บทที่ 94 ลูกเป็นอย่างไรบ้าง
ฉินอีหลินพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลาอีกสองวัน ก่อนที่จะถูกอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ ซึ่งหลังจากที่เธอกับลี่โม่อวี่แยกจากกันอย่างไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่เมื่อครั้งก่อน ลี่โม่อวี่ก็ไม่ได้โผล่มาหาเธออีกเลย จึงทำให้สองวันที่ผ่านมา ฉินอีหลินอยู่ได้อย่างสงบสุข และอารมณ์ดีอีกด้วย
หลังจากที่ฉินอีหลินทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลตลอดทั้งเช้าเสร็จ เธอก็ขึ้นไปเก็บของให้เรียบร้อย ก่อนจะรอหลงอี้เซวียนมารับเธอกลับไป
ช่วงไม่กี่วันมานี้ที่ได้อยู่ในโรงพยาบาล ฉินอีหลินรู้สึกอึดอัดแทบแย่ แล้วก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าช่วงที่เธออยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เธอแทบจะคุ้นชินและชำนาญกับลู่ทาง และการดำเนินการต่างๆ ในโรงพยาบาล เพราะว่าเธอวิ่งเต้นไปทั่วโรงพยาบาลตลอดเป็นประจำ
ฉินอีหลินมองไปรอบๆ อยู่หน้าประตู นอกจากบอดี้การ์ดสองคนที่ลี่โม่อวี่เตรียมไว้ให้แล้วนั้น เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของแอนนาเลยสักนิดเดียว จึงเริ่มรู้สึกแปลกใจขึ้นมา
เธอบอกกับแอนนาไปตั้งนานแล้วว่า วันนี้เธอจะออกจากโรงพยาบาล แต่ทำไมตอนนี้แอนนาถึงยังไม่มาอีก?
ฉินอีหลินก้มมองดูเวลา ตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว หลงอี้เซวียนที่บอกว่าจะมารับเธอเช่นกัน ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
เธอเดินไปมาอยู่ในห้องผู้ป่วย ในที่สุดฉินอีหลินก็ตัดสินใจที่จะโทรไปเร่งหลงอี้เซวียน ให้รู้ว่าคนที่รออยู่ในโรงพยาบาล เขารู้สึกอึดอัดใจมากแค่ไหน
แต่ยังไม่ได้ได้โทรออกไป ก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น ฉินอีหลินรีบรับสายอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ฟังได้ ก็คือน้ำเสียงที่ร้อนรนของหลงอี้เซวียน ก่อนจะพูดมาเป็นชุด : “พี่ พี่รอผมที่โรงพยาบาลก่อนนะ ตอนนี้เกิดเรื่องนิดหน่อย ผมกับแม่อาจจะไปสายนิดหนึ่ง พี่อย่าเดินไปไหนมั่วซั่วนะ”
“ตกลง”
ฉินอีหลินรู้สึกมึนงงกับคำพูดดังกล่าวของหลงอี้เซวียน แต่ก็ทำได้เพียงตอบรับไปก่อน ตอนแรกคิดจะถามหลงอี้เซวียนว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังลั่นของผู้หญิงคนหนึ่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย “เอาหลานของฉันคืนมา…”
ฉินอีหลินรู้สึกว่ามันชักจะไม่ปรกติแล้ว ขณะที่กำลังจะถามไปนั้นเอง หลงอี้เซวียนก็วางสายเธอลงอย่างรวดเร็ว
ฉินอีหลินพยายามกลับไปคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด เรื่องที่ทำให้หลงอี้เซวียนร้อนรนได้น่ะ มีไม่กี่เรื่องหรอกนะ อีกอย่างเหมือนเธอจะได้ยินเสียงคนที่เหมือนแอนนา ดังออกมาอีกด้วย
แล้วหลานของแอนนา ก็คือลูกของตัวเองนี่นา?
ฉินอีหลินรีบลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง ก่อนจะรีบโทรกลับไปหาหลงอี้เซวียนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่มีใครรับสายเลย ฉินอีหลินจึงรีบโทรหาแอนนา แต่ก็ไม่มีคนรับอยู่ดี
ในที่สุดฉินอีหลินก็อดรนทนต่อไปไม่ได้ เธอเองก็ให้แอนนาเป็นคนส่งลูกของเธอทั้งสองคน กลับประเทศอังกฤษไปแล้วนี่นา? แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องได้อีกล่ะ? หรือว่าลี่โม่อวี่จะเป็นคนแย่งลูกของเธอไป?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉินอีหลินกังวลใจมาตลอด แต่ตัวเธอเองอาจจะคิดมากไปก็ได้นะ…
แต่สิ่งที่ได้ยินในสายเมื่อสักครู่นี้ ทำให้ฉินอีหลินสงบเยือกเย็นมากขึ้น ลูกของเธอเป็นดั่งดวงใจของเธอ เธอไม่มีทางให้ใครมาแย่งลูกของพวกเธอไปแน่!
