บทที่ 83 เรามาคุยกันเรื่องลูกดีกว่าไหม
ฉินอีหลินได้ฟังสิ่งที่ลี่โม่อวี่บอก เธอกลอกตาเตรียมหมุนตัวกลับไป แต่ในขณะกำลังเปิดประตู เธอก็ถูกผู้ชายด้านหลังดึงไว้
“คุณไม่เชื่อผม?”
ลี่โม่อวี่ขมวดคิ้วมองผู้หญิงตรงหน้า เขาพูดขนาดนี้แล้ว คนๆนี้ไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด
“นี่คุณก็กำลังพูดเหลวไหลอยู่”
ฉินอีหลินกลอกตาอีกครั้ง เธอเชื่อเขาก็บ้าแล้ว
“ผมนึกว่าร้านกาแฟนี้จะทำให้คุณนึกถึงอะไร”
สายตาของลี่โม่อวี่บอกไม่ถูกว่าเจ็บปวดหรือว่าเย็นชา เขาจ้องมองผู้หญิงตรงหน้านิ่งอยู่แบบนั้น
ระยะเวลาห้าปีทำให้เธอเปลี่ยนไปมาก ร่างเล็กอ่อนแอนั้นตอนนี้มีพละกำลังเต็มเปี่ยม และตัวเธอก็มีความมั่นใจมากขึ้น
ลี่โม่อวี่ไม่ยอมรับไม่ได้ ฉินอีหลินในตอนนี้ดูมีเสน่ห์กว่าแต่ก่อนมาก
“ต้องขอโทษด้วย ฉันไม่นึกถึงอะไรทั้งนั้นแหละ”
ใบหน้าของฉินอีหลินไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แม้แต่แววตาก็ไม่มีเฉียดเข้ามาเลยสักนิด เธอก็จ้องมองผู้ชายตรงหน้าตรงๆอยู่แบบนั้น คล้ายกับกำลังรอคำตอบอะไร
“คุณนึกออกแล้ว”
สุดท้ายคนตรงหน้าก็ยังคงนิ่ง แต่ลี่โม่อวี่ยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เขานิ่งไปสักพัก เปิดปากอธิบาย “ที่บาร์เสน่ห์หา ผมเห็นคุณนอนหลับอยู่ในห้องวีไอพีมันเป็นเรื่องบังเอิญ ต่อมาคุณมาหาผมอีกครั้ง ยังคิดว่าผมเป็นผู้ชายแบบนั้น นั่นก็เป็นเรื่องเกินความคาดหมาย จนสุดท้าย คุณแต่งงานกับผมก็ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝัน”
“เมื่อกี้ผมถามเจ้าของร้าน ว่าทำไมถึงตั้งชื่อนี้”
มุมปากของลี่โม่อวี่ยกยิ้ม เขามองความสงสัยในดวงตาของฉินอีหลินอย่างพอใจ ค่อยเอ่ยออกมาช้าๆ “เจ้าของร้านบอกว่า ชีวิตมักต้องเจอกับเรื่องไม่คาดฝันมากมาย แต่เมื่อคุณคว้าสิ่งที่ต้องการได้ มันก็จะเป็นบรรยากาศที่งดงามที่สุด”
เป็นครั้งแรกที่ฉินอีหลินได้ยินลี่โม่อวี่พูดอะไรแบบนี้ เธอนิ่งมองชายตรงหน้าอย่างตกตะลึง ทันใดนั้นก็รู้สึกอยากจะหนีไป
เธอในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยบาดแผลของความเจ็บปวด เธอรับความรู้สึกของลี่โม่อวี่ไม่ไหวอีกแล้ว
อีกทั้งเมื่อสักครู่ที่เขาเอ่ยถึงผู้ชายแบบนั้น ทำให้หัวใจเธอไม่นิ่ง ตอนนั้นเธอยังใสซื่อคิดว่าเขาเป็นผู้ชายทำงานกลางคืน ความสัมพันธ์ของพวกเขาหนีไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ ขอแค่ตัวเองมีเงินมากพอ เธอก็เป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า แต่ตอนนั้นฉินอีหลินจะไปคิดได้ไง มันถูกกำหนดเพียงเพราะ “ความบังเอิญ” ถึงได้สร้างเรื่องร้ายๆให้เธอกับลี่โม่อวี่ในตอนนี้
“ฉันต้องไปแล้ว”
ฉินอีหลินหมุนตัวเตรียมหนี แต่เป็นอีกครั้งที่ลี่โม่อวี่รั้งหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้
“คุณจะทำอะไรอีก?”
“ไม่ทำอะไร”
ลี่โม่อวี่ยิ้ม หลังจากนั้นจึงปล่อยมือ “เรามาคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า”
ฉินอีหลินขมวดคิ้วมุ่น เธอไม่อยากอยู่กับผู้ชายอันตรายตรงหน้านี้อีกแล้ว “คุณอยากคุยอะไร? ระหว่างเรามีอะไรต้องคุยอีก”
ลี่โม่อวี่ได้ยินดังนั้นกลับไม่โกรธ สองมือล้วงกระเป๋า เอ่ยออกมาเบาๆ “ลูก”
ได้ยินคำพูดของลี่โม่อวี่ ฉินอีหลินจึงนั่งลงบนโซฟาอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัก ขมวดคิ้วมองลี่โม่อวี่ และไม่คิดจะอ้อมค้อมกับเขา “ฉันยอมรับว่าหลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนเป็นลูกของคุณทั้งคู่ แต่นั่นแล้วยังไง? ฉันไม่ใช่มู่หลิง ฉันเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวได้ อีกอย่างคุณก็รู้ ตอนนี้ลูกทั้งสองก็เชื่อแล้วว่าพ่อแท้ๆของเขาตายไปแล้ว……ตกบันไดตาย”
พูดถึงตรงนี้ ฉินอีหลินมองใบหน้าทะมึนของชายตรงหน้าเธออย่างพอใจ ไม่รู้ทำไม เธอในตอนนี้ชอบที่ได้เห็นท่าทางจนปัญญาทำอะไรไม่ถูกของลี่โม่อวี่
“ฉินอีหลิน!”
ลี่โม่อวี่กัดฟันเอ่ยออกมา หลังจากนั้นขยับพิงโซฟา ท่าทางซึมเศร้าของลี่โม่อวี่ทำให้หัวใจของฉินอีหลินรู้สึกเป็นห่วง แต่พอนึกถึงเด็กๆทั้งสอง เธอจึงกัดฟันยืนหยัดต่อไป
หมิงเจ๋อและจิ่นเซวียนเป็นลูกของเธอ เธอจะไม่ยอมให้ใครเด็ดขาด
มองดูชายตรงหน้าไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก ฉินอีหลินได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ความจริงเธอก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่ว่า…….บางที นี่คงจะเป็นชะตาชีวิตของเธอกับลี่โม่อวี่
“ฉันมีคำถามหนึ่งอยากถามคุณมาตลอด”
ฉินอีหลินลุกขึ้นมากะทันหัน มองลี่โม่อวี่ที่นั่งอยู่บนโซฟาอยู่แบบนั้น ใบหน้านิ่งเรียบ
“ลี่โม่อวี่ คุณมายุ่งวุ่นวายกับฉันทุกวันขนาดนี้ แล้วคุณเอามู่หลิงไปไว้ที่ไหน?”
ในตอนที่ผู้หญิงตรงหน้าลุกขึ้น เขาก็เงยหน้าตามเธอไป ฉินอีหลินตอนนี้เดาอารมณ์ความคิดไม่ออกเลย เขาพลันหลงใหลเธอมากขึ้น
ฉินอีหลินยืนอยู่สักพักก็ไม่ได้ยินคำตอบจากลี่โม่อวี่ ขมวดคิ้วมุ่น มองคนบนโซฟาแล้วหยิบกระเป๋าบนโต๊ะเตรียมเดินออกประตูไป
เหมือนกับที่ฉินหลันซูกับมู่หลิงถามเธอว่าทำไมเธอถึงกลับมา เธอรู้ว่าคำถามแบบนี้มันโง่มาก แต่ก็อดไม่ได้เอ่ยถามออกไป
ฉินอีหลินไม่รู้ว่าตัวเองต้องการคำตอบแบบไหน แต่เธอก็อยากถาม อยากหาคำตอบด้วยตัวเอง
ลี่โม่อวี่ คุณมองว่าฉันเลวขนาดไหน
อีกฝ่ายยังคงไม่มีเสียง เธออดไม่ได้ยิ้มเยาะตัวเอง จากนั้นหมุนตัวเดินออกไป ทว่าเมื่อเธอเดินถึงประตู เธอได้ยินเสียงเจือการเฝ้ารอของลี่โม่อวี่
“ฉินอีหลิน ถ้าหากไม่มีมู่หลิง เราจะเริ่มต้นใหม่กันได้ไหม?”
ฉินอีหลินไม่เคยคิดว่าผู้ชายเย่อหยิ่งแบบเขาจะเอ่ยคำพูดแบบนี้ออกมา แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาก็เคยบอกว่าจะตามจีบเธอใหม่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอมึนได้ขนาดนี้
ตอนนี้เธอไม่แน่ใจ น้ำเสียงสั่นเทาที่เธอได้ยินเมื่อสักครู่นั้นเป็นสิ่งที่เธอคิดไปเองหรือเปล่า
ลี่โม่อวี่ผู้เย่อหยิ่งที่เธอรู้จัก ตอนนี้ยอมลดตัวมาถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงคนหนึ่ง เริ่มต้นใหม่ได้ไหม
หลับตาลงอย่างสั่นเทา ใบหน้าของฉินอีหลินบอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร แต่ชั่วครู่ ผู้หญิงสง่างามคนนั้นก็ก้าวเดินต่อไป ออกจากร้านกาแฟไป
ลี่โม่อวี่มองแผ่นหลังของหญิงสาวที่กำลังจากไป หัวใจนั้นเจ็บปวด
เขายอมอ้อนวอนผู้หญิงคนนั้นให้กลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับเขา ล้วนเห็นแต่แผ่นหลังที่เข้มแข็งและเย่อหยิ่งนั้น
ฉินอีหลิน ฉินอีหลิน…..
ตอนนี้หัวใจของฉินอีหลินสับสนอย่างหนัก ภาพเก่าๆปรากฏขึ้นในใจของเธอ เท้าเธอไม่มั่นคง เกือบจะล้มลงกับพื้น
เปิดประตูรถ เธอรีบเข้าไปด้านใน อยากอยู่เงียบๆ
แต่พึ่งจะนั่งลง ฉินอีหลินพบว่ากระจกหลังส่องแสงสะท้อนสีเงิน กำลังจะลุกขึ้น มีดคมก็จ่อมาที่ลำคอของเธอ
เธอไม่ร้องตะโกนโวยวายเหมือนผู้หญิงทั่วไป หรือร้องไห้น้ำตาไหลนอง
เธอทำเพียงมองสบตากับชายทั้งสองผ่านกระจกส่องหลังเงียบๆ
ในขณะที่เธอกำลังคิดหาทางออกจากมีดสั้นเล่มนี้ ฉินอีหลินพบว่าชายอีกคนกำลังหันปลายกระบอกปืนสีดำมาที่ตน
ถอนหายใจเบาๆ สายตานิ่งสงบของฉินอีหลินมองตรงไปข้างหน้า บอกใบ้ว่าเธอจะไม่ขัดขืน ไม่คิดจะทำอะไร
แต่คนร้ายทั้งสองเห็นท่าทางของฉินอีหลินแล้วกลับไม่ได้ผ่อนปรน ชายคนที่ถือปืนมองหญิงสาวที่นั่งบนที่นั่งคนขับอย่างเยือกเย็น เอ่ยช้าๆ “ไปถนนหยินชวง”