บทที่ 112 เด็กๆหายไป
ฉินอีหลินจ้องลี่โม่อวี่เขม็ง ที่พูดให้คนอื่นตกใจกลัว ค่อยเอ่ยปลอบอ้ายหลุนต่อ “ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดนั้น ถ้าคุณอยากไปเที่ยว ฉันพาคุณไปก็ได้”
“แต่ผมได้ยินเขาพูดถึงการลักพาตัว ฉิน คุณไม่ต้องโกหกผม” อ้ายหลุนมีท่าทางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แบบนี้ลี่โม่อวี่ทนดูไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเด็กนี่มากังวลหรอก จึงบอก “ไม่ต้องให้คุณมาเป็นห่วงหรอก ตอนนี้เธอสบายดี”
อ้ายหลุนค่อยผ่อนลมหายใจ แต่ก็ยังกังวลอย่าเห็นได้ชัด “จริงหรอ ฉิน”
ฉินอีหลินพยักหน้าหนักๆ อ้ายหลุนค่อยยอมเลิกรา พวกเขาเริ่มพูดคุยว่าจะไปเที่ยวที่ไหน
เด็กทั้งสองเมื่อบอกว่าจะได้ออกไปเที่ยวก็พากันฮึกเหิม คุยไปคุยมา สุดท้ายจึงตกลงไปสวนสนุก
พอทานข้าวเสร็จ ทั้งหมดตัดสินใจเริ่มออกเดินทาง เด็กทั้งสองงอแงไม่อยากมาเปลี่ยนเสื้อผ้าจะออกจากบ้าน
เดิมลี่โม่อวี่อยากไปด้วย ทว่าถูกฉินอีหลินดูออก ยิ้มแล้วถามเขา “เรื่องที่บริษัทจัดการได้แล้วหรอ รีบกลับไปเถอะ”
คำพูดของฉินอีหลิน ทำให้คิ้วของลี่โม่อวี่ขมวดเข้าหากันแน่น นี่กำลังกันเขาออกไปหรอ
ลี่โม่อวี่มองฉินอีหลินไม่พูดอะไร แต่ฉินอีหลินยักคิ้วบอกใบ้ว่ารถอยู่ด้านหลัง สุดท้ายจึงได้แต่พาความโกรธขึ้นรถด้วย
ในรถ เห็นเด็กทั้งสองพุ่งเข้าหาอ้ายหลุนด้วยความดีใจ ด้วยความโกรธลี่โม่อวี่ตบแรงๆลงไปที่พวงมาลัยรถ รอฉินอีหลินขับรถออกไป ลี่โม่อวี่ก็ตามหลังไปเงียบๆ ปล่อยให้ฉินอีหลินอยู่กับผู้ชายคนนั้นเขาไม่วางใจ
ด้านในรถ เสียงหัวเราตลอดทางไม่ขาด ฉินอีหลินเองก็ไม่ได้ไปสวนสนุกมานานแล้ว ได้ผ่อนคลายไปกับเด็กๆ
เด็กทั้งสองมาอยู่ตรงกลางมีฉินอีหลินและอ้ายหลุนอยู่รอบข้าง คล้ายกับการเที่ยวแบบครอบครัว ระหว่างนั้นฉินอีหลินก็ยิ้มหัวเราะให้กับอ้ายหลุนไม่ขาด
ลี่โม่อวี่ไม่ได้ลงจากรถกำลังมองภาพนั้น ความโกรธเกิดขึ้นในใจ ผู้หญิงของเขา แต่กลับยิ้มให้คนอื่น ลูกของตัวเอง กลับเรียกคนอื่นว่าพ่อ
เขาเข้าไปหาไม่ได้ ความรู้สึกแบบนี้มัน…….
ลี่โม่อวี่พบว่าเขาใกล้จะอึดอัดตายอยู่แล้ว
ทั้งคู่ยังคงไม่รู้ตัว ไม่สนใจคนอื่น หัวเราะสนุกสนาน ส่วนลี่โม่อวี่ต้องกัดฟันแน่น
“แม่ครับ ผมจะไปดูตรงนั้น” หมิงเจ๋อชี้ไปที่กายกรรมห่างออกไป ใบหน้าตื่นเต้น
ทั้งลี่คนพึ่งลงจากม้าโยก รีบวิ่งไปยังจุดถัดไป ต้องบอกว่าเล่นกับเด็กๆใช้แรงไม่น้อยเลย อ้ายหลุนยังดีอยู่ แต่ฉินอีหลินเหนื่อยหอบแล้ว แต่ยังคงยิ้ม
เด็กทั้งสองเบียดเข้าไปด้านใน ฉินอีหลินอยากตามเข้าไป แต่ถูกอ้ายหลุนดึงเอาไว้ ฉินอีหลินหันกลับมา เห็นอ้ายหลุนยิ้มให้เธอ บอกใบ้ไม่ให้ตามเข้าไป
ทั้งสองยืนอยู่ข้างๆ สายตามองเห็นเด็กทั้งสองพอดี จึงไม่ได้ใส่ใจมาก
“ฉิน” อ้ายหลุนเรียกฉินอีหลินขึ้นมา ดวงตาลึกซึ้งมองเธอ
ฉินอีหลินถูกสายตาร้อนแรงมองตรงๆ หัวใจพลันว้าวุ่น เบี่ยงหน้าหลบ
เมื่อวานฉินอีหลินก็หนีไปแบบนี้ ครั้งนี้เขาจึงยึดมือฉินอีหลินไว้ เอ่ยต่อ “ฉิน คุณให้โอกาสผมสักครั้ง ผมแค่อยากอยู่กับคุณ อย่างอื่นผมไม่สนใจ”
“หมิงเจ๋อ จิ่นเซวียนก็เป็นลูกของผม ผมจะรักพวกเขา แน่นอนว่าผมก็รักคุณ ฉิน หัวใจผมคุณยังไม่เข้าใจอีกหรอ ครั้งนี้ผมมาจากอังกฤษ เพื่อมาหาคุณ แค่อยากทำตามเสียงหัวใจตัวเอง ไม่ให้ต้องเสียใจ”
ฉินอีหลินหายใจติดขัด รีบดึงมือตัวเองกลับ หันข้างให้ รู้สึกสับสน ทำให้อ้ายหลุนไม่เข้าใจ
“ฉิน ผมมีเวลามากพอ ผมหวังว่าคุณจะทบทวนดูดีๆ” อ้ายหลุนเอ่ยเสริม
ฉินอีหลินยังคงไม่เอ่ยปาก คำพูดของอ้ายหลุนทำให้เธอสับสน
เธอไม่ลืมความสำคัญของอ้ายหลุน เมื่อห้าปีก่อนที่เธอตกต่ำ
เธอยังจำช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดี ทุกๆวันเธออยู่ในห้องพักผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือบาดแผล ยิ่งความเจ็บปวดในใจที่ไม่สามารถลบออกไปได้ เธออยากปลุกตัวเองแต่ไม่มีแรงใจ
ฉินอีหลินยอมรับว่า ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่มืดสนิท แล้วอ้ายหลุนก็เป็นเหมือนแสงสว่างปรากฏเข้ามาในชีวิตของเธอ
อ้ายหลุนเป็นผู้ชายที่มีรอยยิ้มสดใส ดวงตานุ่มนวลราวกับสายน้ำทำให้คนรู้สึกอบอุ่น หลายเรื่องที่ฉินอีหลินไม่กล้าคุยกับอานหน้า ไม่กล้าคุยกับใครแต่ก็คุยกับอ้ายหลุนได้ อ้ายหลุนเป็นเพื่อนของเธอ เป็นที่พึ่งของจิตใจ
ฉินอีหลินเคยคิดว่า เธอจะรักษามิตรภาพกับอ้ายหลุนต่อไป
ต่อมาอาการป่วยของฉินอีหลินเริ่มดีขึ้น จิตใจก็เริ่มดีขึ้น แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่สายตาของอ้ายหลุนที่มองมายังเธอนั้นเปลี่ยนไปไม่เหมือนแรกเริ่มแล้ว
เธอรู้ ทั้งสองกลับไปเป็นเหมือนเดิมในตอนแรกไม่ได้แล้ว แต่เธอก็ไม่อยากสูญเสียเพื่อนอย่างอ้ายหลุนไป เธอระมัดระวัง พยายามใช้ความเย็นชาต่อสู้กับความรู้สึกที่อ้ายหลุนส่งมา แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
เธอหวังว่าอ้ายหลุนจะเข้าใจในตัวเธอ ไม่ทำลายกำแพงนี้
“อ้ายหลุนฉันลำบากใจมาก” นานทีเดียว กว่าฉินอีหลินจะเอ่ยปากบอก สายตาไร้ความรู้สึก ดูไม่ออกถึงความรู้สึกใดๆ
เธอเคยถามตัวเอง มีใจให้อ้ายหลุนบ้างไหมซักเล็กน้อย คำตอบแน่นอนว่าไม่มี
แต่เธอไม่รู้ หากเธอปฏิเสธไปแบบนี้ จะต้องสูญเสียเพื่อนคนนี้ไปหรือไม่
แน่นอนว่าอ้ายหลุนก็รู้ว่าสิ่งคิดยังไง แต่ถ้าไม่มีความรู้สึกให้เขาสักนิด ทำไมฉินอีหลินต้องลังเล
เขาเอ่ยอีกครั้งด้วยความหวังริบหรี่ “ฉินคุณไม่จำเป็นต้องตัดสินใจ แค่คุณให้ผมอยู่ข้างๆ ผมเชื่อว่าต้องมีสักวันคุณจะยอมรับผม”
ฉินอีหลินก้มหน้าผ่อนลมหายใจเบาๆ มีบางอย่างเธอพูดออกมาไม่ได้ แต่จะหลบหนีก็ไม่ใช่วิธีที่ดี จนสุดท้ายคนที่เจ็บปวดที่สุดก็ยังคงเป็นอ้ายหลุน
นับหนึ่งถึงสาม ในใจฉินอีหลินตัดสินใจพูดให้ชัดเจน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น เธอกลับมองไม่เห็นเด็กๆ มองหาอยู่สักพักใจเธอก็เริ่มร้อนรนขึ้น เด็กๆหายไปแล้ว
ฉินอีหลินถูกดึงสติให้มาอยู่กับปัจจุบัน ดวงตาตระหนก อ้ายหลุนก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกไป ได้ยินเสียงตื่นตกใจของฉินอีหลิน “เด็กๆหายไปแล้ว”
หลังเอ่ยจบ ฉินอีหลินก็พุ่งตัวเข้าไปทันที อ้ายหลุนก็เริ่มร้อนรน รีบตามเข้าไป เขาจำได้ว่าเด็กทั้งสองอยากดูกายกรรม อยู่ตรงด้านล่าง จะต้องอยู่ตรงนั้นแน่ๆ
“หมิงเจ๋อ”
“จิ่นเซวียน”
……
ฉินอีหลินแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคน สุดท้ายก็เดินออกมามือเปล่า ผมของเธอยุ่งเหยิง ดวงตาเข้มขึ้น อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก
ตอนนี้อ้ายหลุนต้องโทษตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองดึงฉินอีหลินเอาไว้เพื่อสารภาพรัก เด็กทั้งสองจะหายไปได้ยังไง
รีบเดินเข้าไป พร้อมปลอบใจ สายตาก็มองรอบทิศ “หมิงเจ๋อกับจิ่นเซวียนเป็นเด็กดี คงไม่เดินไปทั่ว จะต้องอยู่ที่นี่แน่ เราช่วยกันตามหา”