บทที่ 111 แผลที่หายแล้วลืมความเจ็บปวด
เช้าวันต่อมา อ้ายหลุนที่เคยชินกับการตื่นเช้าอยู่แล้วลุกมาออกกำลังกายตอนเช้าอยู่รอบบ้าน อ้ายหลุนที่ออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมกำลังเดินไปที่หน้าประตูบ้าน เห็นผู้ชายคนหนึ่งหอบช่อกุหลาบสีแดงสวยลงมาจากรถกำลังเดินตรงมาที่บ้าน
อ้ายหลุนจึงรีบตามขึ้นไป ลี่โม่อวี่รู้สึกถึงความผิดปกติด้านหลัง หมุนตัวกลับ ดวงตาสองคู่สบประสาน ทว่าไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
แน่นอนว่าลี่โม่อวี่รู้จักอ้ายหลุน นักแสดงระดับฮอลลีวูดใครจะไม่รู้จัก แต่ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้
บริเวณรอบข้างเงียบสงัด ทว่ากลับมีกลิ่นอายของสงครามเกิดขึ้น ชายหนุ่มทั้งสองใช้สายตาสำรวจอีกฝ่าย แต่กลับรออีกฝ่ายเอ่ยปากก่อน
“อ้ายหลุน ทานข้าว” ฉินอีหลินหลังล้างหน้าเสร็จ ได้ยินอานหน้าบอกว่าอ้ายหลุนออกมาออกกำลังกายนอกบ้านจึงเดินออกมาตาม
สุดท้าย พึ่งเอ่ยจบ ก็เห็นชายหนุ่มสองคนจ้องตากันเขม็งไม่มีใครขยับ
เท้าของฉินอีหลินช้าลงยังไม่รู้ตัว มองลี่โม่อวี่อย่างตกใจเอ่ยถาม “คุณมาได้ยังไง”
ฉินอีหลินนึกว่าเมื่อวานที่ทั้งสองทะเลาะกันเช้าวันนี้ลี่โม่อวี่จะไม่มาแล้ว ตอนนี้ชายหนุ่มทั้งสองเจอกัน เธอปวดหัวจริงๆ
ในขณะที่ฉินอีหลินกำลังคิดว่าจะพูดอะไร เด็กทั้งสองก็วิ่งตามกันออกมา ตะโกนเรียกอย่างดีอกดีใจ “คุณพ่ออ้ายหลุน ทานข้าว”
ตั้งแต่คุยกันเมื่อวานตอนบ่าย เด็กทั้งสองก็ยืนยันไม่เปลี่ยน ตั้งแต่เช้าจรดเย็นก็เรียกอ้ายหลุนว่าพ่อมาตลอด
ฉินอีหลินอยากจัดการ แต่มีอ้ายหลุนคอยให้ท้าย เด็กๆทั้งสองจึงไม่กลัวเธอ
ถึงตรงนี้ ฉินอีหลินก็หมดปัญญา
ลี่โม่อวี่ไม่พอใจ ดวงตาคู่คมดั่งมีดจ้องเขม็งไปยังฉินอีหลิน เขาต้องการคำอธิบาย
ใครจะรู้ว่าเรื่องยังไม่จบเพียงเท่านั้น หลังจากเด็กทั้งสองมองเห็นลี่โม่อวี่แล้ว จึงหยุดอย่างว่าง่ายเอ่ยเรียก “คุณลุงก็มาแล้ว”
ท่านใดนั้น ลี่โม่อวี่ก็แทบกระอักเลือด อีกนิดเดียวสมองก็ขาดสติ นี่มันอะไรกัน ลูกของเขาแท้ๆกลับเรียกคนอื่นว่าพ่อ เขาได้กลายเป็นคุณลุงซะงั้น
ชั่วครู่ สายตาที่มองฉินอีหลินก็ไม่มีคำไหนมาบรรยายได้อีก ฉินอีหลินสบตาเพียงสองวิก็ก้มหน้าลง สายตาดุร้ายของลี่โม่อวี่ราวกับจะจับเธอกลืนลงไป น่ากลัวมากจริงๆ
อ้ายหลุนเดาได้ในทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ใบหน้าเปื้อนยิ้มคุกเข่าลง หยิกแก้มยุ้ยของเด็กน้อย ทักทายอย่างร่าเริง “ล้างหน้าแปรงฟันหรือยัง”
เด็กทั้งสองราวกับไม่มีใครอยู่ด้วย คุยกับอ้ายหลุนอย่างสนิทสนม ไม่สนใจลี่โม่อวี่เลยสักนิด
ลี่โม่อวี่ รับรู้ถึงความโกรธในใจที่ไม่ได้ถูกปลดปล่อย เขาไม่โทษเด็กแน่นอน นี่เป็นเพราะผู้ใหญ่ยุยงส่งเสริม
ลี่โม่อวี่ไม่พูดอะไร เดินเข้าไปเคาะประตูเอง
ฉินอีหลินรู้สึกขลาดกลัวอยู่ในใจรีบเดินไปเปิดประตู ทว่าอ้ายหลุนกลับชิงเปิดก่อน ยื่นมือไปรีบดอกไม้จากลี่โม่อวี่ ใบหน้ายิ้มอบอุ่น ใช้ภาษาจีนคล่องแคล่ว “พอดีวันนี้อยากแช่ดอกกุหลาบ”
“คุณครับ ถ้าไม่รังเกียจ ผมขอรับไว้นะครับ” อ้ายหลุนสูดดมดอกกุหลาบด้วยรอยยิ้ม แล้วพยักหน้า
”หอมจัง”
ตอนนี้ดวงตาของลี่โม่อวี่เหน็บหนาวถึงขีดสุด ผู้ชายคนนี้มาจากไหนกัน คิดจะเอาดอกไม้เขาไปแช่ น่ารังเกียจที่สุด ตอนนี้ยังคิดจะรับดอกไม้แทนฉินอีหลิน คำพูดสนิทสนมฉินอีหลินกลับไม่ปฏิเสธ สองคนนี้เป็นอะไรกัน
ลี่โม่อวี่โกรธจนถึงที่สุด แต่ไม่อยากโมโหต่อหน้าคนอื่น ได้แต่เก็บกักบาดแผลในใจเอาไว้
ร่างกายของเขาแข็งทื่อราวกับเหล็ก กำหมัดแน่น ทนไม่ได้อยากเขวี้ยงหมัดใส่หน้าหล่อเหลานั่น
อ้ายหลุนมองลี่โม่อวี่อย่างไม่ใส่ใจ เพียงแค่รู้สึกว่าเขาโกรธท่าทางน่ากลัว แต่ก็น่าขบขัน
แต่เขาไม่อยากปะทะกับลี่โม่อวี่ เขาดมดอกกุหลาบอีกครั้ง พาเด็กทั้งสองเดินเข้าไปทานข้าวก่อนอย่างอารมณ์ดี
ฉินอีหลินกำลังลังเลว่าจะชวนลี่โม่อวี่เข้าไปทานข้าวด้วยกันหรือไม่ ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็ถูกลี่โม่อวี่ดึงเข้าสู่อ้อมแขน ได้ยินเสียงเย็นชาของเขาถามขึ้น “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ถึงได้เรียกพ่อไปทั่ว หรือว่าคุณยังไม่บอกพวกเขาว่าพ่อของลูกคุณคือใคร”
ในใจของฉินอีหลินเป็นทุกข์จนไม่สามารถพูดออกมาได้ ทำได้เพียงอธิบาย “อ้ายหลุนเป็นเพื่อนของฉัน คำพูดของเด็ก คุณก็อย่าโกรธเลย”
ลี่โม่อวี่ได้ฟังจึงตอบรับเสียงเย็น จับจูงมือฉินอีหลินเข้าไปในบ้าน
น่าขำจริงๆ ลูกของตัวเองเรียกคนอื่นว่าพ่อ เขากลายเป็นลุง จะให้เอาหน้าไปไว้ที่ไหน
บนโต๊ะอาหาร ใบหน้าของอ้ายหลุนยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูไม่ออกเลยสักนิด
