บทที่ 101 คุณใจดำมาก
เพราะช่วงนี้เกิดเรื่องมากมาย ฉินอีหลินจึงบ่ายเบี่ยงที่จะออกจากบ้าน เธออยู่แต่ในบ้านทั้งวัน ช่วงหลายวันมานี้ทำให้เธอทรมานจนทนไม่ไหว ฉินอีหลินพบว่านานแล้วที่เธอไม่ได้อยู่กับลูกๆ
อานหน้าพึ่งจะเดินมาถึงห้องเด็กๆ เห็นฉินอีหลินกำลังปิดประตูลงเบาๆ
“นอนแล้วหรอ”
อานหน้าเบาเสียงลงอย่างไม่รู้ตัว
“ค่ะ เด็กสองคนนี้ซนมากขึ้นทุกวันเลย”
ฉินอีหลินถอนหายใจเบาๆ ใบหน้าเผยความสงสัยมองไปยังแม่ตัวเอง “แม่คะ แม่มีอะไรหรือเปล่า”
“มาที่ห้องฉัน”
ฉินอีหลินมองตามหลังคนที่หมุนตัวกลับไป คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน จริงจังขนาดนั้นเลยหรอ
“แม่คะ….”
ฉินอีหลินผลักประตูเปิดเข้าไป เห็นอานหน้านั่งใจลอยอยู่บนเก้าอี้หวาย
“นั่งสิ”
อานหน้าก็ไม่ได้พูดนอกเรื่อง มองลูกสาวตัวเองนั่งลง จึงเอ่ยถามออกมาตรงๆ “เธอคิดจะหลบอยู่ในบ้านไปตลอดชีวิตรึไง รอให้รากขึ้น หรือว่ารอให้มูลค่าเพิ่ม”
ฉินอีหลินได้ยินก็รีบตอบโต้ “ หนูไม่ได้หลบสักหน่อย หนูแค่คิดว่าเรื่องของแก๊ง K ยังไม่ชัดเจน ถ้าออกไปแบบนี้ก็ไม่ใช้ไปเพิ่มปัญหาให้พวกคุณหรอ”
อานหน้ากลอกตาให้ลูกสาวตัวเอง ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าเด็กๆทั้งสองปากกล้าได้มาจากใคร ที่แท้ก็ตกทอดมาจากแม่ของพวกเขานี้เอง
“ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ เธอก็ต้องจัดการหางของเธอให้เรียบร้อยไม่ได้หรอ ลี่โม่อวี่ส่งดอกกุหลาบ 999 ดอกมาทุกวัน เขาไม่ลำบาก แต่ฉันลำบากเอาไปทิ้งนะ”
“ก็ทิ้งสักหน่อย จะเป็นไร…”
ที่จริงฉินอีหลินได้เห็นดอกกุหลาบมากมายในแต่ละวัน หัวใจเธอนั้นอบอุ่น
แต่สิ่งที่มั่นใจก็คือ ความคิดนี้ไม่ใช่ของเขาเองแน่ๆ ถ้าสมองทื่อๆของเขาสามารถคิดเรื่องโรแมนติกได้ขนาดนี้ ห้าปีที่แล้วพวกเขาคงจะไม่….
คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของฉินอีหลินเจ็บปวดขึ้นมา จริงๆเลย ไม่มีอะไรจะไปคิดถึงเรื่องพวกนั้นทำไม “นั่นมัน 999 ดอก ไม่ใช่ 9 ดอก และก็ไม่ใช่ 99 ดอก ที่เธอบอกให้ทิ้งก็จะทิ้งได้ทั้งหมด น้องชายเธอยังคิดเลยว่าจะเปิดร้านดอกไม้ ขายดอกกุหลาบโดยเฉพาะ”
ในขณะที่อานหน้ากับฉินอีหลินกำลังพูดคุยเรื่อยเปื่อยไม่หยุด บ้านตระกูลลี่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศกดดัน
“คุณพาลูกย้ายออกไปเถอะ ค่าใช้จ่ายของลูก ผมจะไม่ให้ขาดเลยสักนิด เดิมเนี่ยนเจ๋กินอะไร เล่นอะไร เรียนอะไร ต่อไปก็จะไม่เปลี่ยนแปลง”
ลี่โม่อวี่นั่งอยู่บนโซฟาคิดอยากสูบบุหรี่สักมวน แต่เขานึกขึ้นได้ว่าฉินอีหลินไม่ชอบให้เขาสูบบุหรี่ เขาจึงเก็บบุหรี่เข้ากระเป๋าไป
เขามองเห็นมู่หลิงที่ร้องไห้ไม่หยุดจึงถอนหายใจ แต่ความเข้าใจผิดระหว่างเขากับฉินอีหลินนั้นมีมากพอแล้ว เขาไม่อยากให้มีช่องว่างระหว่างพวกเขาอีก
“คุณจะใจดำขนาดนั้นเลยหรอ”
มู่หลิงไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ ที่จริงตอนที่เห็นรอยแดงบนคอฉินอีหลินเธอก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะมีวันนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้
ผู้หญิงตรงหน้าของลี่โม่อวี่ ไม่เอ่ยออกมาแม้เพียงเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะละอายใจต่อมู่หลิง แต่มีบางคำ เขาต้องพูดให้ชัดเจน
“ตอนนั้นคุณหนีไปโดยไม่บอกกล่าว ไม่บอกอะไรกับผมเลยสักคำ ผมก็ไม่รู้ว่าคุณจะท้อง”
หยุดไปสักพัก ลี่โม่อวี่ค่อยเอ่ยต่อ “บางทีหากไม่มีฉินอีหลิน ผมอาจจะเลือกคุณอีกครั้ง แต่ตอนนี้…..”
“แต่ตอนนี้ได้พบเธอ เธอเป็นเนื้อคู่ของคุณ ฉันเป็นอะไร ลี่โม่อวี่ ฉันเกลียดคุณ ทำไมคุณไม่บอกฉันตั้งแต่แรกที่ฉันกลับมา คุณคิดว่าฉันจะยื้อคุณไว้อย่างงั้นหรอ”
มู่หลิงไม่รอให้ลี่โม่อวี่พูดจบ เธอเอ่ยแทรกเขาขึ้นมาทันที น้ำตาไหลนองมองผู้ชายตรงหน้า สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ อิจฉาริษยาและโกรธแค้น
ความจริงเธอเข้าใจ แม้เมื่อห้าปีก่อนเขาจะบอก เธอจะต้องยื้อเขาเอาไว้แน่ แต่มู่หลิงรู้ เธอพูดแบบนี้จะเพิ่มความละอายใจให้แก่ลี่โม่อวี่
“ลี่โม่อวี่ คุณทำให้ฉันเสียเวลาตั้งห้าปี ห้าปี ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีสักกี่ห้าปีกัน”
มู่หลิงพูดพร้อมทั้งพุ่งเข้ามาทุบตีผู้ชายตรงหน้า น้ำหูน้ำตาเธอไหลเปรอะเปื้อนใบหน้า ท่าทางน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก
ลี่โม่อวี่ยังคงไม่เอ่ยอะไรออกมา และไม่ห้ามการกระทำของมู่หลิง ยอมให้เธอระบายอารมณ์ใส่
“คุณเอาเวลาหนุ่มสาวของฉันกลับคืนมา เอาห้าปีของฉันคืนมา หลายปีมานี้ฉันมองคุณมาตลอด แต่คุณเคยไว้หน้าฉันบ้างไหม นอกจากเวลาที่ลูกงอแงอยากออกไปเที่ยว คุณยอมที่จะเจอหน้าฉันบ้างไหม ฉันทำให้คุณเกลียดขนาดนั้นเลยหรอ”
มู่หลิงร้องไห้เสียงแหบแห้ง ทั้งทุบตีชายหนุ่มตรงหน้า จนกระทั่งมู่หลิงเหนื่อยแล้ว ลี่โม่อยู่ก็ยังไม่ขยับ
ลี่โม่อวี่ คุณกอดฉันหน่อยไม่ได้หรอ
ลี่โม่อวี่เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าเริ่มมีสติแล้ว ค่อยเอ่ยต่อ
“ผมแค่อยากชดเชยให้คุณสองคนแม่ลูก”
เขาเชยตามองมู่หลิงที่ไม่ได้อารมณ์พลุ่งพล่านเหมือนเมี่อสักครู่แล้ว เอ่ยขึ้นอีก “ผมแค่จะให้พวกคุณย้ายออกไปอยู่ข้างนอก บ้านผมเตรียมเอาไว้ให้แล้ว เนี่ยนเจ๋ยังไงก็เป็นลูกของผม ยังไงผมก็ไม่ดูแลพวกคุณไม่ได้……”
มู่หลิงในตอนนี้เริ่มมีสติกลับมาแล้ว เธอรู้ว่าผู้หญิงถ้าดื้อดึงมาไปจะทำให้ผู้ชายเกลียด เธอหยิบทิชชูออกมาเช็ดหน้า แต่ว่าใบหน้ายังคงไม่สู้ดี
“ลี่โม่อวี่ คุณไล่ฉันออกไป เป็นเพราะฉินอีหลินสินะ”
ไม่ใช่ประโยคคำถาม มู่หลิงใช้น้ำเสียงมั่นใจพูดออกมา แต่ยังน่าขำจ้องมองดวงตาของลี่โม่อวี่ หวังว่าเขาจะปฏิเสธ
ความจริงตอนนี้สำหรับมู่หลิง แค่ไม่ใช่ฉินอีหลิน จะเป็นใครก็ได้
แล้วแต่จะเป็นหนุ่มสาว หญิงสาวสวย หรือว่า……หรือว่าจะเป็นชิวหันเยียนก็ได้หมด
แต่เธอก็รู้อีกว่า ผู้หญิงที่กักขังลี่โม่อวี่ได้ มีเพียงฉินอีหลินคนเดียวเท่านั้น
น่าตลกอะไรขนาดนี้ เธอกับเขาอยู่ด้วยกันมาห้าปี แต่ก็เป็นไม่ได้แม้กระทั่งเงา
แน่นอนว่าลี่โม่อวี่รู้แผนของมู่หลิง แต่เขาไม่มีทางปฏิเสธ
มู่หลิงเห็นท่าทางของผู้ชายตรงหน้า เธอพลันรู้สึกหนาว
นี่เป็นผลกรรมหรอ ที่แท้ก็เป็นกรรมตามสนอง สนองได้ไม่เบาเลย
ตอนนั้นเธอไล่ฉินอีหลินออกจากบ้านตระกูลลี่ด้วยท่าทีอวดดี ตอนนี้ฉินอีหลินยืมมือคนอื่น ไล่เธอออกจากบ้านหลังใหญ่ในแบบเดียวกัน
“ฉันรู้แล้ว ฉันจะไปเก็บของ เดี๋ยวก็ย้ายออกไป วางใจ ฉันไม่อยู่ขวางหูขวางตาคุณหรอก”
มู่หลิงยิ้มหยันออกมา จึงกลับห้องไปเก็บของ
ความจริงนอกจากเสื้อผ้าติดตัวไม่กี่ชิ้น เธอก็ไม่มีของอะไรอีกแล้ว
เธอพึ่งพบว่า ห้าปีมานี้ เธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรให้บ้านหลังนี้เลย
น่าเศร้าจริงๆ……
มู่หลิงลงมาจากตึกอีกครั้งก็ไม่เห็นลี่โม่อวี่แล้ว เธอรู้ว่าเขาไม่โผล่มาแน่ เหมือนตอนที่เธอมา เขาไม่เคยสนใจ
กำกระเป๋าเดินทางในมือแน่น มู่หลิงไม่ได้ไปบ้านที่ลี่โม่อวี่เตรียมไว้ให้ ลี่หน้าเธอเปลี่ยนยืนอยู่ข้างทาง คล้ายกลับเด็กที่ถูกทอดทิ้ง
ขอบตาเริ่มแดง มู่หลิงพยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา โบกมือเรียกรถสักคัน
“ไปคลับเพลย์บอย”