ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 106

ตอนที่ 106

บทที่ 106 ใช่หรือไม่ใช่ลูกผมกันแน่

นึกถึงเมื่อสักครู่ที่ได้ครอบครองฉินอีหลินอีกครั้ง ลี่โม่อวี่เคาะพวงมาลัยตามจังหวะของดนตรี ไม่นานก็เลี้ยวรถเข้าไปในลานจอดรถ

กำลังจะลงจากรถ เขาก็มองเห็นกระเป๋าของฉินอีหลินจากกระจกมองหลัง ลี่โม่อวี่อดไม่ได้แอบบ่นเบาๆ “โกรธจนกระเป๋าก็ไม่เอาแล้ว ยังต้องเอากลับไปส่งอีก”

แต่ลี่โม่อวี่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเสียเวลา คิดว่าอีกสักพักก็จะได้เจอหน้าฉินอีหลินอีกครั้ง มุมปากของเขาก็ยกยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ หมุนตัวกลับไปหยิบกระเป๋าจากด้านหน้า ทว่าไม่ได้รูดซิป เอกสารชุดหนึ่งหล่นออกมา ลี่โม่อวี่ยื่นมือไปหยิบยัดใส่กระเป๋า

ตอนนั้นเอง “ผลตรวจDNA” อักษรตัวใหญ่ปรากฏสู่สายตาลี่โม่อวี่ ชะงักไปเล็กน้อย เขาจึงหยิบเอกสารออกมา กวาดตามองไปหนึ่งรอบ ดวงตาเย็นวาบ เขาอ่านจนจบ อ่านจบอย่างไม่อยากจะเชื่อ ใบหน้าของลี่โม่อวี่เยือกเย็นขึ้น บรรยากาศในรถเย็นจนติดลบ

ไม่เอ่ยอะไรออกมา ลี่โม่อวี่เหยียบคันเร่งขับรถออกไปอีกครั้ง บนถนน ลี่โม่อวี่เหยียบคันเร่งไม่ผ่อนตลอดทาง ลมเย็นด้านนอกพัดเข้ามาเอาความร้อนออกไป แต่กลับพัดเอาความเยือกเย็นในใจเขาออกไปไม่ได้

เพลงในรถเปิดอย่างฟ้าสนั่นหวั่นไหว ในหัวของลี่โม่อวี่กลับว่างเปล่า จากความหนาวเย็นที่เกิดจากความตกใจในตอนแรก เขาเหลือเพียงสติและความสงบ สมองขาวโพลน มีเพียงความคิดที่เหลืออยู่ในหัว มือซีดขาวของเขาประคองพวงมาลัย ด้านหน้าเป็นไฟจราจร ลี่โม่อวี่สบถออกมา แล้วขับออกไปทางด้านข้าง

เขาไม่เคยสงสัยมู่หลิงมาก่อน ตอนแรกที่มู่หลิงพาลูกกลับมา เขาก็คิดว่านั่นเป็นลูกของเขา แต่วันนี้ตอนที่เห็นผลตรวจจากกระเป๋าของฉินอีหลินความรู้สึกตลอดหลายปีมานี้ของเขาพลันแหลกสลาย รุนแรงถึงชีวิต เรารับไม่ได้ เขาต้องการคำอธิบายจากมู่หลิง

ลี่โม่อวี่ขับรถอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากจินตนาการเลยหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เขาจะทำเรื่องร้ายแรงอะไรลงไปหรือเปล่า

ฉินอีหลินกลับถึงบ้านอย่างโกรธจัด ผ่อนลมหายใจให้นิ่งสงบค่อยรู้ว่ากระเป๋าของตัวเองหายไป คาดว่าน่าจะหล่นอยู่บนรถของลี่โม่อวี่ ฉินอีหลินราวกับมีลางสังหรณ์เกิดขึ้นมาในหัว

เธอไม่ทันได้โทษตัวเองที่สะเพร่า ก็รีบต่อสายหาลี่โม่อวี่

สติบอกเธอว่า ลี่โม่อวี่ไม่ใช่คนไม่มีมารยาท เขาคงไม่ค้นกระเป๋าเธอ เธอความรู้สึกก็ยังทำให้ฉินอีหลินรู้สึกกลัว

ไม่กลัวหนึ่งหมื่นแต่ก็ต้องกลัวหนึ่งในหมื่นที่จะเป็นไปได้

ฉินอีหลินกังวลอยู่ในใจไม่หยุด ภาวนาไม่ให้ลี่โม่อวี่แตะต้องกระเป๋าเธอ ถ้าหากผลตรวจถูกลี่โม่อวี่เจอเข้า ต้องแย่แน่ๆ

โทรศัพท์ไม่มีใครรับในตอนแรก ฉินอีหลินร้อนใจจนอยากร้องไห้ เดินวนไปมาอยู่ในห้องไม่หยุด “ลี่โม่อวี่ คุณรับโทรศัพท์สิ ได้โปรดเถอะ คุณห้ามแอบดูเด็ดขาดนะ”

ผ่านไปเนิ่นนาน หลังจากที่ฉินอีหลินโทรติดต่อกันแล้วสามสาย ปลายสายค่อยมีเสียงเยือกเย็นของลี่โม่อวี่ส่งผ่านมา ฉินอีหลินไม่รอให้เขาพูดมาก รีบเอ่ยถาม “ลี่โม่อวี่ กระเป๋าฉันอยู่บนรถคุณหรือเปล่า”

“ไม่เห็นหนิ” แม้ว่ากระเป๋าจะอยู่ข้างๆเขาก็ตาม ลี่โม่อวี่ยังคงตอบอย่างไร้ความรู้สึกใดๆ น้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อน