ด้านลี่โม่อวี่แม้จะไม่พอใจ แต่ก็กักเก็บความไม่พอใจเอาไว้ แต่ใบหน้าทะมึนยังมีออกมาให้เห็น ตอนนี้เขาโกรธ
อ้ายหลุนเก็บสายตา แต่ไม่ได้จริงจัง พูดยิ้มๆกับฉินอีหลิน “ฉิน ผมมาครั้งนี้อยากไปเที่ยวให้ทั่วเลย คุณต้องเป็นไกด์ให้ผมนะ”
ข้อเสนอนี้ไม่มีทางเลี่ยงได้ ฉินอีหลินตอบโดยไม่ต้องคิด “ที่นี่ที่เที่ยวเยอะมาก ยังไงคุณก็ไม่รีบ เราก็ค่อยๆเที่ยวไปเรื่อยๆ”
พอลี่โม่อวี่ได้ฟังก็แทบระเบิด คาดโทษฉินอีหลินในใจ ไม่รีบค่อยๆหรอ ต่อหน้าเขายังกล้าพูดหยอดกันแบบนี้ เห็นเขาตายไปแล้วหรือไง
ลี่โม่อวี่มองอ้ายหลุนด้วยสายตาเย็นชา มองเห็นรอยยิ้มของเขาหมัดลี่โม่อวี่ก็แทบกระตุก อยากต่อยให้จมูกบวมไปเลยดูซิว่าจะยังยิ้มสดใสแบบนี้ได้อยู่ไหม
“ผมว่าคุณก็ระวังตัวหน่อย ดาราดังออกไปข้างนอกเดี๋ยวก็ถูกคนรุมล้อม ยิ่งรู้ด้วยว่าประเทศจีนของเราอะไรก็ไม่เยอะ ก็คือคนเยอะนี่แหละ ถึงเวลาเกิดชุลมุน ถึงตอนนั้นแจ้งตำรวจก็ไม่มีประโยชน์”
ลี่โม่อวี่เสียงดังในลำคอ ยัดซาลาเปาเข้าปาก
อ้ายหลุนเบะปาก “ผมมีหมวกและแว่นกันแดด”
“อากาศร้อนขนาดนี้ไปเที่ยว บางคนยังไม่กลัวร้อน” ลี่โม่อวี่ยังคงแซะ สายตาไม่พอใจ
อ้ายหลุนตั้งใจจะเถียง ฉินอีหลินก็รู้ว่าไม่ควร จึงเสนอ “งั้นเราไปที่ที่คนไม่เยอะดีไหม”
“แบบนั้นก็ดี” ความตั้งใจของอ้ายหลุนคืออยู่กับฉินอีหลิน จะไปที่ไหนนั่นไม่สำคัญ
ใครจะคิดว่าลี่โม่อวี่ยังมีอะไรจะพูด ดวงตาคมมองไปยังฉินอีหลิน เอ่ยถาม “ฉินอีหลิน พอแผลหายคุณก็ลืมความเจ็บปวดเลยหรอ” ไม่รอให้ใครตอบ ลี่โม่อวี่ก็เอ่ยขึ้นอีก “การลักพาตัวครั้งที่แล้วยังไม่ทันจบ คนร้ายยังจับไม่ได้ ยังกล้าออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอีก ครั้งนี้อาจจะไม่ได้โชคดีอีกแล้วนะ” ฉินอีหลินได้ฟังดังนั้นก็เงียบลง
จริงสิ ช่วงนี้เงียบสงบเกินไป การลักพาตัวครั้งที่แล้วราวกับความฝัน เธอหละหลวมแล้ว
อ้ายหลุนฟังออกจากภาษาจีนของลี่โม่อวี่ ลักพาตัวหรอ นี่มันเรื่องอะไรกัน
มองสลับสังเกตสองคนไปมาอย่างสงสัย แต่ทั้งสองก็ไม่มีใครมีท่าทีจะเล่าให้เขาฟังเลยสักคน ทำให้อ้ายหลุนร้อนใจ สุดท้ายเป็นฉินอีหลินที่ยิ้มให้ แล้วบอก “อ้ายหลุน ไม่ต้องกังวล ฉันไม่เป็นไร”
อ้ายหลุนไหนเลยจะเชื่อคำพูดนี้ เขารู้เพียงว่า ตอนนี้ฉินอีหลินมีอันตรายจึงบอกอย่างกังวล “ฉิน คุณกลับอังกฤษพร้อมผมเถอะ ที่นั่นปลอดภัยกว่า”