บทที่ 91 ยังไม่ได้แต่งงานหรือ
ฉินอีหลินนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของลี่โม่อวี่ พลางมองไปยังผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างเหม่อลอย
ถ้าหากว่านายทะนุถนอมฉันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้วล่ะก็ ฉันก็คงจะคิดที่จะอยู่กับนายไปตลอด จนกว่าจะมีลูกด้วยกัน จนกว่าลูกจะเติบโต จนกว่าจะแก่เฒ่าผมหงอก จนกว่าฟันจะหลอ……
แต่ว่า…ชีวิตคนมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิดหรอกนะลี่โม่อวี่
ในที่สุดฉินอีหลินก็ได้สติกลับมา เธอชักมือกลับก่อนจะมองไปด้านนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอยราวกับถูกลมพัดพาไปอย่างไรอย่างนั้น
“พวกเราทำแบบนั้นไม่ได้แล้วล่ะนะ” จากนั้นเธอก็หันหน้ามาสบตากับลี่โม่อวี่ : “ลี่โม่อวี่ ฉันไปเป็นมือที่สามไปทำลายครอบครัวคนอื่นไม่ได้หรอกนะ คุณอย่าลืมสิว่านายกับมู่หลิงมีลูกด้วยกันแล้วนะ”
เขาเองก็ถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง แต่เขายังคงรับไม่ได้ที่ผู้หญิงคนนี้เอามู่หลิงมาเป็นเหตุผลในการปฏิเสธเขา
“ผมบอกคุณไปหลายรอบแล้วนะ ว่าผมกับมู่หลิงไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้น แล้วก็ไม่ได้แต่งงานกันด้วย!”
ฉินอีหลินมองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบอกเธอว่าไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ฉินอีหลินคิดว่าที่เขาพูดก็แค่อยากจะมาอยู่ข้างเธอแค่นั้น แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเป็นความจริงเสียแล้ว
ฉินอีหลินเบิกตาโพลงมองไปทางลี่โม่อวี่อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง : “คุณยังไม่ได้แต่งงานจริงๆ หรือ?”
ลี่โม่อวี่มองดูท่าทางที่ตื่นตะลึงของผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้ ด้วยท่าทีที่เก็บงำอารมณ์เอาไว้ ก่อนจะเผยรอยยิ้มขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ : “ไม่มีครับ”
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?” ฉินอีหลินบ่นพึมพำกับตัวเอง ในแววตาของเธอปรากฏภาพที่ชายหาดที่มืดสนิทนั้น อีกทั้งภาพของคนที่กำลังหันหลังกลับไปอีกครั้ง ถึงแม้ฉินอีหลินจะไม่อยากยอมรับ แต่เมื่อตอนนั้นเป็นความเจ็บปวดที่ติดตัวเธอมาตลอดชีวิตจริงๆ “ถึงคุณจะยังไม่ได้แต่งงานก็ตาม แต่ก็อยู่ด้วยกันกับคุณไม่ได้หรอกนะ”
แววตาของฉินอีหลินจ้องไปที่ลี่โม่อวี่อย่างดื้อรั้น อีกทั้งหยิ่งยโสเหมือนอย่างเคย
“จะไม่อยู่กับผมงั้นหรือ? หรือคุณอยากให้ลูกของผมเรียกผู้ชายคนอื่นว่าพ่อหรือไง?” ลี่โม่อวี่ชอบและรักความดื้อรั้นแบบนี้ของฉินอีหลินที่สุด แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกรังเกียจความดื้อรั้นของเธอที่สุด หลังจากที่เขาเค้นเสียงพูดประโยคนั้นออกไป ลี่โม่อวี่ก็คิดอยากจะหัวเราะ พลางคิดว่าวันที่ผ่านมามันช่างไร้ค่าเสียจริง เขาจึงพูดออกมาอีกคำหนึ่งว่า “ไม่ได้หรือ?”
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่า “ทำไม่ได้” มันหมายความว่าอย่างไร แต่ขอเพียงสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ลี่โม่อวี่อยากทำ ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่สำเร็จ
ฉินอีหลิน ผมอุตส่าห์สงบสติอารมณ์ขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณถึงไม่ยอมให้โอกาสผมบ้าง?
ฉินอีหลินเห็นถึงความเจ็บปวดใจในดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน แต่เธอรู้ดีว่าระหว่างพวกเธอมันไม่มีทางให้หวนกลับแล้ว ต่อให้พูดอะไรไปก็เป็นการทำร้ายผู้ชายตรงหน้าอยู่ดี
ลี่โม่อวี่ไม่อยากจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ด้วยซ้ำ เขาอุตส่าห์ผ่าเอาใจออกมาให้เธอดูหลายต่อหลายครั้ง แต่ฉินอีหลินกลับโยนใจของเขาลงพื้น ทำให้ใจดวงนั้นแปดเปื้อนไปด้วยโคลนดูไร้ค่าไปเลย
ด้วยอารมณ์ที่พวยพุ่งของผู้ชายในขณะนี้พอเห็นฉินอีหลินนิ่งทื่อเป็นไม้แบบนั้น เขาก็ก้มไปจูบเธออย่างกระตือรือร้นทันที
เขาไม่อยากได้ยินคำพูดอะไรอีก ลี่โม่อวี่จึงสอดลิ้นเข้าไปลิ้มรสลิ้นที่อ่อนนุ่มที่ทั้งหอมหวานและสวยงาม
“นะ…นี่…คุณ…ปล่อย…” ฉินอีหลินเริ่มสติหลุดลอยไปแต่ก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะออกแรงหันหน้าหนีแรงกดทับนั้นไว้ พลันอดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงตอนที่ลี่โม่อวี่เมาครั้งนั้น เธอจำได้ว่าในคืนนั้นลี่โม่อวี่เหมือนกับสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ เขากดตัวฉันไว้แล้วจูบฉันไม่หยุด ลิ้นที่หยาบกร้านเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าเกลี่ยไปทั่วรอบปากของเธอจนแทบจะทำให้เธอเป็นบ้าทีเดียว
วันนั้นลี่โม่อวี่เร่าร้อนอย่างมาก แต่ตอนที่เขาลูบตัวเธอไปอยู่นั้นเขากลับเรียกชื่อของมู่หลิงขึ้นด้วย
คำว่า “มู่หลิง” ทะลุเข้ามาในโสตประสาทของเธอทุกครั้ง เธอพยายามดิ้นรนออกแต่ลี่โม่อวี่ก็ยิ่งทำรุนแรงกับเธอมากขึ้น
“ตลอดชีวิตของคุณอย่าคิดว่าผมจะปล่อยเลย” ลี่โม่อวี่ยื่นมือไปดึงหัวของฉินอีหลินเอาไว้ ก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของเธอ
“ลี่โม่อวี่ คุณดูดีๆ สิ ฉันคือฉินอีหลินนะ” พอได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ฉินอีหลินก็ยิ้มเยาะขึ้น ทำไมเขาถึงคิดว่าฉันเป็นคนอื่นกันไปแล้วนะ?
