหม? คุณโอเคไหม? ลี่โม่อวี่ คุณได้โปรดลืมตา มองฉันสิ อย่าทำให้ฉันตกใจสิ …….ฉันขอร้อง อย่าทำให้ฉันกลัวแบบนี้…..”

หยดน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ฉินอีหลินรู้สึกกลัวเหมือนครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกเมื่อห้าปีที่แล้ว เธอไม่เคยคิดเลยว่าลี่โม่อวี่จะหนีไปจากชีวิตของเธอด้วยวิธีแบบนี้ เธอรับไม่ไหว รับไม่ไหวจริงๆ

เสียงรถพยาบาลดังมาถึง ราวกับมาจากสวรรค์

ฉินอีหลินถูกพนักงานลากออกมา มองพวกเขาช่วยกันเปิดประตูรถ นำร่างที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นเปลไป

แต่ตอนนี้ฉินอีหลินไม่มีน้ำตาแล้ว เธอมองตามชายหนุ่มที่เปลือกตาสองข้างปิดสนิท จนถึงขั้นลืมร้องไห้

เธอไม่เคยเห็นลี่โม่อวี่ที่อ่อนแอแบบนี้มาก่อน อาการของเขาหนักทำให้ร่างกายฉินอีหลินสั่นระริกอย่างไม่รู้ตัว

ลี่โม่อวี่ ถ้าคุณไปแล้ว ฉันไปกับคุณดีไหม?

มาถึงโรงพยาบาลพร้อมกับรถพยาบาล เธอมองเขาถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดไป สูดหายใจเข้าลึก

ตอนนี้ฉินอีหลินไม่กล้าโทรหาพ่อกับแม่ เธอนิ่งเงียบ สุดท้ายเลือกต่อสายหาหลงอี้เซวียน

“เสี่ยวเซวียน ช่วยมาที่โรงพยาบาลใจกลางเมืองหน่อยได้ไหม อืม…..ฉันไม่เป็นไร ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ เธอมาเดี๋ยวก็รู้เอง”

วางสายไปสักพัก หลงอี้เซวียนที่โกรธจัดก็มายืนอยู่ตรงหน้าฉินอีหลิน เขาตรวจดูร่างกายของหญิงสาวไปทั่วทั้งตัว “พี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เอ่ยถามถึงเรื่องนี้ น้ำตาของฉินอีหลินก็ร่วงลงมาอีกรอบ พยายามเก็บกักอารมณ์ตัวเองให้กลับมาปกติ เธอจึงเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับน้องชายของเธอฟัง

หญิงสาวตรงหน้าเล่าจบ หลงอี้เซวียนจึงขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น

ไม่ว่ารถคันนั้นจะตั้งใจพุ่งชนรถพี่สาวเขาหรือไม่ แต่ตอนนี้ตระกูลหลงของเขาได้ติดหนี้ลี่โม่อวี่อีกครั้งแล้ว

“ใครเป็นญาติของคนไข้ครับ?”

“ผมครับ”

หลงอี้เซวียนกลัวพี่สาวของตัวเองจะใจอ่อน กลับไม่ยุ่งเกี่ยวกับลี่โม่อวี่อีกรอบ จึงรีบเอ่ยตอบหมอเสียงหนักแน่น

“ศีรษะของผู้ป่วยได้รับการกระทบรุนแรง กระดูกซี่โครงหักสองท่อน ขาท่อนล่างมีจุดร้าว แม้อาการบาดเจ็บจะสาหัสแต่ไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิตครับ”

“ศีรษะ? เขาคงไม่ใช่จะไม่ฟื้นขึ้นมาใช่ไหมคะ?”

พอได้ยินว่าส่วนศีรษะได้รับความเสียหาย ฉินอีหลินรีบเข้าไปจับหมอเอาไว้ พร้อมเอ่ยถามอย่างร้อนรน

“ไม่ครับ วางใจได้ ร่างกายคนไข้แข็งแรง พรุ่งนี้ก็คงจะฟื้นแล้ว”

ฉินอีหลินมองลี่โม่อวี่ถูกย้ายเข้าห้องไป กระบอกตาเริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้ง

เธอกลัวลี่โม่อวี่จะจากเธอไปโดยไม่ลาแบบนี้จริงๆ โชคดีที่แค่ตกใจเอง

เธอไม่เข้าใจ ทำไมลี่โม่อวี่ถึงรีบเข้ามาช่วยเธอขวางรถคันนั้น

“ผมไปเดินเรื่องเข้าพักโรงพยาบาล พี่ พี่กลับไปพักก่อนเถอะ”

หลงอี้เซวียนเห็นพี่สาวมีท่าทางเบลอๆ จึงตบไหล่เธอเบาๆ ให้เธอกลับบ้านไปก่อน

แต่จนกระทั่งเขาเดินเรื่องเสร็จแล้ว ฉินอีหลินก็ยังยืนอยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วยของลี่โม่อวี่ ยืดคอมองไปข้างใน

“ทำไมยังไม่กลับล่ะ?”

หลงอี้เซวียนเห็นพี่สาวยังไม่ยอมกลับไป ปลายคิ้วคมถูกยกขึ้น

“ฉัน ฉันกังวลว่าเธอจะดูแลเขาไม่ดี ฉันอยากอยู่ดูแลเขา

ฉินอีหลินมองน้องชายตัวเองอย่างไม่สบายใจ ก้มหน้าเอ่ยออกมาเบาๆ

“ไม่ว่ายังไง ลี่โม่อวี่บาดเจ็บก็เพราะปกป้องฉัน ถ้าฉันไปตอนนี้……คงจะไม่ดีมั้ง?”

“มีอะไรไม่ดี พี่ไปแล้ว ผมก็ยังอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอ ผมเป็นน้องชายพี่นะ เราสองคนดูแล “ผู้มีพระคุณ” ไม่ได้หรอ แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าผมดูแลไม่ดี? ผมเป็นคนละเอียดขนาดนี้ พี่ไม่ต้องกังวลหรอก”

ไม่รอให้ฉินอีหลินได้ลังเล หลงอี้เซวียนรีบผลักเธอเข้าไปในลิฟท์ทันที

“พี่ พี่รีบไปเถอะ จิ่นเซวียนและหมิงเจ๋อยังรอพี่อยู่ที่บ้านนะ อีกอย่าง พี่คงไม่อยากให้ลี่โม่อวี่คิดว่าพี่ยังคิดอะไรกับเขา แล้วมายุ่งกับพี่ไม่ชัดเจนต่อไปใช่ไหม?”

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท