บทที่ 126 ล่องูออกจากถ้ำ
ฉินอีหลินไม่ตายใจ ยังคงตามหาทุกซอกทุกมุมในคฤหาสน์ เสียงตะโกนเรียกดังขึ้นท่ามกลางค่ำคืนเงียบสงัด แต่สิ่งที่ตอบกลับเธอ นอกจากเสียงลมผัดผ่านก็ไร้ซึ่งอื่นใด
ชั่วครู่ฉินอีหลินไร้เรี่ยวแรงอยู่ตรงหน้าบันได ยังไม่นั่งถึงสองวิ เธอก็รีบลุกขึ้น จะไปค้นหาต่อ ลี่โม่อวี่คว้ามือของฉินอีหลินเอาไว้ และปลอบเธอว่า “ไม่ต้องหาแล้ว เธอไม่ได้อยู่ที่นี่”
ฉินอีหลินท่าทางผิดหวังไม่อยากเชื่อ ลูกไม่อยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ที่ไหน “ไม่ ฉันต้องตามหา”
“ฉิน ผมรู้ว่าคุณร้อนใจ แต่คุณต้องพักผ่อน ลูกก็เหนื่อยแล้ว” อ้ายหลุนที่อุ้มเด็กอยู่ตลอดก็เอ่ยบอก
เท้าของฉินอีหลินหยุดลง หันกลับมาช้าๆก็เห็นหมิงเจ๋อที่ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของอ้ายหลุน น้ำตาหยดโตร่วงลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอรับลูกมากอดเอาไว้ จูบเบาๆ สะกดน้ำตาแล้วบอก “เรากลับกันเถอะ”
ในคฤหาสน์ เด็กค่อยๆหลับไป ฉินอีหลินมองใบหน้านิ่งสงบของหลงหมิงเจ๋อ น้ำตาไหลทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
คิดแล้วลูกก็ต้องทนทุกข์เหมือนกัน ทำไมตอนนั้นเธอไม่ระวัง ลูกหายไปจากสายตาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “หมิงเจ๋อ แม่ขอโทษนะลูก”
เธอยกมือขึ้นไปลูบผมของลูกเบาๆ ผิวนุ่มนิ่มนั้นทำให้ใจของเธออ่อนลง ใบหน้าของลูกมอมแมมเล็กน้อย เธอใช้ผ้าเช็ดเบาๆ ไม่กล้าทำแรง กลัวว่าลูกจะตื่น
รอจนลูกขาวสะอาด ฉินอีหลินจึงยิ้ม เธอก็ถือโอกาสไปล้างหน้า จัดผมเล็กน้อย ค่อยนั่งลงข้างๆหลงหมิงเจ๋อ
“ครั้งนี้ แม่ผิดเอง ต่อไม่แม่ไม่มีทางออกห่างไปไหน” ฉินอีหลินจูบลงที่ขมับของลูก พึมพำอยู่ข้างๆ รับปากเบาๆ
หลงจิ่นเซวียนหลับสนิทอย่างว่าง่าย ฉินอีหลินอยู่ข้างๆเขาตลอด นึกถึงเตียงว่างข้างๆ ลูกสาวเธอยังไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน น้ำตาอุ่นใสหยดโตร่วงลงมา
หลงหมิงเจ๋อคล้ายได้ยินเสียงแม่ในฝัน ค่อยๆพลิกตัว มือคว้าเข้าที่แขนของฉินอีหลิน พึมพำเบาๆ “แม่”
ชั่วครู่ น้ำตาของฉินอีหลินยิ่งไหลรินหนักขึ้น เธอครางตอบรับในลำคอ ก้มลงไปใช้ใบหน้าสัมผัสถึงอุณหภูมิของลูก เด็กน้อยเอ่ยเพียงประโยคเดียว แล้วจมเข้าสู่การหลับใหลอีกครั้ง