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ผมรู้ว่าคุณคือฉินอีหลิน และผมยังรู้อีกว่าทั้งชีวิตนี้ของคุณจะเป็นผู้หญิงของผมลี่โม่อวี่คนเดียวด้วย!” ลี่โม่อวี่ไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงพูดอะไรโง่ๆ แบบนั้นออกมา เขาขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะพูดคำๆ นี้ที่มันอัดแน่นอยู่ในอกเขามาตลอดออกมาอย่างจริงใจ ต่อจากนั้นเขาก็จูบเธออีกครั้งโดยไม่ให้โอกาสเธอได้ต่อต้านอะไรเลย
ชิวหันเยียนที่เพิ่งถามถึงห้องผู้ป่วยของฉินอีหลินเสร็จ เธอก็ค่อยๆ เดินมาอย่างช้าๆ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างว่ากลัวจะเห็นอะไรเข้า
ก่อนหน้านี้ที่เธอได้เจอกับลี่โม่อวี่ เขาก็แทบไม่อยากจะมองเธอเลย โดยเฉพาะเธอได้ยินข้อมูลมาจากลูกน้องของเธอว่า เขายังไม่ได้กลับบ้านเลยตั้งแต่ที่ฉินอีหลินเข้าโรงพยาบาล
แต่ละก้าวที่ชิวหันเยียนเดินไป เธอก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นทุกที เธอกลัวว่าจะเจอกับลี่โม่อวี่ในห้องผู้ป่วยเข้า เพราะช่วงไม่กี่วันมานี้ลี่โม่อวี่คงจะเอาแต่ดูแลปกป้องฉินอีหลินไม่ขาด แต่เธอก็หาคำตอบอะไรเพื่อมาควบคุมตัวเองได้ จึงทำให้ตอนนี้ความคิดของชิวหันเยียนขัดแย้งกันจนทำให้เธอรู้สึกแทบจะเป็นบ้า
ทันทีที่มาถึงหน้าห้อง เธอกลับเจอกับบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู บอดี้การ์ดทั้งสองคนนั้นไม่ได้หันมามองเธอเลยแม้แต่น้อย เธอหดตัวลงเล็กน้อย เพราะเธอรู้สึกได้ว่าคนทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่ใช่คนเลยด้วยซ้ำ กลับเหมือนภูตผีวิญญาณที่ผุดมาจากนรกมากกว่า
ชิวหันเยียนเองก็อยู่ในแวดวงนี้มานานเกือบห้าปี จึงรู้ได้ว่าคนพวกนี้เคยคร่าชีวิตคนมาเยอะแค่ไหน เธอยืดหลังตรงพลางรวบรวมความกล้าแล้วเดินไปข้างหน้า ขณะที่เดินมาถึงนั้นบอดี้การ์ดทั้งสองคนต่างก็ยื่นมือซ้ายขวามาขวางเอาไว้ ถึงจะไม่พูดอะไรแต่ความหมายมันดูชัดเจน
ชิวหันเยียนยืนประหม่าอยู่หน้าประตูแบบนั้น เธอคิดอยากจะตะโกนเรียกฉินอีหลินให้ปล่อยเธอเข้าไป แต่พอเงยตามองเท่านั้น ตาเธอก็เบิกโพลงทันที
จากมุมมองของเธอตรงนี้ เธอเห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้งเลยว่าลี่โม่อวี่กำลังโน้มตัวลงจูบกับฉินอีหลินอยู่!
ตอนแรกฉินอีหลินจะผลักลี่โม่อวี่ออกไปด้วยความโกรธ แต่เพราะร่างกายของเธอยังไม่ดี จึงไม่มีทางที่จะขัดขืนได้เลย ซึ่งขณะที่กำลังพยายามดิ้นรนอยู่นั้นเองเธอก็หันไปเห็นแววตาของผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างริษยา เห็นแบบนั้นเธอก็เลิกคิ้วขึ้น ฉินอีหลินคิดไม่ถึงเลยว่าชิวหันเยียนจะยังคงไม่ลืมลี่โม่อวี่ลง และสิ่งที่ทำให้เธอยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีกก็คือ ชิวหันเยียนมาที่นี่ทำไมกัน?
พอคิดได้แบบนั้นเธอก็ถอนสายตากลับมามองลี่โม่อวี่ ก่อนที่จะค่อยๆ ผ่อนแรงที่ดิ้นรน สุดท้ายก็ใช้มือทั้งสองข้างยกขึ้นโอบคอของลี่โม่อวี่เอาไว้ จากนั้นก็เริ่มจูบเขากลับทันที
พอโดนเข้าแบบนั้นร่างกายของลี่โม่อวี่ก็แข็งทื่อไปทันที ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมฉินอีหลินถึงเปลี่ยนท่าทีไวขนาดนี้ แต่เขาก็ผ่อนแรงลงเปลี่ยนไปลูบไล้เธอด้วยความรักโดยไม่ได้ทำอะไรหยาบคายเหมือนเมื่อสักครู่อีก
ซึ่งชิวหันเยียนที่ถูกขวางอยู่หน้าประตูนั้นก็เห็นแววตาที่ยั่วยุของฉินอีหลินได้อย่างชัดเจน