บทที่ 68 คุณเป็นภรรยาที่ชอบธรรมของผม
แสงแดดสาดส่อง สายลมพัดผ่าน
บรรยากาศด้านนอกสดใส แต่ในโรงพยาบาลกลับเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้และเสียงโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
มู่หลิงเดินผ่านทางเดินยาว ดูป้ายทีละห้องทีละห้อง กลิ่นยาฆ่าเชื้อรุนแรงอบอวลทำให้เธอหวาดหวั่น
เธอไม่รู้ว่าฉินอีหลินหมายความว่ายังไง?
ในที่สุดก็เจอห้องที่เซียวน่ายบอก มู่หลิงส่งรอยยิ้มออกมา แต่พอเข้าประตูไป กลับต้องเจอภาพที่ทำให้เธอแทบระเบิดออกมา
ฉินอีหลินกำลังถือช้อนป้อนผู้ชายที่เธอรักที่สุด
ผู้หญิงคนนั้นถือถ้วยซุปอยู่แบบนั้น มองลี่โม่อวี่ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ลี่โม่อวี่เองก็มองตอบใบหน้านวลสวยของหญิงสาวด้วยสายตาอบอุ่น
แสงแดดด้านหลังสาดส่องไปยังร่างของทั้งคู่ สว่างจ้าจนทำให้มู่หลิงมองสายตาของทั้งคู่ได้ไม่ชัด แต่กลับขับให้ทั้งสองราวกับอยู่ในภาพวาดบนกระดาษและเธอก็เป็นเพียงผู้ชม
ไม่ว่าตรงหน้าจะมีบรรยากาศอย่างไร แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
เหตุผลนั้นยิ่งแทงลึกเข้าไปในใจของหญิงสาวที่เดิมทีในใจนั้นก็ไม่สงบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เธอปรากฏตัว มู่หลิงใช้มือยันกรอบประตูไว้ราวกับพยุงตัวยืนไม่ไหว ปรับอารมณ์สักพัก เธอค่อยปั้นรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง ผลักประตูเดินเข้าห้องไป
หลงอี้เซวียนมองทั้งสองที่กะหนุงกะหนิงก็รู้สึกขัดตา แต่พูดมากไม่ได้ เขาได้แต่ยืนเล่นโทรศัพท์อย่างเบื่อหน่ายอยู่มุมห้อง
ตอนนั้นเองเห็นมู่หลิงเดินเข้ามา เขาส่งสายตาบอกพี่สาวตัวเองไม่หยุด
คนของเขามาแล้ว พี่ก็ถือว่าเป็นที่น่าพึงพอใจแล้ว ถอยได้แล้ว
ฉินอีหลินไม่ได้สนใจอะไรมาก เธอราวกับมองไม่เห็นสายตาของน้องชาย ยังคงป้อนซุปไก่ให้ชายตรงหน้าอย่างอ่อนโยนต่อไป ยิ้มไม่หยุดราวกับอารมณ์ดีนักหนา
มองเห็นมุมปากของเขามีน้ำมันติดอยู่ ฉินอีหลินจึง “ใส่ใจ” หยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดปากให้เขา
ทำให้ชายหนุ่มแทบอยากจะสาดชุปไก่ราดตัวเองไปทั้งตัว แล้วจะได้รับความสุขนั้นอีกครั้ง
ที่จริงฉินอีหลินได้ยินเสียงประตูเปิดตั้งนานแล้ว เธอเพียงแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ เมื่อสักครู่เจอมู่หลิงอยู่ในลิฟท์ เธอก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้มาหาลี่โม่อวี่
ดังนั้นในตอนที่ลี่โม่อวี่เสนอให้เธอป้อนเธอจริงรีบตอบตกลง
ยังไงเธอก็ไม่ได้เสียหายอะไร แถมยังได้โจมตีมู่หลิงอีก ทำไมเธอจะไม่ทำล่ะ?
เห็นลี่โม่อวี่ที่ได้รับความรักเกินไปจนประหลาดใจแล้ว ฉินอีหลินก็ตั้งใจบอกเขา นี่เป็นซุปที่เธอเคี่ยวเองตั้งหลายชั่วโมง ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกซึ้งใจขึ้นไปอีก
เธอยอมรับ นอกจากรู้สึกขอบคุณผู้ชายตรงหน้าที่เข้ามาช่วยขวางรถคันนั้นแล้ว เธอยังมีใจคิดแก้แค้น แต่นี่จะโทษเธอก็ไม่ได้ บางทีให้บทเรียนกับผู้หญิงพวกนั้นที่ไม่รู้จักสำนึกบ้างก็ไม่เลว
มู่หลิงยืนมองลี่โม่อวี่ที่ทำราวกับมองไม่เห็นเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ใบหน้าพลันขึ้นสีแดง รอยยิ้มนั้นแข็งค้าง
เธอพบว่า ไม่เพียงแต่ลี่โม่อวี่เท่านั้นที่ไม่หันมามองเธอ แม้แต่ฉินอีหลินก็ยังไม่ลุกขึ้นมาทักทายเธอเลย
และชายหนุ่มอีกคนที่ราวกับกำลังดูละครฉากใหญ่ จะหัวเราะก็ไม่หัวเราะมองมาที่เธอ
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก ความอึดอัดและความโกรธสุมอยู่ในอก
แต่เธอไม่โง่ เธอไม่มีทางโวยวายในเวลานี้แน่นอน เธอรู้ว่าถ้าเธอทำแบบนั้นผลจะออกมายังไง เธอจะแพ้จริงๆ
สะกดอารมณ์ตัวเองอย่างสุดกำลัง มู่หลิงพ่นลมหายใจออกมา พร้อมเอ่ย
“โม่อวี่ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง?”
ลี่โม่อวี่เดิมกำลังหลงอยู่ในโลกของ “สองเรา” ของเขาและฉินอีหลิน แต่ตอนนี้กลับถูกโม่อวี่คำนี้ดึงออกมายังความเป็นจริง
ขมวดคิ้วมองหญิงสาวตรงประตู “คุณมาได้ยังไง?”
ก้มหน้าลงเล็กน้อย เขามองเห็นกล่องเก็บความร้อนในมือของหญิงสาว นัยน์ตาเข้มขึ้น ดวงตาของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
“คุณเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะไม่มาได้ยังไง ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
มู่หลิงเห็นว่าฉินอีหลันยังคงไม่มองมาที่เธอ ผู้หญิงคนนั้นทำเพียงแค่ยกช้อน คนซุปในถ้วยเล็กน้อย แบบนั้นทำให้ความโกรธของมู่หลิงเริ่มอยู่ไม่สุข
“ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องเฝ้าหรอก คุณกลับบ้านไปเถอะ โรงพยาบาลก็ไม่ใช่ที่ที่ดีเท่าไหร่”
ลี่โม่อวี่ไม่แม้กระทั่งอยากเจอหน้ามู่หลิงเลยสักนิด เขามองหน้าฉินอีหลินอย่างกังวล กลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะใช้เหตุผลว่ามู่หลิงมาแล้วเธอจะหนีกลับไป
ห้าปีแล้ว คนที่เขาคิดถึงอยู่เป็นนิจมาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ลี่โม่อวี่จะปล่อยเธอกลับไปง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง
“จะได้ยังไง ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง ฉันเป็นแม่ของลูกคุณนะ ไม่ใช่คนนอก ถ้าฉันไม่ดูแลคุณแล้วใครจะดูแล?”
มู่หลิงถูกทำให้เสียหน้าต่อหน้าฉินอีหลิน ในใจนั้นโกรธจนอยากจะฆ่าผู้หญิงที่มาเฝ้าคนรักของตน แต่ไม่ว่าในใจจะคิดยังไง ใบหน้าของเธอก็ต้องแสร้งมีมารยาท ยังไงก็จะไม่ยอมแพ้ให้ฉินอีหลินเด็ดขาด
ใช้ความกล้าเดินไปข้างเตียงของเขา มู่หลิงยิ้มพร้อมเปิดกล่องเก็บความร้อนออก “นี่ฉันพึ่งจะเคี่ยวเสร็จนะ ยังร้อนอยู่เลย เดี๋ยวตักให้คุณสักถ้วย ดีไหม?”
เดิมฉินอีหลินก็ไม่ได้สนใจมู่หลิงอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ฟังประโยคเสียดสีนั้น เธอก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
จงใจมองไปยังลี่โม่อวี่ที่เตรียมจะพูด ฉินอีหลินเอ่ยบอกกับคนบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจ
“ในเมื่อครอบครัวของคุณลี่มาถึงแล้ว งั้นคนนอกอย่างพวกเราก็ควรไปได้แล้ว จริงสิ หมอบอกว่าคุณต้องพักผ่อน อย่าโมโหล่ะ ฉันไปก่อนนะคะ ลาก่อนค่ะ”
ไม่รอให้ฉินอีหลินต้องเดา เธอยังไม่ทันได้ลุกขึ้น ลี่โม่อวี่รีบคว้าหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้
“คุณจะไปไหน?”
เขามองใบหน้าไม่ใส่ใจของฉินอีหลิน รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันที เธอในตอนนี้ไม่สนใจแล้วจริงๆหรอ?
กระทั่งยัดเหยียดเขาให้ผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไม่รู้สึกอะไรเลย
“ใครบอกว่าคุณเป็นคนนอก?”
ลี่โม่อวี่ไม่สนใจมู่หลิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเลยสักนิด เขาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า ไม่ยอมละสายตาหนีไปไหน กลัวว่าหากไม่ระวังสักนิด ผู้หญิงคนนี้ก็จะหนีจากเขาไปอีกห้าปี สิบปี หรืออาจจะห้าสิบปี……
“คุณเป็นภรรยาที่ชอบธรรมของผม คุณจะไปไหน?”
แม้ฉินอีหลินจะรู้ว่าลี่โม่อวี่ต้องพูดรั้งตัวเองไว้ แต่เธอไม่คิดว่า ผู้ชายคนนี้จะบอกว่าเธอเป็นภรรยาที่ชอบธรรมของเขาต่อหน้ามู่หลิง
เธอมองใบหน้าซีดขาวของมู่หลิง ดวงตามีแววยั่วยุ
จนกระทั่งมองเห็นริมฝีปากของผู้หญิงคนนั้นสั่นระริก ค่อยยิ้มอย่างพอใจ
ค่อยๆแกะมือของลี่โม่อวี่ออกทีละนิ้ว “คุณลี่คะ คุณนี่ชอบพูดเล่นจริงๆ”
หลงอี้เซวียนยืนดูละครฉากใหญ่อยู่ตลอด ขณะที่เขาได้ยินคำพูดของลี่โม่อวี่ หางคิ้วถูกยกขึ้นเล็กน้อย ต่อมาเห็นใบหน้าขาวซีดของมู่หลิง ริมฝีปากของเขาจึงส่งรอยยิ้มเย็นออกมา
คนที่ทำร้ายพี่สาวของเขา สุดท้ายต้องได้รับผลกรรมที่ก่อไว้