บทที่ 84 ข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉินอีหลินขับรถไปพร้อมกับพยายามนึกว่าใครเป็นคนส่งสองคนนี้มา
ฉินหลันซู?
นึกถึงใบหน้าหวาดกลัวที่บ้านตระกูลฉินครั้งก่อน เธอจึงตัดคนคนนั้นออกไป
มู่หลิง?
แต่ตอนนี้มู่หลิงกำลังพยายามเอาใจลี่โม่อวี่ คงไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้
ชิวหันเยียน?
เธอนึกถึงใบหน้าโกรธแค้นของชิวหันเยียนขึ้นมาทันใด หรือว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้น? ตอนที่อยู่บาร์เสน่ห์หา เธอพูดเย้ยหยันไปเท่านั้น ตอนนี้เลยส่งคนมาลักพาตัว?
คิดทบทวนอยู่หลายรอบ ฉินอีหลินยิ้มเจ้าเล่ห์เอ่ยโอนอ่อนกับสองคนตรงหน้า
“พี่ชาย พี่ดูสิ พี่ชายคนนั้นเขาจ่อปืนมาที่ฉันแล้ว ฉันไม่กล้าตุกติกแน่นอน พี่เก็บมีดไปดีกว่าไหม? แบบนี้ฉันขับเลี้ยวไปมา ถ้าพี่พลาด ฉันก็คงเสียโฉม ผู้หญิงใส่ใจกับรูปลักษณ์มากเลยนะ พี่ไม่เห็นใจหน่อยหรอ?”
คนร้ายสองคนนั้นเห็นท่าทางนุ่มนิ่มของฉินอีหลิน อีกทั้งด้วยดวงตาใสแจ๋วที่เอ่ยออกมาด้วยความกลัว จึงหันมาสบตากัน เอามีดออกไป
ความเย็นเฉียบตรงลำคอนั้นหายไป นี่ทำให้ฉินอีหลินถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ใบหน้าของเธอยังคงดูหวาดกลัว ขับรถอย่างนุ่มนวล
“พี่ชาย ฉันถูกพวกพี่จับแล้ว หนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว พวกพี่ก็ช่วยบอกฉันหน่อยเถอะว่าใครเป็นคนส่งพี่มาจับตัวฉัน?”
ฉินอีหลินเห็นว่าทั้งสองนั้นคุยง่าย จึงรวบรวมคำพูด ไม่งั้นอีกสักพักจะไม่มีเวลาเตรียมตัว เธอเกรงว่าตัวเองจะเสียเปรียบ
“เลิกพูดมาก ขับรถของเธอไปดีๆ ไปถึงเดี๋ยวเธอก็รู้เอง จำไว้ ถ้ายังเล่นลูกไม้ล่ะก็ อย่าหาว่าปืนฉันไม่มีตา ยิ่งทะลุเข้าไปในตัวเธอแน่”
ชายคนนั้นเห็นได้ชัดว่าเคยเจอคำพูดแบบนี้มาเยอะแล้ว ใบหน้าหมดความอดทนขึ้นมา เขามองใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นที่ขาวซีดเพราะคำพูดของเขา เอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ
ฉินอีหลินรู้ว่าเจอของจริงเข้าให้แล้ว ใบหน้าแสร้งแสดงออกถึงความหวาดกลัว ต่อมาปิดปากเงียบไม่พูดมากอีก
เธอมองหาโอกาสหลบหนีมาตลอดทาง แต่ทั้งสองคนนั้นก็จ้องเธอไม่วางตา
จาก “ร้านกาแฟบังเอิญนั้น” มาถึงตึก ถนนหยินชวง หรูหรานี้ จริงๆสามารถเดินทางขับรถใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่เวลานี้ ฉินอีหลินรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
“ลงรถ”
ชายสองคนนั้นพาตัวฉินอีหลินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่โดยเดินประกบหน้าหลัง ไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้หยุดเท้าเลยสักนิด
พอเข้ามาด้านใน เธอก็ได้พบกับใบหน้าที่คุ้นชิน
ตอนอยู่ที่บาร์เสน่ห์หา ผู้ชายคนนี้เหมือนว่าจะเป็นลูกน้องของชิวหันเยียน ตอนนี้ ชายคนนั้นจ้องมองเธอด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
มุมปากยิ้มเย็น ฉินอีหลินเก็บท่าทางแสร้งอ่อนแอนั้นกลับคืน เธอยิ้มเย็นตอบกลับผู้ชายคนนั้น
เป็นไปตามที่คิด ไม่นานหลังจากนั้น ชิวหันเยียนก็เดินออกมาจากห้องๆหนึ่ง
“ชิวหันเยียน จะเชิญฉันมาเป็นแขกที่บ้านก็ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้มั้ง แค่บอกฉันมาเองก็ได้ สร้างเรื่องใหญ่โตขนาดนี้จะมีความหมายอะไร?”
ฉินอีหลินเห็นชิวหันเยียนหัวเราะออกมา เธอมองผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาดูถูก สีหน้าไม่มีความเวทนาสงสาร
ชิวหันเยียนมองการแต่งตัวของหญิงสาวตรงหน้า แววตาปนความอิจฉา เธอไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนได้เป็นอย่างดี
ชิวหันเยียนส่งเสียง หึ ในลำคอ อดไม่ได้ที่จะดูถูกผู้หญิงเย่อหยิ่งตรงหน้า
หล่อนมักจะมีท่าทางอวดดีอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ชิวหันเยียนจะรู้สึกต่ำต้อย ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอแทบบ้า “วันนี้คนที่อยากเจอเธอไม่ใช่ฉัน ฉินอีหลิน เธอเป็นคนฉลาด ถ้าเธอไม่อยากให้ลูกแฝดของเธอต้องเจ็บตัว เธอก็ไปกับฉันดีๆ อย่าเล่ห์เหลี่ยม ไม่งั้น ฉันจะทำให้เธอร้องไห้จนเป็นบ้าไปเลย”
ฉินอีหลินหรี่ตาลงมองตามหลังชิวหันเยียนไป สายตาเยือกเย็น ผู้หญิงคนนี้นับวันยิ่งกล้าขึ้นเยอะแล้ว ถึงขั้นเอาลูกมาข่มขู่เธอถึงครั้งสองครั้ง
ดีจริง
แม้ในใจจะคิดอะไรมากมาย แต่ใบหน้าของฉินอีหลินยังคงนิ่งสนิท เธอเดินตามผู้หญิงคนนั้นไป หางตาก็มิวายสอดส่องบริเวณรอบข้าง
เธอเองก็สงสัย นอกจากชิวหันเยียน ยังมีใครที่ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถึงลงทุน “เชิญ” เธอมาแบบนี้
ฉินอีหลินเดินขึ้นชั้นสองด้วยความสงสัย พึ่งจะเดินเข้ามาในห้อง เธอก็เห็นชิวหันเยียนยืนนอบน้อมอยู่ด้านหลังร่างอ้วนท้วมนั่น
ใบหน้าเต็มไปด้วยไขมัน ราวกับทุกส่วนบนใบหน้านั้นถูกไขมันยัดเต็มไปหมด
ตอนนั้นเองเขาก็หัวเราะมองมายังฉินอีหลิน แบบนั้นเหมือนรอยยิ้มข่มขู่
เธอไม่ทักทายชายคนนั้น มองสังเกตคนอื่นๆรอบข้าง
ชาวต่างชาติยืนล้อมรอบฉินอีหลินเอาไว้ พวกเขาจ้องหญิงสาวชุดดำด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
เพียงมองฉินอีหลินก็รู้แล้วว่า กลุ่มคนเหล่านี้ไม่เหมือนกับคนที่มีเรื่องกับเธอที่บาร์เสน่ห์หา
พวกเขาดูเป็นมืออาชีพ หรือไม่ก็ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
กวาดตามองไปรอบๆฉินอีหลินสังเกตเห็นสัญลักษณ์ K ที่คุ้นเคยบนชุดสูทของพวกเขา
ดึงสายตากลับมา ฉินอีหลินกวาดตามองไปยังชิวหันเยียน เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มาข้องเกี่ยวกับคนพวกนี้ได้ยังไง
ในตอนนั้นเอง ชาวต่างชาติคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งสูงสุดมองเห็นฉินอีหลิน ส่งสายตาบอกให้ลูกน้องจับตัวเอาไว้
ฉินอีหลินจะยืนนิ่งให้จับได้ยังไง เธอยกเท้าถีบไปยังท้องของคนที่อยู่ใกล้เธอที่สุด ดึงเท้ากลับมา หมัดขวาของเธอก็พุ่งออกไป คล้ายกับมุ่งทำร้ายชายตรงหน้า แต่เพียงหมุนตัว หมัดของเธอก็ปะทะเข้ากับท้องของคนด้านหลัง
พลั๊ก
เสียงการปะทะของร่างกายดังไปทั่วห้องไม่หยุด
ครั้งนี้ฉินอีหลินไม่ได้สบายเหมือนครั้งที่แล้ว ความร่วมมือกันของคนกลุ่มนี้นั้นดีกว่าพวกนั้นมาก การต่อสู้ของพวกเขาก็แรงเยอะกว่าพวกสวะพวกนั้นจนเทียบไม่ได้
“โอ๊ย…..”
ไม่ทันระวัง ฉินอีหลินถูกยันเข้าที่กลางหลัง
ร่างเริ่มโงนเงน เธอคุกเข่าล้มลงไปบนพื้น
ฉินอีหลินได้ยินเสียงลมดุดันพุ่งเข้ามาทางด้านหลัง เบี่ยงตัวไปด้านซ้าย เธอหลบหลีกจากการจู่โจมได้สำเร็จ
ต่างชาติคนนั้นเห็นเท้าของฉินอีหลินสวมรองเท้าส้นสูง แต่กลับไม่ยอมแพ้ให้กับเหล่าบอดี้การ์ด แอบประหลาดใจ ดวงตาค่อยๆสว่างขึ้น
โบกมือส่งสัญญาณให้อีกคนเป็นการบอกใบ้ให้ฉีดยาสลบ ชายกลุ่มนั้นกรูกันเข้าไปจับยึดฉินอีหลินเอาไว้
เธอได้แต่มองเข็มแหลมคนนั้นแทงเข้าไปที่ผิวของตัวเอง แต่กลับไม่มีแรงต่อสู้ “ปล่อยฉันนะ”
ฉินอีหลินพบว่าไม่ว่าตัวเองจะดิ้นรนยังไง น้ำใสๆนั้นก็ได้เข้ามาอยู่ในร่างกายของเธอแล้ว
“ชิวหันเยียน!”
ฉินอีหลินรู้ฝีมือของคนกลุ่มนั้น ตอนนี้เธอทำได้เพียงจ้องเขม็งไปยังหญิงสาวตรงหน้าอย่างโกรธแค้น