บทที่ 88 ต้องการฉินอีหลินเพียงคนเดียว
หลงอี้เซวียนตกใจกับการกระทำของลี่โม่อวี่ก่อนเล็กน้อย ค่อยดึงสติกลับมา เขาซัดหมัดเข้าไปที่ดั้งคมของชายตรงหน้า
ลี่โม่อวี่เห็นท่าทางของหลงอี้เซวียนจึงเบี่ยงหลบ แต่ส่วนท้องกลับโดนเข้าไปเต็มๆ
คิ้วคมขมวดเข้าหากัน เขาเคยโดนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ชอบผู้ชายคนนี้ตั้งนานแล้ว อาศัยว่าตัวเองเป็นน้องชายของฉินอีหลิน ถึงได้กล้าท้าทายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องของพวกเขาผัวเมียต้องให้คนอื่นเข้ามายุ่งวุ่นวายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
คิดได้ดังนั้น ลี่โม่อวี่จึงหรี่ตาแคบลง สวนหมัดกลับไป
ผลัวะ
ศีรษะของหลงอี้เซวียนหันไปตามแรงกระแทกของหมัดหนัก มุมปวดแสบแปลบ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ริมฝีปากโดนฟันกระแทกจนเลือดออก
กลิ่นเลือดได้กระตุ้นชายหนุ่มที่เดิมก็อารมณ์ไม่คงที่อยู่แล้ว ยกเท้าถีบเข้าไปที่ท้องของลี่โม่อวี่อีกครั้ง
“ตอนนี้พี่ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณเลยสักนิด”
“ทำไมจะไม่มี”
ลี่โม่อวี่เบี่ยงตัวหลบการโจมตี แกว่งหมัดสวนออกไปอีกครั้ง “ผมเป็นพ่อของลูก”
อานหน้ารู้สึกแปลกใจตั้งแต่หลงอี้เซวียนถูกลากออกไป เมื่อสักครู่ได้ยินเสียงต่อสู้ จึงรีบตามออกมา
เวลานี้ เธอยืนมองทั้งคู่ที่ปะทุอารมณ์ใส่กันไม่หยุด
ในเมื่อมีกำลังกันขนาดนี้ ทำไมไม่ออกไปสืบหาว่าใครเป็นคนลักพาตัวฉินอีหลินไปกันแน่
เธอไม่เชื่อว่า แก๊งK ที่ไม่คุ้นเคยกับที่นี่ จะกล้าจับไปตรงๆแบบนี้
“หยุดทะเลาะกัน หยุด…..โอ๊ย แว่นผม”
หมอกำลังเอายามาส่งบังเอิญเห็นสองคนทะเลาะกันอยู่หน้าห้องพักคนป่วยจึงเข้ามาห้าม แต่เป็นเด็กดีมาตั้งแต่เด็กไหนเลยจะต่อยตีเอาชนะใครเขาได้ พอเข้ามาห้ามก็โดนหมัดของหลงอี้เซวียนอัดเข้าที่หน้าจนแว่นหล่น
คนที่สูญเสียแว่นอย่างเขานั้นราวกับคนตาบอด ก้มหน้างมหาแว่นตา
“หมอคะ เอายามาให้ฉัน คุณไปเถอะ”
“นี่ครับ…..”
ไม่ง่ายเลยที่หมอจะหาแว่นจนเจอแล้วสวมคืน ก็ได้ยินเสียงคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ความจริงเขาอยากจะรีบๆไป แต่ก็เพื่อเอาหน้าจึงต้องเข้าไปแยก ตอนนี้ได้โอกาสแล้วเขาจึงรีบเอ่ย “ครับ คุณผู้หญิง งั้นผมไปนะครับ”
รอหมอไปแล้ว อานหน้าเห็นว่าทั้งคู่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จึงเอ่ยออกมา “พวกนายจะเสียงดังให้อีหลินตื่นรึยังไง? จะทะเลาะกันก็ออกไปทะเลาะข้างนอก อย่ามาเกะกะสายตาฉันตรงนี้”
ทั้งคู่ได้ยินดังนั้นจึงต้องหยุดลงอย่างไม่พอใจ ต่างฝ่ายต่างจัดเสื้อผ้าที่ยับย่นของตัวเอง
ลี่โม่อวี่อยากอยู่รอหญิงสาวที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่เขารู้ว่า สองคนตรงหน้าคงไม่ยอม เขาก็ไม่จำเป็นต้องดื้อดึงเพื่ออยู่ที่นี่ต่อ
ยังไงซะที่นี่ก็โรงพยาบาลของเขา เขาไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้ข่าวฉินอีหลิน
สุดท้ายหันไปมองใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วย ลี่โม่อวี่หันมามองอานหน้า น้ำเสียงไม่มีแววขลาดกลัว
“ถึงพวกคุณจะไม่พูด ผมก็จะสืบหาความจริงเรื่องนี้ อุบัติเหตุรถยนต์ ลอบยิง ลักพาตัว อย่าบอกผมว่าทั้งหมดนี้มันคือเรื่องบังเอิญ”
ชายหนุ่มคนนั้นมองอานหน้าอย่างจริงจัง ต่อมาเลื่อนสายตาไปยังหลงอี้เซวียน “ผมรู้ว่าตระกูลหลงมีอคติกับผม แต่ไม่ว่าพวกคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ชาตินี้ผมต้องการฉินอีหลินเพียงคนเดียว”
เอ่ยจบ ลี่โม่อวี่ไม่มองการตอบสนองของสองคนนั้นสักนิด เขาหมุนตัวเดินออกไปทันที
เขาต้องไปคุยกับผู้อำนวยการให้เข้าใจ เขาต้องได้รับรู้ข่าวคราวของฉินอีหลินในทุกๆชั่วโมง
ในใจนั้นหยุดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพที่ร่างเล็กตัดเยื่อใยเขา เขาอ้อนวอนขอโอกาสเธอขนาดนั้น แต่เธอก็ไม่แม้จะหันกลับมามอง
กำหมัดแน่นขึ้น แต่สีหน้าของลี่โม่อวี่ยังคงปกติ ไม่ว่ายังไงเขาไม่ว่ายังไงเขาจะไม่มีวันปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปอีกแน่ ความรู้สึกที่เหมือนวิญญาณถูกดึงหายไปครึ่งหนึ่งนั้น ชาตินี้เขาไม่มีวันยอมประสบกับมันอีกเป็นแน่
ฉินอีหลิน แม้ต้องลงนรก คุณก็ต้องอยู่กับผม
อานหน้ามองแผ่นหลังของฉินอีหลิน แววตาสั่นไหวเล็กน้อย เธอเป็นแม่คน ดังนั้นสิ่งที่หวังก็คืออยากให้ลูกมีความสุข เมื่อสักครู่ผู้ชายคนนั้นท่าทางจริงจัง
ถ้าเขาเริ่มต้นใหม่กับฉินอีหลินจริงๆ งั้นอีหลินจะมีความสุข หรือว่าต้องจบเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้วล่ะ?
“เหอะ”
หลงอี้เซวียนไม่คิดอะไรมาก เขาได้ฟังคำพูดของลี่โม่อวี่แล้วกลับคิดว่าเป็นแค่การยั่วยุ “เขาบอกจะเอาก็เอางั้นหรอ ไม่ดูว่าเรายอมหรือไม่ยอม”
คำพูดนั้นดึงสติอานหน้าให้กลับมา กลอกตาใส่หลงอี้เซวียนที่บ่นไม่หยุด อานหน้าจึงหมุนตัวกลับเข้าห้องผู้ป่วยไป
จ้องมองแก้มที่ซีดเซียวของฉินอีหลินอย่างละเอียด เธอรู้สึกทรมานใจ เด็กคนนี้ต้องเจอกับความลำบากมามากมายเหลือเกิน ทำไมคนดีๆถึงไม่ได้รับสิ่งที่ดีตอบแทนล่ะ
“เธอไปเอาน้ำอุ่นมาหน่อย แม่จะเช็ดหน้าให้พี่สาวเธอหน่อย”
อานหน้าไม่อยากเห็นท่าทางร้อนใจของหลงอี้เซวียนจึงหาอะไรให้เขาทำ ตอนนี้ในใจเธอว้าวุ่น ไม่มีกะจิตกะใจปลอบโยนหลงอี้เซวียน
“อ้อ”
รู้ว่าแม่อารมณ์ไม่ดี ตอนนี้หลงอี้เซวียนไม่อยากดื้อกับอานหน้า เอ่ยตอบรับแล้วเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
ยังดีที่บริษัททางนั้นมีเรื่องเพียงเล็กน้อย เขาต้องโทรคุยสักหน่อย ยังไงซะเขาก็ไม่มีใจกลับไปทำงานอยู่แล้ว
รู้สึกสะลึมสะลือ ฉินอีหลินคล้ายกับมีอะไรกดทับร่างเอาไว้ เหนื่อยจนหายใจลำบาก
เธอดิ้นรนอยากลืมตา แต่เปลือกตาก็คล้ายกับถูกติดเข้าด้วยกัน ไม่ว่าเธอจะพยายามยังไงก็ลืมตาไม่ได้
เหนื่อยจัง มืดจัง
ที่นี่ที่ไหน?
ฉินอีหลินร้องตะโกนอย่างไร้เสียง ความรู้สึกไร้ซึ่งหนทางแบบนี้ทำให้เธอนึกถึงสถานการณ์ในโกดังร้างเมื่อห้าปีที่แล้ว
ตอนนั้นเธอก็ไร้เรี่ยวแรงแบบนี้ เธอทำได้เพียงนิ่งมองเสื้อผ้าของตัวเองถูกฉีกขาด มองมือสกปรกคู่นั้นที่วนเวียนอยู่บนเนื้อตัวเธอ
ขณะที่กำลังต่อสู้ดิ้นรน เธอพลันได้ยินเสียงร้องไห้มาจากที่ไกลๆ
ใคร?
ใครกำลังร้องไห้?
ฉินอีหลินมองรอบๆอย่างมึนงง แต่มองเห็นเพียงความมืด
“แม่…..”
หลงอี้เซวียนกลับมาเห็นอานหน้ากำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงคนป่วย เขาไม่เคยเห็นแม่ตัวเองอ่อนแอแบบนี้มาก่อน นำกาน้ำร้อนไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินเข้าไปกอดอานหน้าเอาไว้
“ฉันไม่เป็นไร ฉันแค่เจ็บแทนอีหลิน …….เธอพึ่งอายุเท่าไหร่เอง ทำไมต้องมาลำบากขนาดนี้ด้วย”
อานหน้าในตอนนี้ไม่มีความสง่าและเข้มแข็งในแบบที่เคยเป็นเลย ตอนนี้เธอเป็นเพียงแม่ธรรมดาคนหนึ่ง เธอกอดเอวหลงอี้เซวียนแน่น ในที่สุดก็ทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา
“แม่……….”
น้ำเสียงแหบแห้งของหญิงสาวดังขึ้น เสียงร้องไห้ของอานหน้าพลันหยุดชะงัก เธอและหลงอี้เซวียนหันไปยังเตียงคนไข้อย่างพร้อมเพรียง ดีใจจนไม่รู้จะพูดยังไง
เมื่อสักครู่อีหลินได้ยินเสียงร้องไห้อยู่ในฝัน จึงวิ่งตามเสียงร้องไห้มา เธอไม่รู้ว่าวิ่งอยู่นานแค่ไหน ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าใด เธอรู้เพียงว่าอยู่ดีๆก็มีแสงสว่างวาบขึ้น เธอหลับตาลงโดยอัตโนมัติ ค่อยลืมตาขึ้นมามองแม่ที่กำลังอ่อนแอ
ความรู้สึกค่อยๆชัดเจนยิ่งขึ้น เธอยื่นมือไปจับมือของหญิงตรงหน้า นึกว่าจะไม่รอดแล้ว ทำไมถึงได้มีชีวิตอยู่อีก?
ชะงักไปเล็กน้อย ฉินอีหลินจึงถามออกมาเสียงดังขึ้น “พวกคุณหาฉันเจอที่ไหน?”