ฉินอีหลินไม่เชื่อหลังได้ยินเขาตอบกลับมา รีบเอ่ยเสียงดัง “ตอนฉันขึ้นรถกระเป๋ายังอยู่ข้างๆ กลับมาก็ไม่เห็นแล้ว ลี่โม่อวี่ จะต้องอยู่บนรถคุณแน่ๆ คุณลเองดูดีๆ”

เวลานี้ ลี่โม่อวี่นั้นกักเก็บอารมณ์ที่อยู่ในใจ ยิ่งฉินอีหลินโทรมาหาเขา เขายิ่งรู้สึกสับสน ในใจเขาเต็มไปด้วยไฟโกรธ แต่หาที่ระบายไม่ได้

ลี่โม่อวี่ไม่อยากให้ฉินอีหลินยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ เขาจึงไม่ถามต่อว่าเอกสารชุดนี้เธอได้มายังไง

ทว่าเห็นได้ชัดว่าฉินอีหลินรู้เรื่องนี้เร็วกว่าเขา แต่เธอคล้ายกับไม่ต้องการบอกให้ตัวเองรับรู้ คิดมาถึงตรงนี้ในใจลี่โม่อวี่ก็กลัดกลุ้ม ความรู้สึกที่ถูกหลอกลวง ยากที่จะรับได้ ตอนนี้กระทั่งฉินอีหลินก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน

ลี่โม่อวี่ไม่อยากโมโหใส่ฉินอีหลิน ในตอนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองยังไม่ได้ เขาจึงให้เหตุผลว่าต้องเข้าประชุมแล้วตัดสายไป

ฉินอีหลินมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายอย่างมึนงง แต่ไม่ได้สงสัยกับข้ออ้างของเขาว่าจะเข้าประชุม คิดเพียงว่าลี่โม่อวี่คงรีบ จึงไม่ทันได้เห็นกระเป๋า

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ใจของฉินอีหลินก็สงบลง อย่าน้อยแบบนี้ก็บ่งบอกได้ว่า ลี่โม่อวี่ยังไม่เห็นอะไร

หลังจากวางสาย ลี่โม่อวี่มองตรงไปข้างหน้า ขับแซงรถสองคันด้านหน้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงบ้านมู่หลิง

การมากระทันหันของลี่โม่อวี่ ทำให้มู่หลิงรู้สึกแปลกใจ แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความดีอกดีใจ เธอเดินเข้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม เอ่ยถาม “โม่อวี่ ทำไมถึงได้ว่างมาเวลานี้ล่ะ

ลี่โม่อวี่ไม่มองเธอสักนิด เดินตรงเข้าไปยังห้องรับแขกด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทันใดนั้นเขาก็ปาเอกสารในมือลงบนโต๊ะ เสียงดัง พลั๊ก มู่หลิงตกใจจนต้องก้าวถอยหลัง ค่อยเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาหวาดหวั่น เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “โม่อวี่คุณเป็นอะไรไป บริษัทเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”

ลี่โม่อวี่ยืนหันหลังให้มู่หลิง ตอนนี้เขาไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้แม้เพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ต้องการคำอธิบาย

“มู่หลิง คุณดูดีๆ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”พอลี่โม่อวี่เอ่ยปากก็เป็นคำพูดเย็นชา คิ้วที่ขมวดนั้นยากที่จะสะกดกั้นความโกรธในอก เขาหวังว่าเธอจะมีคำอธิบายดีๆ แต่ตัวอักษรสีดำชัดเจนบนกระดาษขาว ใจของลี่โม่อวี่เอนไปทางคนด้านหลังตั้งนานแล้ว

มู่หลิงไม่สามารถนิ่งสงบได้ แต่พอคิดว่าตอนนี้ตนเองก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรให้เขาไม่พอใจ หรือว่าเธอทำอะไรให้เขาจับได้แล้ว

มู่หลิงคาดเดาอยู่ในใจไปต่างๆนาๆ เธอค่อยๆก้มลงไปเก็บเอกสารนั้นขึ้นมา มู่หลิงพยายามรักษาใบหน้าให้เรียบสงบไว้ไม่ไหวแล้ว หนังตาของเธอกระตุกไม่หยุด แต่ “ผลการตรวจDNA” ราวกับเข็มที่ปักเข้าที่ดวงตาทั้งสองข้างของเธอ

นี่มันเรื่องอะไรกัน ในหัวของมู่หลิงหมุนติ้ว คิดว่าควรจะอธิบายยังไงดี แต่หลักฐานก็อยู่ตรงนี้ เธอจะอธิบายยังไง

ชั่วครู่ อารมณ์หลากหลายก็พุ่งเข้ามาในหัวของเธอจนจะระเบิด เธอพยายามเต็มที่เพื่อไม่ให้ตนเองล้มลง แต่ดวงตาด้านหลังนั้นแหลมคมคล้ายกับมีด ทำให้ร่างกายของมู่หลิงสั่นเล็กน้อย

“บอกมาเถอะ เนี่ยนเจ๋ใช่หรือไม่ใช่ลูกชายผมกันแน่” ลี่โม่อวี่เอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย

มู่หลิงที่แสร้งทำเป็นนิ่งสงบก็สูญเสียการควบคุม เธอรีบบอก “โม่อวี่ ไม่ใช่แบบที่คุณคิด คุณฟังฉันก่อน”

“คุณแค่บอกผมมา ใช่หรือไม่ใช่” ลี่โม่อวี่เสียงดังขึ้น ความโกรธในอกเริ่มถึงขีดอันตราย

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท