บทที่ 74 อย่าทำให้ฉันผิดหวัง
หลังจากมู่หลิงออกไป ในห้องผู้ป่วยก็เงียบลง
ถึงตอนท้าย ก็เป็นลี่โม่อวี่ทำลายความน่าอึดอัดนี้: “อีหลิน ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”
ฉินอีหลินเบิกตากว้างจ้องมองผู้ชายที่ไม่รู้จักอาย เม้มริมฝีปากไม่กล้าพูดอะไร
“เติมสายน้ำเกลือมานานขนาดนี้ เป็นเรื่องปกติที่อยากเข้าห้องน้ำ”
เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่พูด ในสายตาของลี่โม่อวี่ก็รู้สึกเสียใจ ขาอธิบายให้คนตรงหน้าฟังอย่างอ้อนๆ
หลงอี้เซวียนมองท่าทางที่ไร้ยางอายของลี่โม่อวี่ ความโกรธแค้นในใจ หนี้ของทั้งสองคนยังคิดบัญชีไม่เสร็จ ตอนนี้เขาก็กล้าที่จะเรียกร้องความไร้เหตุผลนี้กับพี่สาวตัวเอง
“เธอไม่ต้องพยุงเขา พวกเธอแยกจากกันเป็นเวลาห้าปีแล้ว งานแต่งเป็นโมฆะตั้งนานแล้ว มากสุดก็ฟ้องร้องคดี ตระกูลหลงของเราใช่ว่าจะจ่ายไม่ไหว ทำไมต้องอึดอัดตัวเอง พี่ เธอมานี่”
“หุบปาก”
อานหน้าที่นั่งอยู่ข้างๆเมื่อได้ยินลูกชายตัวเองพูดไม่คิด ก็เค่กหัวของหลงอี้เซวียน สายตาขยิบ: “อยู่ดีๆ พูดอะไรไร้สาระเยอะแยะ”
แม้ว่าอานหน้าจะกำลังสั่งสอนลูกชายตัวเอง แต่เธอก็กระซิบในใจ ที่จริงแล้วเธอคิดมาก ว่าจะหยุดความพัวพันของลูกสาวกับลี่โม่อวี่ไหม
ลี่โม่อวี่ห่วงใยอีหลินอย่างไม่ต้องสงสัย คนเป็นแม่ก็ต้องหวังให้ใครสักคนมาดูแลลูกสาวของตัวเองด้วยใจ แต่เมื่อนึกถึงห้าปีที่ผ่านมา เธอก็กดความลังเลใจอย่างรวดเร็ว
“ฉันก็แค่แสดงความคิดเห็น” หลงอี้เซวียนนวดหัวที่ถูกเค่ก และก็บ่นอย่างไม่พอใจ
กรอกตาให้หลงอี้เซวียนอีกครั้ง อานหน้านึกขึ้นได้ทันที ในบ้านยังมีเด็กสองคน
หากอีหลินอยู่แต่โรงพยาบาลไม่กลับไป ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กผีสองคนนั้นจะโวยวายยังไง?
อันที่จริงเธอก็ไม่กลัวว่าพวกเขาจะโวยวาย แต่ถ้าทำให้พวกเขาสองคนต้องไปที่โรงพยาบาล อย่างนั้นก็จะยิ่งไม่ชัดเจนกันไปใหญ่
“เธอดูแลเขาไปก่อน เดี๋ยวให้พ่อของเธอเรียกคนมาดูแล”
อานหน้าชำเลืองมองลี่โม่อวั่ที่อยู่บนเตียง แล้วบ่นกับฉินอีหลิน
ฉินอีหลินรู้ความหมายของแม่ตัวเองโดยอัตโนมัติ ลูกของเธอชัดเจนที่สุด ถ้าหากเธอไม่ออกหน้า คาดว่าหมิงเจ๋อ จิ่นเซวียนบรรพบุรุษสองคนนั้นจะรื้อบ้านให้หมด
พยักหน้าอย่างเข้าใจ ฉินอีหลินนึกถึงเด็กสองคนนั้น สายตาก็ยิ้มออกมาอย่าอดไม่ได้
แต่การแสงออกของฉินอีหลินในสายตาของลี่โม่อวี่ก็ไม่ใช่เรื่องอย่างนั้นแล้ว ในสายตาของเขา ผู้หญิงคนนั้นได้ยินอย่างชัดเจนว่าเดี๋ยวจะมีตนมาดูแลตัวเอง ไม่ต้องให้เธอช่วยเหลือ จึงยิ้มออกมา
มองอานหน้าอย่างไม่พอใจ แต่ลี่โม่อวี่ไม่สามารถพูดอะไรได้
เนื่องจากอานหน้าไม่ใช่คุณนายฉินเธอไม่ได้รู้สึกขมขื่นกับฉินอีหลิน และไม่ได้เล่นกลกับเธอ หรืออคติ
เธอเป็นแม่บังเกิดเกล้าของฉินอีหลิน ลี่โม่อวี่ไม่มีทางที่จะสามารถรุกรานอานหน้าได้ เผื่อเขาทำให้เธอไม่มีความสุข รอให้เขาขอฉินอีหลินแต่งงาน เป็นการยากที่จะรับรองว่าแม่บุญธรรมจะไม่ทำให้ตัวเองลำบากใจ
ฉินอีหลินเห็นสีหน้าของลี่โม่อวี่โดยอัตโนมัติ ผู้ชายอย่างนี้ที่อดกลั้นไว้อย่าคิดว่าน่ารัก เธอมองผู้ชายที่ไม่มีความสุขเม้มปากยิ้ม ตอบแม่ของเธอเบาๆ: “ดี”
อานหน้าได้ยินลูกสาวของตัวเองตอบตกลงแล้ว ก็ให้หลงเซี่ยวเทียนโทร หลงเซี่ยวเทียนชำเลืองมองลี่โม่อวี่ และออกไปจากห้องผู้หญิงทันที
บรรยากาศภายในห้องยังคงเงียบ ลี่โม่อวี่หายใจไม่สะดวกจึงปลดกระดุมบนสุดของชุดผู้ป่วยออก
ใช้เวลาไม่นาน เด็กผู้ชายอายุประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยพร้อมกับช่อดอกไม้สองช่อ
“ท่านประธานหลง”
กึ่งเฉินเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่สดใส เมื่อครู่นายได้โทรหาเขาบอกว่า ให้เขาดูแลลี่โม่อวั่ เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เนื่องของลี่โม่อวี่กับตระกูลหลง ตอนนี้ที่เมืองกั่งซื่อเป็นที่คุ้นหูกันดีแต่แรกแล้ว
แต่ในสายตาของทุกคนมันเป็นน้ำและไฟที่ไม่วามทรถเข้ากันได้ของทั้งสองตระกูล ในเมื่อพวกเขาให้ตัวเองดูแลเขา
ไม่เข้าใจ คนมีเงิน ความคิดแตกต่างจากคนทั่วไป…
“อืม”
หลงเซี่ยวเทียนตอบตกลงเบาๆ ทันใดนั้นก็ทำท่าทางทันที
กึ่งเฉินอมยิ้มและว่งช่อดอกไม้ไว้บนตู้ของหลงอี้เซวียน และวางไว้บนข้างๆหัวเตียงของลี่โม่อวี่
ฉินอีหลินเห็นมีคนมาแล้ว จึงลุกขึ้นเตรียมพร้อมจะออกไป
ลี่โม่อวี่เห็นการกระทำของฉินอีหลินโดยอัตโนมัติ เขาเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ชำเลืองมองเขาไปมากกว่านี้ การรับรู้เช่นนี้ทำให้ลี่โม่อวี่ไม่พอใจ
“พรุ่งนี้นำอาหารที่เธอทำให้ฉันนะ ฉันไม่ได้กินมานานแล้ว คิดถึงรสชาตินั้น”
ฉินอีหลินหยิบกระเป๋าเตรียมพร้อมออกไป แต่ว่าได้ยินเสียงจากทางด้านหลังพูดคำนี้ออกมา เธอน่างกายแข็งทื่อ สายตาตรงหน้าก็ปรากฏค่ำคืนที่เคยผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน ทุกวันหลังจากเธอและลี่โม่อวี่เลิกงาน เธอทำอาหาร เขาล้างจาน
ชีวิตแบบนั้นสงบราวกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อชาติปางก่อน
เธอจ้องมองผู้ชายคนนั้นที่ไม่เคยพออย่างดุเดือด เป็นเวลานานที่ไม่พูดอะไรเลย
ลี่โม่อวี่เห็นท่าทางของเธอก็รู้ว่าที่จริงเธอได้อ่อนลงครึ่งหนึ่งแต่แรกแล้ว จึงเอ่ยปากออกไปอย่างน่าสงสาร และพูดว่า: “ฉันไม่ได้กินอาหารอย่างเป็นทางการนานแล้ว ความปราถนาแค่นี้เธอก็ตอบสนองฉันไม่ได้เลยเหรอ?”
กัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย ฉินอีหลินถึงจะพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
“ฉันจะกินยำหน่อไม้ เนื้อผัดพริกไทยเขียว ขาหมูตุ๋น ซุปเก๋ากี้เห็ดหูหนูขาว”
“ดึกดื่นป่านนี้ ฉันจะไปหาวัตถุดิบมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน”
“ฉันจะโทรบอกเห้อห้าว ให้เขาส่งมาให้”
“คุณอย่าคอยแต่รบกวนคนอื่น”
“งั้นทำยังไงดี?”
“ไม่อย่างนั้น…เธอไปซุปเปอร์มาเก็ตกับฉัน”
เธอยังคงจำคำพูดของวันนั้นได้อย่างชัดเจน จากนั้นพวกเขาก็ไปซื้วัตถุดิบจริงๆ รอทำอาหารเสร็จ ทั้งสองคนก็เหนื่อยจนไม่อยากอาหารแล้ว แต่วันนั้น พวกเขามีความสุขมาก
ฉินอีหลินไม่ได้ตอบอะไร เธอเดินออกไปห้องผู้ป่วย และเดินออกจาโรงพยาบาล เธอยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วโทรหามู่หลิง
มู่หลิงกดรับสายเมื่อได้ยินว่าเป็นเสียงของฉินอีหลิน ก็หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็นทันที: “ทำไม อยากจะมาหัวเราะเยาะฉันเหรอ? ฉันจะบอกเธอให้ เรื่องของเราสองคนยังไม่จบ!”
“ฮ่าๆ…ยำหน่อไม้ เนื้อผัดพริกไทยเขียว ขาหมูตุ๋น ซุปเก๋ากี้เห็ดหูหนูขาว พรุ่งนี้อย่าลืมส่งไปให้ลี่โม่อวี่”
มู่หลิงไม่คิดว่าฉินอีหลินจะพูดประโยคนี้ออกมา จิตใต้สำนึก: “เธอหมายความว่าอะไร? ทานเหรอ?”
“สำหรับเธอ ฉันยังไม่เคยไปถึงจุดนั้น”
ฉินอีหลินได้ยินเสียงที่คมชัดของมู่หลิง จึงขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ และอ้าปากพูดทันที: “ทางที่ดีที่สุดเธอไปคิดให้ชัดเจน เธออยากใช้ชีวิตกับคนรักของเธอ หรือว่าอยากจะกอดสภาพที่น่าเวทนาเมื่อห้าปีก่อนคนเดียวไปตลอดชีวิต?”
แสร้งทำเป็นหยุด ราวกับว่าเพลิดเพลินกับความสนุกในการจับหนูพูดเบาๆ: “มู่หลิง เธอเป็นคนฉลาด อย่าทำให้ฉันผิดหวัง”