พอคิดถึงตรงนี้ ฉินอีหลินก็นั่งไม่ติดอีกต่อไป ในใจมีแต่ความหวาดกลัวท่วมท้นออกมา เธอต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เธอวิ่งออกไปข้างนอกทันที โดยที่ไม่ได้หยิบของอะไรติดตัวไปแม้แต่น้อย แต่ทันใดนั้นเธอก็ถูกบอดี้การ์ดของลี่โม่อวี่ขวางเอาไว้ ทันใดนั้นอารมณ์ของฉินอีหลินก็ขาดผึง ไม่มีใครจะสามารถมาขวางเธอ ในการออกตามหาลูกได้เด็ดขาด!
“พวกนายหลบไปให้พ้น ฉันจะไปหาลี่โม่อวี่ บอกฉันมาว่าเขาอยู่ไหน?”
บอดี้การ์ดทั้งสองคนสบตากัน พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ ฉินอีหลินถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังยืนอึ้งอยู่นั้นเอง ฉินอีหลินชนบอดี้การ์ดทั้งสอง แล้ววิ่งออกจากโรงพยาบาลไปทันที
ฉินอีหลินรีบเรียกรถไปที่บริษัทของลี่โม่อวี่ทันที ระหว่างทางก็ยังคงกดโทรหาแอนนากับหลงอี้เซวียนไม่หยุด พลางอ้อนวอนภาวนาไม่ให้ลูกๆ ของเธอเป็นอะไรไป ทันทีที่มาถึงบริษัท เธอกลับไม่เห็นลี่โม่อวี่แม้แต่เงา แต่ยังดีที่ได้เจอกับเซียวน่าย แต่พอถามกลับได้รับคำตอบว่า ลี่โม่อวี่ไม่ได้มาที่บริษัทนานแล้ว
“ทำไมกัน? เขาไม่ได้อยู่กับเธอตลอดอย่างนั้นหรือ?”
เซียวน่ายได้ฟังก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะว่าในโลกนี้นอกจากฉินอีหลินแล้ว ยังจะมีเรื่องอะไรอีกนะ ที่ทำให้ลี่โม่อวี่ละทิ้งงาน แล้วไม่โผล่มาที่บริษัทติดต่อกันตั้งหลายวัน
ฉินอีหลินเหมือนสมองชาไปทันที เธอเป็นห่วงว่าลูกๆ จะเป็นอันตรายอะไรไป แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลาให้คิดอะไรแล้ว เธอส่ายหัวก่อนจะรีบวิ่งออกไปด้านนอก พอนั่งรถมาถึงที่บ้านพักตากอากาศของลี่โม่อวี่นั้น ยังไม่ทันที่เธอจะได้ลงจากรถ เธอก็เห็นเหล่านักข่าวที่ยืนล้อมรอบประตูหน้าอยู่ไกลๆ ไม่น้อย ฉินอีหลินเองก็เกิดความสงสัย จึงเร่งให้คนขับรีบขับไปหา
ขณะที่เข้ามาใกล้นั้น ฉินอีหลินก็ได้ยินคนกลุ่มนั้นกำลังวิจารณ์กันเกี่ยวกับ เรื่องเด็กคนหนึ่งถูกลักพาตัวไป
“นี่มันเรื่องใหญ่มากๆ เลยนะ นายว่าเด็กทั้งสองคนนั้นใช่ลูกนอกสมรสของประธานลี่หรือเปล่า?”
“ฉันก็เห็นด้วยนะ เฮ้อ ทำไมถึงไม่ได้เห็นแม่ของลูกกันเลยนะ? ฉันว่าผู้หญิงแบบนี้ชั่วร้ายมากเลยนะ ตอนแรกก็อุ้มลูกขโมยหนีไปแล้ว พอเติบโตมาก็พากลับมาแย่งสมบัติ แถมยังแย่งมาสำเร็จอีกด้วยนะ ฉันได้ยินมาว่า…”
นักข่าวทั้งสองคนยืนอยู่ตำแหน่งที่ไม่ไกล ในมือมีกล้องถ่ายภาพถืออยู่ และพวกเขาก็กำลังรายงานข่าวถึงเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอยู่
……
ต่างคนต่างก็พูดกันไปมาอื้ออึง จนเธอทนดูไม่ได้อีกต่อไป ฉินอีหลินเม้มปาก พลางกำมือแน่นแล้วเบียดกลุ่มคนเหล่านั้นเข้าไป เธอทำเป็นว่าไม่ได้ยินในสิ่งนั้นซะ แต่พอเป็นเรื่องลูกของตัวเองเมื่อไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกทุกข์ใจมากเท่านั้น
เธอต้องพาลูกกลับมาให้เร็วที่สุด ต้องอย่างเร็วที่สุด!