ดวงตาของฉินอีหลินยังเบิกโพลง ไม่มีความง่วงเลยสักนิด นิ่งมองลูกหลับอยู่แบบนั้น เธอก็รู้สึกพึงพอใจแล้ว
เพียงแต่จิ่นเซวียน ลูกสาวที่น่าสงสารของฉัน ตอนนี้หนูอยู่ที่ไหน ไม่มีใครนอนด้วย จะหนาวหรือเปล่า
ด้านล่าง ลี่โม่อวี่ อ้ายหลุนและหลงอี้เซวียนกำลังพูดคุยเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้
ชัดเจนว่า ก่อนหน้านั่นหลงหมิงเจ๋อโดนยาสลบ ต่อมาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อีกทั้งยังมีคนเอามาทิ้งที่คฤหาสน์ชิวหันเยียน
ก่อนหน้าลี่โม่อวี่และฉินอีหลินได้ค้นหาทุกซอกทุกมุมแล้ว ด้านนอกด้านในค้นอย่างละเอียดแทบพลิกแผ่นดินหา ถ้ามีเด็กๆพวกเขาคงเจอตั้งแต่แรก
ทุกคนเห็นฉินอีหลินเดินลงมา จึงหยุดการพูดคุย
ฉินอีหลินพยายามยิ้มออกมา ถามทุกคน “เป็นยังไงบ้าง มีเบาะแสอะไรบ้างไหม”
ทุกคนยังรักษาความเงียบสงบ นัยน์ตาเข้มขึ้น ลี่โม่อวี่เดินเข้าไปหา ยึดไหล่ฉินอีหลินไว้เบาๆ ปลอบ “ไม่เป็นไร ชิวหันเยียนยังอยู่ในมือของเรา ไม่ต้องกลัวว่าจะหาจิ่นเซวียนไม่เจอ”
“แต่ก่อนหน้านี้เราก็ถามไปแล้ว” ฉินอีหลินบอกเย็นชา
ชั่วครู่ ห้องทั้งห้องกลับมาอยู่ในบรรยากาศเงียบสงัดดังเดิม เดิมคิดว่าเด็กทั้งสองจะปลอดภัยแล้ว สุดท้ายก็ดีใจเปล่า ลี่โม่อวี่เอ่ยถาม “หมิงเจ๋อไม่เป็นไรใช่ไหม”
ฉินอีหลินส่ายหน้า “เด็กหลับไปแล้ว ทุกคนก็ไปนอนเถอะ”
หลงอี้เซวียนที่จับจ้องอยู่ที่คอมพิวเตอร์อยู่ตลอดชี้ไปที่คอมพิวเตอร์ เขาพูดอย่างตกใจ “พวกคุณรีบมาดู เจออะไรใหม่ๆแล้ว”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น จึงรีบเข้าไปห้อมล้อม ฉินอีหลินตื่นเต้นกว่าใคร เดินไปยืนอยู่ด้านหน้า เห็นเพียงรายงานเกี่ยวกับไฟไหม้คฤหาสน์
ฉินอีหลินกลัดกลุ้มเล็กน้อย “นี่มันเกี่ยวอะไรกับการหายตัวไปของเด็ก”
“มันอยู่ห่างจากคฤหาสน์ของชิวหันเยียนไม่ไกล” หลงอี้เซวียนอธิบาย
ฉินอีหลินยังคงไม่เข้าใจ “แล้วยังไง”
ลี่โม่อวี่ยังคงจับจ้องอยู่ที่คอมพิวเตอร์ พูดอย่างไม่เงยหน้า “เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้เป็นคนอังกฤษ อีกทั้งเวลาเข้าพักก็ไม่นาน”
หัวใจของฉินอีหลินพลันเต้นแรงยิ่งขึ้น จำได้ว่าครั้งก่อนที่ตัวเองเกิดเรื่องก็อยู่บริเวณคฤหาสน์ของชิวหันเยียน การลักพาตัวครั้งนี้ก็เหมือนกัน หรือว่า…….