ที่จุดศูนย์กลางของกลุ่มคนนั้น มีแอนนาที่กำลังถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เกรี้ยวกราด : “ลี่โม่อวี่ ถ้านายเป็นผู้ชายจริง อย่าทำเรื่องที่มันใจแคบแบบนี้ไปหน่อยเลย แม่ของเด็กตอนนี้ก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาล นายทำแบบนี้ไม่คิดถึงความรู้สึกของอีหลินบ้างหรือไง!!”
ลี่โม่อวี่ยืนจ้องหน้าหลงอี้เซวียนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เธอเห็นเพียงบนร่างกายของทั้งลี่โม่อวี่และหลงอี้เซวียนนั้น ต่างก็มีบาดแผลด้วยกันทั้งคู่ ที่แขนของหลงอี้เซวียนเองก็มีเลือดไหลออกมา พร้อมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตจ้องไปอีกฝ่าย
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าทั้งสองคนเพิ่งจะทะเลาะกัน อีกทั้งยังสร้างความยุ่งยากให้คนอื่นอีกด้วย
พอแอนนาเห็นฉินอีหลินเท่านั้น เธอก็แอบโกรธตัวเองอยู่เงียบๆ ว่าทำไมถึงลืมเรื่องพวกนี้ไปกันได้นะ “อีหลิน แม่ไม่ได้บอกลูกแล้วหรือว่าให้รออยู่ที่โรงพยาบาลน่ะ? ทำไมลูกถึงยังมาที่นี่อยู่? เรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำให้ลูกระวังตัวบ้างหรือไง?”
ฉินอีหลินรู้ว่าแอนนาเป็นห่วงตัวเอง เรื่องลักพาตัวทำให้แอนนาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเธอมากขึ้น แอนนาเองก็อยากจะให้มีคนอยู่ด้วยกันกับเธอใจจะขาด
พลันฉินอีหลินก็พูดขึ้นอย่างเรียบง่าย โดยแทบไม่ได้สนใจความปลอดภัยของตัวเองเลย “แม่ ลูกเป็นอย่างไรบ้าง? หนูโทรหาแม่ตั้งหลายรอบแต่ก็โทรไม่ติด แถมยังได้ยินเหมือนว่าลูกเกิดเรื่องในสายอีกด้วย หนูก็เลยรีบมาดูทันที”
ตอนนั้นแอนนาพยายามบอกเป็นนัยๆ ว่าอย่าร้อนใจ เธอรู้ดีว่าความรู้สึกของฉินอีหลินเป็นอย่างไร เพียงแต่ฉินอีหลินก็เป็นลูกของเธอเหมือนกัน เธอก็เป็นห่วงลูกของตัวเองเช่นกัน
“ร่างกายลูกไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม? เดี๋ยวแม่ให้น้องชายของลูกพาไปส่งแล้วกัน ที่นี่มีพวกแม่อยู่ไม่เป็นอะไรหรอก”
ฉินอีหลินจะไปยอมทำตามได้อย่างไรกันล่ะ ลูกๆ ของเธอตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้างแล้วก็ไม่รู้ จะบาดเจ็บหรือเปล่า? จะตกใจจนขวัญหายหรือเปล่า?
ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ ลูกๆ ของเธอทั้งสองคนไม่เคยออกห่างจากญาติๆ เลย อีกอย่างด้านนอกยังมีคนอยู่มากมายล้อมแบบนี้ จะให้เธอไม่ร้อนใจได้อย่างไร จึงรีบถามขึ้นอีกครั้งหนึ่ง : “แม่คะ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมตอนที่โทรมาหนูถึงได้ยินเรื่องของลูกของหนู แม่ไม่ได้ส่งทั้งสองคนไปที่ประเทศอังกฤษแล้วหรือคะ?”
พอพูดถึงตรงนี้ แววตาของแอนนาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เป็นเพราะตัวเธอเองไม่ระวัง และประเมินลี่โม่อวี่ต่ำไป ถึงได้เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้นได้
แอนนาจ้องเขม็งไปที่ลี่โม่อวี่อย่างไม่สบอารมณ์ ถึงแม้เธอจะโกรธอยู่ แต่เธอก็ยังตอบคำถามของฉินอีหลิน ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง : “ลูกถามเขาสิ ให้เขาพูดออกมาเองเลยว่าทำไมเขาถึงทำเรื่องแบบนี้กัน?”