ฉินอีหลินคล้ายกับค้นพบอะไร แม้บอกไม่ได้ แต่ก็รีบต่อสายหาหลงเซี่ยวเทียนที่ยังคงอยู่ที่อังกฤษ พูดกับเขาให้เข้าใจง่ายๆ จึงเอ่ยปาก “ช่วงนี้ต้องดูการเข้าออกประเทศ ต้องรบกวนพ่อแล้ว”
หลงเซี่ยวเทียนยังคงมึนงง สอบถามต่อฉินอีหลินก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ฉินอีหลิน แต่เมื่อเห็นฉินอีหลินรอบคอบแบบนั้น จึงรีบรับปากอย่างไม่ลังเล
ตอนนี้ ทุกคนผ่อนลมหายใจพร้อมกัน ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนอังกฤษนั่นจริงๆ พวกเขาเผาฐานที่มั่นฝั่งนี้แล้ว แสดงว่าต้องกลับอังกฤษแล้วอย่างแน่นอน
“แต่ก็ยังมีช่องโหว่อยู่อย่าง” อ้ายหลุนที่เงียบมาตลอดเอ่ยขึ้น ดึงความสนใจจากทุกคนขึ้นมาทันที หัวคิ้วอ้ายหลุนขมวด “เครื่องบินส่วนตัว”
ทุกคนตะลึงงัน ค่อยดึงสติกลับมาได้ จริงสิ อีกฝ่ายทำเรื่องใหญ่ได้ขนาดนี้ จะมีเครื่องบินส่วนตัวก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
ถ้าเป็นแบบนั้น งั้นก็ยากที่จะสืบค้นข้อมูลการเข้าออกของพวกเขา แบบนี้ พวกเขาก็จะสืบไม่เจออะไรเลย
ความหวังที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่หายไปทันที แววตาของฉินอีหลินก็ทะมึนขึ้น ลี่โม่อวี่โอบไหล่ของเธอ ปลอบโยน “ไม่เป็นไร แค่สันนิษฐานกันเท่านั้น คงจะไม่บังเอิญขนาดนั้น”
ฉินอีหลินส่ายหน้า เรื่องของเด็กๆ เธอไม่อยากเสี่ยง ชิ่งโหว่ทุกทางจะจะปล่อยผ่านไปไม่ได้
ทุกคนเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง จากเรื่องสถานการณ์ต่างไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา ทันใด ฉินอีหลินจึงบอกกับทุกคน “ถ้าพวกมันไม่โผล่ออกมา ฉันก็จะล่อมันออกมา”
“อะไรนะ คุณบ้าไปแล้วหรอ” ลี่โม่อวี่คนแรกที่ไม่เห็นด้วย นี่ไม่ใช่เกม หากสะเพร่าไปแม้แต่น้อยก็อันตรายถึงชีวิต
อ้ายหลุนก็รีบต่อต้าน “ฉิน คุณอย่าพึ่งวู่วาม”
หลงอี้เซวียนรีบปิดคอมพิวเตอร์ จ้องมองฉินอีหลินด้วยสายตาน่าเกรงขาม บอกอย่างจริงจัง “พี่ ทุกคนอยู่ตรงนี้ พี่อย่าคิดเพ้อเจ้อ”
ทว่าฉินอีหลินส่ายหน้า สายตาสงบมองไปยังทุกคน “พวกเขาจับตัวเด็กๆ ก็เพื่อจับตัวฉัน ตอนนี้ล่อเสือออกจากถ้ำ พวกเขาจะต้องติดกับแน่”
“ไม่ว่ายังไง ผมไม่ยอมแน่” ลี่โม่อวี่ยืนยันเด็ดขาด บอกย่างไม่เกรงใจ
คำพูดของลี่โม่อวี่ครั้งนี้ ทุกคนต่างไม่โต้แย้ง พยักหน้าเบาๆ ให้ฉินอีหลินตัดใจจากเรื่องนี้
ฉินอีหลินก็ไม่โต้แย้ง ยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรอีก